บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
4
Shinichiro, my love!
“ชินอิชิโร คนรักของฉัน”
ชินอิชิโรหัวหมุนคว้างไปกับวลีสั้น ๆ ที่ก่อให้เกิดอารมณ์เพริดแพร้วดั่งหนุ่มวัยสิบเจ็ดสิบแปด ลืมตัวลืมใจจนแก้มร้อนผ่าวราวระอุ ความรู้สึกต่อต้านกร้าวแข็งที่มีต่อคุณนายโฉมงามดูเหมือนจะเริ่มสั่นคลอน
ชายหนุ่มตะโกนก้องอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านั่นเป็นกลลวง เป็นกับดักที่แม่ม่ายสาวจงใจวางดักเขาอย่างแยบยลอีกครั้ง หล่อนจงใจทิ้งข้อความรัญจวนใจนั้นไว้ให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตา...แต่คราวนี้จะลวงกันไม่ได้อีกแล้ว เพราะเขามองหล่อนออกจนทะลุปรุโปร่ง แต่พอสะกดจิตใจให้สงบลงแล้วตริตรองดูอีกที ความคิดอีกแนวหนึ่งก็ได้ก่อเกิด
การวางแผนทำอะไรพื้น ๆ ที่ส่อให้เห็นถึงรสนิยมต่ำต้อยเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนที่ชาญฉลาดและมีปัญญาแหลมคมอย่างคุณนายโฉมงามผู้นี้พึงกระทำ และเมื่อไม่ใช่แผนจงใจเขียนข้อความทิ้งไว้เพื่อลวงล่อ มันก็ต้องเป็นการเขียนจากใจจริง เขียนออกมาอย่างไม่รู้ตัวจากใจจริงของหล่อนแน่นอน ความสำคัญตนอันเป็นนิสัยของผู้ชายทั่วไปได้เข้ามาครองใจให้เกิดความหึกเหิมขึ้นมา ใช่แล้ว...ข้อความจดหมายที่ได้รับเมื่อกี้นี้ก็อาจกลั่นกรองออกมาจากใจจริงของคุณนายด้วยเช่นกัน
ที่เขาประณามคุณนายโฉมงามอยู่ในใจว่า...หล่อนทำตัวราวนางโลม...นั้น อาจเป็นการมองอย่างผิด ๆ เฉกเช่นคนอ่อนโลก ที่จริงแล้วแม่ม่ายโฉมงามผู้นี้เบื่อการเล่นรักกับพวกผู้ชายเต็มประดา เบื่อพวกผู้ชายที่มาห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ ตัวราวหมู่ภมรว่อนชมดอกไม้หอมหวาน และอาจกำลังโหยหาความรักจากคนต่างเพศอยู่อย่างจริงจังถึงกับยอมละทิ้งทั้งกายและใจก็เป็นได้ หล่อนผู้เบื่อพวกผู้ชายเจ้าชู้เจนโลก อาจกำลังต้องการผู้ชายที่มีความจริงใจ ซื่อและอ่อนโลกอย่างเขาก็เป็นได้
ชินอิชิโรคิด และขณะที่ความรู้สึกเป็นปรปักษ์กับคุณนายโฉมงามกำลังโค่นล้มลงไปครึ่ง ๆ นั้นเอง
“ขอโทษค่ะ”
ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงกังวานหวานราวระฆังเงิน พร้อมกับคุณนายโฉมงามเปิดประตูเยื้องร่างสูงระหงเข้ามาในห้อง ดูเหมือนจะเพิ่งขึ้นจากน้ำ ใบหน้าขาวผ่องยองใยเปล่งประกายสดใสราวผ้าไหมสีขาวเนื้อละเอียดสะท้อนแสงแดดส่อง เสื้อชุดยุกะตะที่ทำด้วยผ้าเนื้อดีแนบกายเน้นรูปทรงองค์เอวงามราวภาพวาด
สายตาคมวาวเป็นเงางามที่จ้องมองมาในระยะเกือบประชิดตัว สะกดใจของชินอิชิโรให้แน่นิ่งราวต้องมนต์ ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“ดีใจจริงที่คุณมา ดิฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้วเสียอีก”
คุณนายยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามไม่ให้ชินอิชิโรลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อต้อนรับการมาของเธอ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขาโดยมีเพียงโต๊ะเล็ก ๆ คั่นอยู่
ชินอิชิโรพยายามทุ่มเทพลังเพื่อขืนใจไม่ให้เคลื่อนคล้อยไปจากที่ได้ตกลงใจเอาไว้อย่างเหนียวแน่น และกลับมาต่อสู้กับคุณนายโฉมงามตามเป้าหมายที่วางไว้แต่ต้น
“ดิฉันขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ ความจริงดิฉันอยากพูดคุยกับคุณตามสบายหลังจากที่พวกนั้นกลับไปแล้ว คุณอ่านจดหมายของดิฉันแล้วใช่ไหมคะ”
“อ่านแล้วครับ”
ชินอิชิโรตอบห้วน ๆ พยายามบังคับใจไม่ให้ออกนอกลู่ทางที่ได้ตกลงใจเอาไว้
“อ่านแล้วคิดว่าอย่างไรคะ”
คุณนายคาดคั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชินอิชิโรตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงเด็ดเดี่ยว
“ผมตอบไม่ถูกหรอกครับ เพราะผมไม่รู้ว่าใจจริงของคุณเป็นอย่างไร”
“จดหมายฉบับนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณเข้าใจดิฉันได้อย่างเพียงพอหรอกหรือคะ จดหมายไม่ได้บอกหรือคะว่าดิฉันคิดอย่างไรกับคุณ”
คุณนายแดงพูดด้วยสีหน้าที่มีความจริงจัง ชินอิชิโรรวบรวมพลังที่มีอยู่โพล่งออกไปว่า
“คุณนายครับ ขอให้คุณนายจดจำเอาไว้ให้ดีว่าผมเป็นคนมีภรรยาแล้ว เป็นคนมีครอบครัว ไม่อาจทำตัวเป็นคู่เล่นรักที่มีแต่อันตรายกับคุณนายได้”
ชินอิชิโรปฏิเสธเสียงแข็งใส่หน้าปรปักษ์ โดยมีภาพของชิซุโกะภรรยาของเขา และนะโอะกิ จุน ผู้ล่วงลับในห้วงคิดเป็นกำลังใจ
5
อึดใจนั้นเอง ใบหน้าของคุณนายรุริโกะเครียดขึ้นทันที
“ตายจริง ไม่คิดเลยว่าคุณก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน คุณคิดว่าดิฉันเป็นผู้หญิงที่จะเข้าไปป่วนให้ครอบครัวของคุณแตกแยกกันอย่างนั้นหรือ นี่หมายความว่าคุณไม่เข้าใจความตั้งใจจริงของดิฉันเลย ไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียวว่าดิฉันกำลังใฝ่หาอะไร ดิฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าดิฉันเบื่อพวกผู้ชายที่มาเล่นรักอยู่รอบ ๆ ดิฉันไม่ต้องการคู่รักเล่น ๆ อย่างนั้นแต่อยากมีเพื่อนจริง ๆ สักคน อยากมีเพื่อนผู้ชายที่มีนิสัยเป็นผู้ชายแท้ ๆ สักคน แต่พอคุณซึ่งดิฉันเลือกแล้วว่าคือคน ๆ นั้นมาเข้าใจดิฉันผิดแบบนี้ ดิฉันอายอย่างบอกไม่ถูก อายจริง ๆ ค่ะ”
รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้างามพริ้มเพราของคุณนาย ความโกรธจาง ๆ ที่เข้ามาแทนที่ทำให้ใบหน้านั้นดูงามเป็นประกายจูงใจให้ไหวหวั่น
เมื่อเห็นใบหน้างามพริ้งฉายแววโกรธขึ้งออกมาชินอิชิโรรู้สึกปั่นป่วนอยู่ในใจ ทำให้ต้องรวบรวมพลังอีกครั้งเพื่อต่อสู้ต่อไป เขาพยายามไม่มองหน้างามของคุณนายขณะพูด
“ไม่ครับ ผมเข้าใจดีว่าคุณนายที่เลือกผมเป็นเพื่อนแท้ และรู้สึกเป็นเกียรติด้วย แต่ทว่าการที่ถูกคุณเลือกนั้นผมรู้สึกว่าเป็นอันตรายมาก ผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่พอใจกับความสงบสุขของครอบครัว จึงขอให้ปล่อยผมไปตามทางของผมเถิด”
คำพูดของชินอิชิโรหนักแน่นจนเกือบแข็งกร้าว
“ตายละ พูดอะไรอย่างนั้น ทำอย่างกับดิฉันเป็นระเบิดหรืออะไรที่เป็นอันตราย เป็นอะไรที่น่าเกลียดไม่อยากแม้แต่จะจับต้อง”
แม้คุณนายจะพูดอย่างติดตลก และก็เห็นได้ว่าเธอรู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์ในใจของชินอิชิโรดีทีเดียว ท่าทีของคุณนายโฉมงามเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีความแหลมคมซ่อนอยู่ภายใต้ความงามประโลมใจ
“คุณนายอาจไม่พอใจกับสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ คือผมรู้จักชายคนหนึ่งที่ถูกคุณนายเลือกและผลสุดท้ายต้องเผชิญกับความหายนะถึงชีวิต ผู้ชายคนนั้นก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีนิสัยซื่อตรงและอ่อนโลก มันทำให้ผมสงสัยว่าเขาถูกคุณนายเลือกด้วยเหตุผลเดียวกับที่ผมถูกคุณนายเลือกครั้งนี้ และถ้ามันเป็นการถูกเลือกด้วยเหตุผลเดียวกันจริง สักวันหนึ่งผมก็จะต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นเดียวกับชายผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น”
ชินอิชิโรรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดจนจบแล้วหัวเราะเสียงปร่า
สีหน้าของคุณนายเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง แต่ไม่มีร่องรอยของความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เธอมองหน้าชินอิชิโรไม่วางตา ยิ้มน้อย ๆ แล้วขยับตัวเอื้อมมือไปกดกระดิ่งบนโต๊ะข้าง ๆ
“คุณกับดิฉันชะตาไม่ต้องกันจริง ๆ ด้วย รู้อย่างนี้ปล่อยให้ขาดกันไปเสียตั้งแต่ตอนนั้นก็ดีแล้ว ดิฉันเข้าใจผิด มองคุณผิดไป มองความลังเลและความขี้ขลาดของคุณไปในทางตรงกันข้าม ดิฉันเกลียดผู้ชายขี้ขลาดที่สุด เกลียดผู้ชายที่ขี้ขลาดถึงขนาดไม่กล้าจูบผู้หญิงที่ยื่นปากมาให้” คุณนายหัวเราะเบา ๆ “ดิฉันเองเป็นคนผาดโผนอย่างที่เห็น จึงชอบผู้ชายที่เข้มแข็งเป็นที่สุด”
อกใจของชินอิชิโรคุกรุ่นไปด้วยความโกรธที่ถูกคุณนายโฉมงามพูดเหยียดหยามเชิงชายกันซึ่ง ๆ หน้า ขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามจะเค้นคำพูดตอบโต้ออกมานั้นเอง คนรับใช้ที่ได้ยินเสียงกระดิ่งเรียกก็เยี่ยมหน้าเข้ามา คุณนายสั่งด้วยเสียงเยียบเย็นและชัดถ้อยชัดคำ
“แขกจะกลับ บอกให้เตรียมรถยนต์ด้วย”
6
ธรรมเนียมของโลกตะวันตก เวลาอยากไล่แขกที่ไม่พึงประสงค์หรือเมื่อทะเลาะกับแขกที่มาหา เจ้าของบ้านจะชี้นิ้วไปที่ประตูเป็นความหมายว่าออกไปให้พ้น เป็นการดูถูกแขกอย่างร้ายแรงและเป็นการท้าทายด้วย นอกจากนั้นการรวบรวมข้าวของของแขกเตรียมกลับโดยพลการต่อหน้าแขกก็เป็นการดูถูกแขกเช่นเดียวกับการชี้นิ้วไปที่ประตูเหมือนกัน
เมื่อผู้หญิงอย่างคุณนายถูกคู่กรณีปฏิเสธและโยนไมตรีจิตที่เธอหยิบยื่นให้ใส่หน้า เธอจึงตอบโต้ด้วยความรุนแรงกว่าเป็นสิบเท่า
คำเหยียดหยามเชิงชายอย่างไว้หน้าทำให้ชินอิชิโรรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าสุดแรง ชายหนุ่มโกรธสุดขีดคิดว่าถ้าไม่ใช่ผู้หญิงจะลุกขึ้นต่อยให้กลิ้งไปเลยทีเดียว แต่ในเวลาเดียวกันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามีความอ้างว้างว้าเหว่ซ่อนอยู่หลังความโกรธเกรี้ยว
ชินอิชิโรยืนขึงอยู่กับที่ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความโกรธพูดอะไรไม่ออก ส่วนคุณนายก็เงียบไป จนกระทั่งคนรับใช้เข้ามารายงานว่ารถยนต์พร้อมแล้ว คุณนายพยักหน้ารับ หันช้า ๆ มาทางชินอิชิโรแล้วบอกเขาว่า
“เชิญค่ะ ขอโทษเป็นอย่างมากที่รบกวนให้คุณมาถึงที่นี่ คิดว่าไม่มีความหมายอะไรเลยที่คนสองคนจะมาสนทนากันทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจกันและกัน ขอให้คุณอยู่กับครอบครัวด้วยความสันติสุขตลอดไป”
คุณนายรุริโกะยิ้มเย้ย ๆ ผายมือให้ชินอิชิโรที่กำลังลุกขึ้นจากที่นั่งให้ไปยังประตู อกใจของชินอิชิโรยังคุกรุ่นด้วยความโกรธที่ถูกผู้หญิงเหยียดหยามเอาซึ่ง ๆ หน้า เกิดทิฐิมานะขึ้นมาว่าถ้าหันหลังกลับไปจากทีนี่ก็เท่ากับว่าตนเป็นฝ่ายแพ้ แม้ศัตรูจะเป็นคุณนายโฉมงาม แต่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมให้หล่อนดูถูกเหยียดหยามเอาตามใจชอบได้อย่างไร...ถ้าไม่สู้วันนี้แล้วจะไปสู้วันไหน...ชายหนุ่มฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง พยายามระงับความโกรธขณะพูดขึ้นว่า
“คุณนายครับ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ผมยังกลับไม่ได้เพราะมีธุระที่ต้องสะสาง”
เสียงของเขาสั่นน้อย ๆ
“เอ๊ะ...ธุระหรือคะ งั้นก็ต้องขอฟังเดี๋ยวนี้เลย เพราะคิดว่าคุณคงไม่อยากอยู่ในห้องนี้ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว”
ท่าทีของคุณนายสงบเยือกเย็นมาก ส่วนชินอิชิโรหน้าซีดขาวพยายามรักษาท่าทีให้ราบเรียบเอาไว้
“คุณนายครับ ถ้าถึงเวลากลับผมก็จะกลับโดยไม่ต้องคอยสัญญาณจากคุณนาย แต่ที่ผมมาวันนี้ไม่ใช่เพราะจดหมายฉบับนั้นอย่างเดียว ถึงผมจะเป็นคนไม่เอาไหนเพียงไร ถ้าลองได้ตัดขาดจากวงสมาคมใดมาแล้ว แค่หนังสือเชิญจากคุณนายฉบับเดียว ไม่มีทางทำให้ผมก้มหัวเข้ามาอีก”
“ตายจริง นี่หมายความว่าดิฉันเข้าใจผิดอีกหรือนี่”
คุณนายพูดเป็นเชิงเสียดสีพลางยิ้มเย็น ๆ ทำเอาชินอิชิโรอารมณ์ขุ่นมัวไปอีก
“ผมมาเพราะมีเรื่องต้องบอกคุณ มีธุระที่ต้องขอให้คุณจัดการ และต้องทำจนกว่าจะเสร็จ แม้ว่าคุณจะไล่ผมก็กลับไม่ได้ คุณก็เหมือนกัน ในเมื่อให้ผมมาพบก็ไม่มีสิทธิมาไล่ให้ผมกลับง่าย ๆ เพียงแค่บอกว่าเสร็จธุระของตัวเองแล้ว”
“ชั่งพูดได้มีเหตุผลดีแท้ ขอฟังหน่อยซิว่าธุระอะไรกัน”
คุณนายโฉมงามเริ่มปล่อยหนามแหลมคมออกมาทุกถ้อยคำ
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
4
Shinichiro, my love!
“ชินอิชิโร คนรักของฉัน”
ชินอิชิโรหัวหมุนคว้างไปกับวลีสั้น ๆ ที่ก่อให้เกิดอารมณ์เพริดแพร้วดั่งหนุ่มวัยสิบเจ็ดสิบแปด ลืมตัวลืมใจจนแก้มร้อนผ่าวราวระอุ ความรู้สึกต่อต้านกร้าวแข็งที่มีต่อคุณนายโฉมงามดูเหมือนจะเริ่มสั่นคลอน
ชายหนุ่มตะโกนก้องอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านั่นเป็นกลลวง เป็นกับดักที่แม่ม่ายสาวจงใจวางดักเขาอย่างแยบยลอีกครั้ง หล่อนจงใจทิ้งข้อความรัญจวนใจนั้นไว้ให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตา...แต่คราวนี้จะลวงกันไม่ได้อีกแล้ว เพราะเขามองหล่อนออกจนทะลุปรุโปร่ง แต่พอสะกดจิตใจให้สงบลงแล้วตริตรองดูอีกที ความคิดอีกแนวหนึ่งก็ได้ก่อเกิด
การวางแผนทำอะไรพื้น ๆ ที่ส่อให้เห็นถึงรสนิยมต่ำต้อยเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนที่ชาญฉลาดและมีปัญญาแหลมคมอย่างคุณนายโฉมงามผู้นี้พึงกระทำ และเมื่อไม่ใช่แผนจงใจเขียนข้อความทิ้งไว้เพื่อลวงล่อ มันก็ต้องเป็นการเขียนจากใจจริง เขียนออกมาอย่างไม่รู้ตัวจากใจจริงของหล่อนแน่นอน ความสำคัญตนอันเป็นนิสัยของผู้ชายทั่วไปได้เข้ามาครองใจให้เกิดความหึกเหิมขึ้นมา ใช่แล้ว...ข้อความจดหมายที่ได้รับเมื่อกี้นี้ก็อาจกลั่นกรองออกมาจากใจจริงของคุณนายด้วยเช่นกัน
ที่เขาประณามคุณนายโฉมงามอยู่ในใจว่า...หล่อนทำตัวราวนางโลม...นั้น อาจเป็นการมองอย่างผิด ๆ เฉกเช่นคนอ่อนโลก ที่จริงแล้วแม่ม่ายโฉมงามผู้นี้เบื่อการเล่นรักกับพวกผู้ชายเต็มประดา เบื่อพวกผู้ชายที่มาห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ ตัวราวหมู่ภมรว่อนชมดอกไม้หอมหวาน และอาจกำลังโหยหาความรักจากคนต่างเพศอยู่อย่างจริงจังถึงกับยอมละทิ้งทั้งกายและใจก็เป็นได้ หล่อนผู้เบื่อพวกผู้ชายเจ้าชู้เจนโลก อาจกำลังต้องการผู้ชายที่มีความจริงใจ ซื่อและอ่อนโลกอย่างเขาก็เป็นได้
ชินอิชิโรคิด และขณะที่ความรู้สึกเป็นปรปักษ์กับคุณนายโฉมงามกำลังโค่นล้มลงไปครึ่ง ๆ นั้นเอง
“ขอโทษค่ะ”
ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงกังวานหวานราวระฆังเงิน พร้อมกับคุณนายโฉมงามเปิดประตูเยื้องร่างสูงระหงเข้ามาในห้อง ดูเหมือนจะเพิ่งขึ้นจากน้ำ ใบหน้าขาวผ่องยองใยเปล่งประกายสดใสราวผ้าไหมสีขาวเนื้อละเอียดสะท้อนแสงแดดส่อง เสื้อชุดยุกะตะที่ทำด้วยผ้าเนื้อดีแนบกายเน้นรูปทรงองค์เอวงามราวภาพวาด
สายตาคมวาวเป็นเงางามที่จ้องมองมาในระยะเกือบประชิดตัว สะกดใจของชินอิชิโรให้แน่นิ่งราวต้องมนต์ ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“ดีใจจริงที่คุณมา ดิฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้วเสียอีก”
คุณนายยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามไม่ให้ชินอิชิโรลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อต้อนรับการมาของเธอ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขาโดยมีเพียงโต๊ะเล็ก ๆ คั่นอยู่
ชินอิชิโรพยายามทุ่มเทพลังเพื่อขืนใจไม่ให้เคลื่อนคล้อยไปจากที่ได้ตกลงใจเอาไว้อย่างเหนียวแน่น และกลับมาต่อสู้กับคุณนายโฉมงามตามเป้าหมายที่วางไว้แต่ต้น
“ดิฉันขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ ความจริงดิฉันอยากพูดคุยกับคุณตามสบายหลังจากที่พวกนั้นกลับไปแล้ว คุณอ่านจดหมายของดิฉันแล้วใช่ไหมคะ”
“อ่านแล้วครับ”
ชินอิชิโรตอบห้วน ๆ พยายามบังคับใจไม่ให้ออกนอกลู่ทางที่ได้ตกลงใจเอาไว้
“อ่านแล้วคิดว่าอย่างไรคะ”
คุณนายคาดคั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชินอิชิโรตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงเด็ดเดี่ยว
“ผมตอบไม่ถูกหรอกครับ เพราะผมไม่รู้ว่าใจจริงของคุณเป็นอย่างไร”
“จดหมายฉบับนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณเข้าใจดิฉันได้อย่างเพียงพอหรอกหรือคะ จดหมายไม่ได้บอกหรือคะว่าดิฉันคิดอย่างไรกับคุณ”
คุณนายแดงพูดด้วยสีหน้าที่มีความจริงจัง ชินอิชิโรรวบรวมพลังที่มีอยู่โพล่งออกไปว่า
“คุณนายครับ ขอให้คุณนายจดจำเอาไว้ให้ดีว่าผมเป็นคนมีภรรยาแล้ว เป็นคนมีครอบครัว ไม่อาจทำตัวเป็นคู่เล่นรักที่มีแต่อันตรายกับคุณนายได้”
ชินอิชิโรปฏิเสธเสียงแข็งใส่หน้าปรปักษ์ โดยมีภาพของชิซุโกะภรรยาของเขา และนะโอะกิ จุน ผู้ล่วงลับในห้วงคิดเป็นกำลังใจ
5
อึดใจนั้นเอง ใบหน้าของคุณนายรุริโกะเครียดขึ้นทันที
“ตายจริง ไม่คิดเลยว่าคุณก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน คุณคิดว่าดิฉันเป็นผู้หญิงที่จะเข้าไปป่วนให้ครอบครัวของคุณแตกแยกกันอย่างนั้นหรือ นี่หมายความว่าคุณไม่เข้าใจความตั้งใจจริงของดิฉันเลย ไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียวว่าดิฉันกำลังใฝ่หาอะไร ดิฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าดิฉันเบื่อพวกผู้ชายที่มาเล่นรักอยู่รอบ ๆ ดิฉันไม่ต้องการคู่รักเล่น ๆ อย่างนั้นแต่อยากมีเพื่อนจริง ๆ สักคน อยากมีเพื่อนผู้ชายที่มีนิสัยเป็นผู้ชายแท้ ๆ สักคน แต่พอคุณซึ่งดิฉันเลือกแล้วว่าคือคน ๆ นั้นมาเข้าใจดิฉันผิดแบบนี้ ดิฉันอายอย่างบอกไม่ถูก อายจริง ๆ ค่ะ”
รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้างามพริ้มเพราของคุณนาย ความโกรธจาง ๆ ที่เข้ามาแทนที่ทำให้ใบหน้านั้นดูงามเป็นประกายจูงใจให้ไหวหวั่น
เมื่อเห็นใบหน้างามพริ้งฉายแววโกรธขึ้งออกมาชินอิชิโรรู้สึกปั่นป่วนอยู่ในใจ ทำให้ต้องรวบรวมพลังอีกครั้งเพื่อต่อสู้ต่อไป เขาพยายามไม่มองหน้างามของคุณนายขณะพูด
“ไม่ครับ ผมเข้าใจดีว่าคุณนายที่เลือกผมเป็นเพื่อนแท้ และรู้สึกเป็นเกียรติด้วย แต่ทว่าการที่ถูกคุณเลือกนั้นผมรู้สึกว่าเป็นอันตรายมาก ผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่พอใจกับความสงบสุขของครอบครัว จึงขอให้ปล่อยผมไปตามทางของผมเถิด”
คำพูดของชินอิชิโรหนักแน่นจนเกือบแข็งกร้าว
“ตายละ พูดอะไรอย่างนั้น ทำอย่างกับดิฉันเป็นระเบิดหรืออะไรที่เป็นอันตราย เป็นอะไรที่น่าเกลียดไม่อยากแม้แต่จะจับต้อง”
แม้คุณนายจะพูดอย่างติดตลก และก็เห็นได้ว่าเธอรู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์ในใจของชินอิชิโรดีทีเดียว ท่าทีของคุณนายโฉมงามเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีความแหลมคมซ่อนอยู่ภายใต้ความงามประโลมใจ
“คุณนายอาจไม่พอใจกับสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ คือผมรู้จักชายคนหนึ่งที่ถูกคุณนายเลือกและผลสุดท้ายต้องเผชิญกับความหายนะถึงชีวิต ผู้ชายคนนั้นก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีนิสัยซื่อตรงและอ่อนโลก มันทำให้ผมสงสัยว่าเขาถูกคุณนายเลือกด้วยเหตุผลเดียวกับที่ผมถูกคุณนายเลือกครั้งนี้ และถ้ามันเป็นการถูกเลือกด้วยเหตุผลเดียวกันจริง สักวันหนึ่งผมก็จะต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นเดียวกับชายผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น”
ชินอิชิโรรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดจนจบแล้วหัวเราะเสียงปร่า
สีหน้าของคุณนายเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง แต่ไม่มีร่องรอยของความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เธอมองหน้าชินอิชิโรไม่วางตา ยิ้มน้อย ๆ แล้วขยับตัวเอื้อมมือไปกดกระดิ่งบนโต๊ะข้าง ๆ
“คุณกับดิฉันชะตาไม่ต้องกันจริง ๆ ด้วย รู้อย่างนี้ปล่อยให้ขาดกันไปเสียตั้งแต่ตอนนั้นก็ดีแล้ว ดิฉันเข้าใจผิด มองคุณผิดไป มองความลังเลและความขี้ขลาดของคุณไปในทางตรงกันข้าม ดิฉันเกลียดผู้ชายขี้ขลาดที่สุด เกลียดผู้ชายที่ขี้ขลาดถึงขนาดไม่กล้าจูบผู้หญิงที่ยื่นปากมาให้” คุณนายหัวเราะเบา ๆ “ดิฉันเองเป็นคนผาดโผนอย่างที่เห็น จึงชอบผู้ชายที่เข้มแข็งเป็นที่สุด”
อกใจของชินอิชิโรคุกรุ่นไปด้วยความโกรธที่ถูกคุณนายโฉมงามพูดเหยียดหยามเชิงชายกันซึ่ง ๆ หน้า ขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามจะเค้นคำพูดตอบโต้ออกมานั้นเอง คนรับใช้ที่ได้ยินเสียงกระดิ่งเรียกก็เยี่ยมหน้าเข้ามา คุณนายสั่งด้วยเสียงเยียบเย็นและชัดถ้อยชัดคำ
“แขกจะกลับ บอกให้เตรียมรถยนต์ด้วย”
6
ธรรมเนียมของโลกตะวันตก เวลาอยากไล่แขกที่ไม่พึงประสงค์หรือเมื่อทะเลาะกับแขกที่มาหา เจ้าของบ้านจะชี้นิ้วไปที่ประตูเป็นความหมายว่าออกไปให้พ้น เป็นการดูถูกแขกอย่างร้ายแรงและเป็นการท้าทายด้วย นอกจากนั้นการรวบรวมข้าวของของแขกเตรียมกลับโดยพลการต่อหน้าแขกก็เป็นการดูถูกแขกเช่นเดียวกับการชี้นิ้วไปที่ประตูเหมือนกัน
เมื่อผู้หญิงอย่างคุณนายถูกคู่กรณีปฏิเสธและโยนไมตรีจิตที่เธอหยิบยื่นให้ใส่หน้า เธอจึงตอบโต้ด้วยความรุนแรงกว่าเป็นสิบเท่า
คำเหยียดหยามเชิงชายอย่างไว้หน้าทำให้ชินอิชิโรรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าสุดแรง ชายหนุ่มโกรธสุดขีดคิดว่าถ้าไม่ใช่ผู้หญิงจะลุกขึ้นต่อยให้กลิ้งไปเลยทีเดียว แต่ในเวลาเดียวกันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามีความอ้างว้างว้าเหว่ซ่อนอยู่หลังความโกรธเกรี้ยว
ชินอิชิโรยืนขึงอยู่กับที่ใบหน้าแดงระเรื่อด้วยความโกรธพูดอะไรไม่ออก ส่วนคุณนายก็เงียบไป จนกระทั่งคนรับใช้เข้ามารายงานว่ารถยนต์พร้อมแล้ว คุณนายพยักหน้ารับ หันช้า ๆ มาทางชินอิชิโรแล้วบอกเขาว่า
“เชิญค่ะ ขอโทษเป็นอย่างมากที่รบกวนให้คุณมาถึงที่นี่ คิดว่าไม่มีความหมายอะไรเลยที่คนสองคนจะมาสนทนากันทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจกันและกัน ขอให้คุณอยู่กับครอบครัวด้วยความสันติสุขตลอดไป”
คุณนายรุริโกะยิ้มเย้ย ๆ ผายมือให้ชินอิชิโรที่กำลังลุกขึ้นจากที่นั่งให้ไปยังประตู อกใจของชินอิชิโรยังคุกรุ่นด้วยความโกรธที่ถูกผู้หญิงเหยียดหยามเอาซึ่ง ๆ หน้า เกิดทิฐิมานะขึ้นมาว่าถ้าหันหลังกลับไปจากทีนี่ก็เท่ากับว่าตนเป็นฝ่ายแพ้ แม้ศัตรูจะเป็นคุณนายโฉมงาม แต่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมให้หล่อนดูถูกเหยียดหยามเอาตามใจชอบได้อย่างไร...ถ้าไม่สู้วันนี้แล้วจะไปสู้วันไหน...ชายหนุ่มฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง พยายามระงับความโกรธขณะพูดขึ้นว่า
“คุณนายครับ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ผมยังกลับไม่ได้เพราะมีธุระที่ต้องสะสาง”
เสียงของเขาสั่นน้อย ๆ
“เอ๊ะ...ธุระหรือคะ งั้นก็ต้องขอฟังเดี๋ยวนี้เลย เพราะคิดว่าคุณคงไม่อยากอยู่ในห้องนี้ต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว”
ท่าทีของคุณนายสงบเยือกเย็นมาก ส่วนชินอิชิโรหน้าซีดขาวพยายามรักษาท่าทีให้ราบเรียบเอาไว้
“คุณนายครับ ถ้าถึงเวลากลับผมก็จะกลับโดยไม่ต้องคอยสัญญาณจากคุณนาย แต่ที่ผมมาวันนี้ไม่ใช่เพราะจดหมายฉบับนั้นอย่างเดียว ถึงผมจะเป็นคนไม่เอาไหนเพียงไร ถ้าลองได้ตัดขาดจากวงสมาคมใดมาแล้ว แค่หนังสือเชิญจากคุณนายฉบับเดียว ไม่มีทางทำให้ผมก้มหัวเข้ามาอีก”
“ตายจริง นี่หมายความว่าดิฉันเข้าใจผิดอีกหรือนี่”
คุณนายพูดเป็นเชิงเสียดสีพลางยิ้มเย็น ๆ ทำเอาชินอิชิโรอารมณ์ขุ่นมัวไปอีก
“ผมมาเพราะมีเรื่องต้องบอกคุณ มีธุระที่ต้องขอให้คุณจัดการ และต้องทำจนกว่าจะเสร็จ แม้ว่าคุณจะไล่ผมก็กลับไม่ได้ คุณก็เหมือนกัน ในเมื่อให้ผมมาพบก็ไม่มีสิทธิมาไล่ให้ผมกลับง่าย ๆ เพียงแค่บอกว่าเสร็จธุระของตัวเองแล้ว”
“ชั่งพูดได้มีเหตุผลดีแท้ ขอฟังหน่อยซิว่าธุระอะไรกัน”
คุณนายโฉมงามเริ่มปล่อยหนามแหลมคมออกมาทุกถ้อยคำ