xs
xsm
sm
md
lg

คุณนายไข่มุก ตอนที่ 17 หรือว่าหล่อนคือนางโลม (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวนหินแบบญี่ปุ่นในคฤหาสน์
บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"

4

ชินอิชิโรตกใจจนตัวชา ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เมื่อมองผ่านพุ่มไม้โปร่ง ๆ ที่ปลูกเป็นแนวจากหน้าทางเข้าบ้านไปยังประตูรั้ว แล้วเห็นชายสองคนที่นั่งสนทนากันอยู่บนก้อนหินประดับเกือบกึ่งกลางสวนที่จัดแต่งไว้เป็นระเบียบงดงามตา

การที่จะเห็นผู้ชายสองคนคุยกันอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ต้องไม่ใช่สองคนนี้

เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่หันหน้ามาทางเขา ชินอิชิโรก็เบิกตาโพลงด้วยความตื่นตระหนกเกือบจะอุทานออกมาสุดเสียงแต่ดีที่ยังยกมือขึ้นปิดปากไว้ได้ทัน ทำไม...ก็เพราะเครื่องหน้าของคน ๆ นั้น ไม่ว่าจะปาก แก้ม คิ้วคาง หรือจมูกโด่งเป็นสันได้รูปกับ เหมือนอะโอะกิ จุน คนที่สิ้นใจตายไปในอ้อมแขนของเขาเมื่อหลายวันมานี้ไม่มีผิดแม้แต่กระเบียดนิ้ว ถ้าไม่ใช่เป็นช่วงกลางวันแสก ๆ คงต้องคิดว่าโดนผีหลอกแน่

ดีที่ชินอิชิโรเป็นคนหัววิทยาศาสตร์ ความตระหนกตกใจจึงเป็นไปเพียงชั่วครู่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มในชุดนักศึกษาผู้นั้นคือน้องชายของอะโอะกิ จุนที่หน้าตาเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียว แต่ความตระหนกละลอกสองยังคอยเขาอยู่

ชายที่นั่งสนทนาอยู่กับน้องชายของอะโอะกิแต่เครื่องแบบทหารเรือครบชุด และทันทีที่สังเกตเห็นเครื่องแบบนั้นถนัดตา ชื่อของคน ๆ หนึ่งในความทรงจำก็แล่นผ่านเข้ามาในสมองของชินอิชิโรราวกับสายฟ้าฟาด...นาวาเอก มุระกะมิ...ชื่อที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของอะโอะกิ จุน นั่นเอง

ชินอิชิโรไม่ลืมถ้อยคำที่แฝงความรู้สึกรุนแรงของผู้เขียนซึ่งขณะนี้ได้กลับคืนมาสู่ห้วงคิดของเขาอีกครั้ง

“เมื่อวานนี้ ขณะที่ฉันกับนาวาเอกมุระกะมิไปคอยหล่อนอยู่ที่สวนบ้านหล่อน ฉันเห็นนายนาวาเอกยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ฉันเอะใจเพราะมันคล้ายกับนาฬิกาของฉันมากจึงขอเขาดูใกล้ ๆ แล้วก็ต้องตกใจจนบอกไม่ถูกเมื่อเห็นนาฬิกาที่นายทหารเรือถอดออกจากข้อมือแข็งแรงสมชายชาติทหารของเขาส่งมาให้ดู นี่ถ้าเขาไม่อยู่ตรงนั้นผมคงแผดเสียงสบถอะไรออกมาดัง ๆ เป็นแน่...”

พอเห็นชายในชุดเครื่องแบบทหารเรือ ชินอิชิโรก็แน่ใจทันทีว่านั่นคือนาวาเอกมุระกะมิอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายผู้นี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับนาฬิกาแพลตินั่มรูปแบบเดียวกันกับที่อะโอะกิ จุนได้รับ พร้อมกับคำหวานประโลมใจเหมือน ๆ กันเพียงแต่ต่างกาลเวลากันว่า

“นาฬิกาเรือนนี้คือเครื่องหมายแห่งความรักที่ดิฉันขอมอบให้คุณ จริง ๆ แล้วมันมีค่ามากสำหรับดิฉันมากนะคะ” เมื่อคิดขึ้นมาถึงตรงนี้ ชินอิชิโรคิดว่าเขาประจักษ์แก่ใจแล้วว่าคุณนายรุริโกะเป็นผู้หญิงประเภทใด

“หรือว่าหล่อนคือนางโลม”

เสียงในใจของชายหนุ่มสะท้อนก้องขึ้นในอกอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงราวเสียงกรีดร้อง

แต่สิ่งที่ทำให้ชินอิชิโรปวดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือการได้เห็นเด็กหนุ่มหน้าใสที่ดูเหมือนกำลังเข้ามาติดกับของนางพญาแมงมุมที่ชักใยเสน่หาเป็นประกายสะท้อนสีรุ้งเงางามแต่แฝงไว้ด้วยพิษร้ายดักเอาไว้เช่นเดียวกับพี่ชายผู้น่าเวทนา หนุ่มน้อยไม่รู้และแม้แต่จะคิดฝันว่าการตายของพี่ชายซึ่งทางกายมองกันว่าเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงอย่างถึงที่สุดนี้ ทางใจคืออัตวินิบาตกรรม

หรือว่าเจ้าหนุ่มจะติดกับดักเข้าไปแล้ว และได้รับนาฬิกข้อมือแพลตินั่มเรือนงามมาครองด้วยความภูมิใจเช่นเดียวกับพี่ชายแต่ก่อนกาล และขณะที่กำลังสนทนากับนายทหารเรือผู้นั้นก็อาจสังเกตเห็นนาฬิกาแบบเดียวกันบนข้อมือของคู่สนทนาก็เป็นได้ เมื่อน้องชายมาเผชิญภาวะวิกฤติแบบเดียวกับพี่ชายร่วมสายโลหิต...ผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร

พอคิดมาถึงตรงนี้ชินอิชิโรรู้สึกเหมือนแสงแดดกลางฤดูร้อนที่แผดกล้าเป็นประกายอยู่รอบตัวดับวูบมืดมิดไปโดยพลัน ไม่มีอะไรจะน่าเวทนาเท่ากับการที่น้องชายกระโจนลงสู่ห้วงเหวแห่งมนต์เสน่ห์ล่อลวงใจตามพี่ชายไปติด ๆ เช่นนี้อีกแล้ว ชินอิชิโรอยากตะโกนร้องเตือนออกไป ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งนึกชิงชังหญิงเจ้าเล่ห์มากด้วยพิษร้ายคนนั้นขึ้นมาอย่างจับใจ ผู้หญิงที่ไหนจะร้ายเป็นที่สุดได้ถึงขนาดนี้...ทำให้พี่ชายตายไปทั้งคนยังไม่พอ นี่ยังมาหว่านเสน่ห์ทำสนิทกับน้องชายอีก แต่ก็อาจไม่แปลกอะไรเพราะ “หล่อนคือนางโลม”

ทว่า ขณะที่ชินอิชิโรกำลังปวดร้าวใจอยู่นั้นหนุ่มน้อยเจ้าของปัญหาดูไม่รู้สึกรู้สม เห็นเขาหัวเราะเบา ๆ ด้วยท่าทางสำรวมสมกับเป็นผู้ดีกับอะไรสักอย่างที่คงถูกอกถูกใจ

ชินอิชิโรสลัดภาพที่เห็นทั้ง ๆ ที่ไม่น่าเห็นออกจากสายตา แล้วออกเดินเร่งฝีเท้าไปยังประตูรั้วโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย

จนกระทั่งขึ้นรถไฟฟ้ามุ่งไปทางชินจุกุแล้วความขุ่นเคืองและชิงชังก็ยังกรุ่นระอุอยู่ในอก บัดนี้ชินอิชิโรรู้แจ้งแล้วว่าคุณนายรุริโกะคือเจ้าของนาฬิกาแพลตินั่ม ความชื่นชมสรรเสริญในความงามและความเพียบพร้อมไปด้วยสมบัติแห่งผู้ดีนั้น ได้กลายเป็นความชิงชังและเริ่มหวาดกลัวในพิษที่เจ้าหล่อนซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิด

เมื่อนึกย้อนไปถึงวันที่เขาไปพบเธอที่คฤหาสน์เป็นครั้งแรก เจ้าหล่อนรับนาฬิกาข้อมือเรือนนั้นไปจากเขาด้วยท่าทีเรียบ ๆ ไม่ตื่นเต้นหรือเห็นเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตนเป็นสาเหตุที่ทำให้อะโอะกิ จุนต้องสูญเสียชีวิตแม้จะเป็นโดยทางอ้อมก็ตาม เมื่อนึกถึงคำพูดของเจ้าหล่อนที่ว่า “ค่ะ เป็นอันว่าดิฉันรับเป็นธุระเรื่องนาฬิกาเรือนนี้ แล้วจะบอกเจ้าของนาฬิกานะคะว่าคุณเป็นคนเอามาให้ เธอจะต้องขอบใจคุณมากทีเดียว” ชายหนุ่มอดขนลุกด้วยความสยองในความเลือดเย็นของเจ้าหล่อนไม่ได้

ข้อความในบันทึกเปื้อนเลือดของอะโอะกิ จุน เคลื่อนผ่านเข้ามาในห้วงความทรงจำของชินอิชิโร

...แต่ที่ไหนได้ พอเผชิญหน้ากับหล่อนเข้าจริง ๆ ได้โอกาสต่อว่าต่อขานให้สาสมกับที่สิ้นความไว้เนื้อเชื่อใจ ก็กลับต้องละอายใจนักที่ตนเองกลับกลายเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่หล่อนจะหยอกล้อแกล้งเล่น เป็นทาสที่หล่อนจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่เอาตามอำเภอใจ ยิ่งกว่านั้นมนต์เสน่ห์ความงามบาดใจของหล่อนยังสะกดให้ฉันเงียบอึ้งเหมือนคนบ้าใบ้ มีแต่ตัวเท่านั้นที่สั่นเทาไปด้วยความขุ่นเคืองและชิงชังโดยไม่อาจแตะต้องหล่อนแม้แต่ปลายนิ้ว ฉันต้องการพลังและความกล้า ความกล้าเพียงแค่เอ่ยวาจาเชือดเฉือนถึงแก่นใจหล่อนให้สมแค้นก็พอ

เจ็บใจนักที่ไม่มีทั้งสองอย่าง ในเมื่อทำอะไรหล่อนไม่ได้ดังใจฉันจึงตัดสินใจออกไปให้พ้นเสียจากนครหลวงเพื่อที่จะได้ลืมอะไร ๆ เกี่ยวกับตัวหล่อนให้หมดสิ้น แต่ยิ่งพยายามลืม ภาพหลอนของหล่อนก็ยิ่งติดตามมารังควาญฉันให้ทุกข์ทนร้อยเท่าทวีคูณ ใช่...ฉันควรตาย ตายเพื่อให้หล่อนสำนึกว่าการเอาความรู้สึกของผู้ชายที่มีใจจริงคนหนึ่งมาเหยียดหยามเล่นราวสิ่งไร้ค่านั้นมันเสี่ยงอันตรายเพียงไร ใช่...ตายให้เลือดที่หลั่งจากใจจริงของฉันทาบทาของขวัญจอมปลอมชิ้นนี้ให้แดงฉาน เพื่อที่มโนธรรมที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของหล่อน จะสะกิดเตือนให้หล่อนรู้สึกละอายใจขึ้นมาบ้าง

ชินอิชิโรเข้าใจความรู้สึกของอะโอะกิ จุน ผู้เขียนบันทึกฉบับนี้อย่างถ่องแท้โดยไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เหลืออยู่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นคือคุณนายรุริโกะ คือผู้หญิงโฉมงามพราวเสน่ห์ที่เป็นสาเหตุให้ชายหนุ่มผู้ที่อนาคตกำลังรุ่งเรืองหมดอาลัยตายอยากในชีวิต คือแม่ม่ายโฉมงามเจ้าของวาจากลับกลอกที่เขาเพิ่งตัดใจหันหลังให้คนนั้นแน่นอน

คำสั่งเสียที่อะโอะกิ จุน เค้นออกมาด้วยที่เหลืออยู่ทั้งหมดก่อนสิ้นลมดังแผ่วแต่ทรงพลังยิ่งนัก... “ช่วยเอาไปคืนให้ที” คือ “ช่วยเอาไปโยนใส่หน้าหล่อนที” สะท้อนก้องตามมาติด ๆ ใช่ซิ...เผื่อว่ามโนธรรมที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของหล่อน จะสะกิดเตือนให้หล่อนรู้สึกละอายใจขึ้นมาบ้าง

ใช่...ชินอิชิโร ร้องตอบเสียงในห้วงคิด “เราต้องไปเอานาฬิกาเรือนนั้นกลับคืนมา เอากลับคืนมาแล้วโยนใส่หน้าคุณนายโฉมงามคนนี้ ให้หล่อนรู้สำนึกเสียบ้าง เราต้องเริ่มใหม่ ต้องรับผิดชอบจัดการกับนาฬิกาเรือนนั้นให้สมกับที่ให้คำมั่นไว้กับอะโอะกิ ให้คุ้มกับความเดือดแค้นของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายที่ติดตรึงฝังแน่นอยู่กับนาฬิกาเรือนนั้น”

ทว่า เสียงจากจิตใต้สำนึกกระซิบเตือน “อย่าเข้าใกล้อันตราย เจ้าคิดหรือว่าจะต่อกรกับแม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์คนนั้นได้ เท่าที่ผ่านมาเจ้าเกือบพลาดท่าเสียทีหญิงเจ้ามารยามาแล้วจำไม่ได้หรือยังไง เพิ่งจะรอดจากกับดักมาได้อย่างหวุดหวิดแล้วยังจะย้อนกลับไปอีกรึ คราวนี้เป็นต้องตกหลุมเสน่ห์พรางตาของเจ้าหล่อนหมดสิ้นทั้งตัวและหัวใจเป็นแน่”

ขณะที่ใจฝั่งแข็งกับฝั่งอ่อนกำลังโต้เถียงกันอย่างหาข้อสรุปไม่ได้นั้น ชินอิชิโรกลับมาใกล้ถึงบ้านเต็มที พอเดินเลี้ยวขวาจากถนนหน้าสถานีรถไฟจะเดินตรงไปบ้านที่อยู่ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มก็เห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้าน
รถเฟี๊ยตคันใหญ่โอ่โถงของคุณนายรุริโกะ
5

แต่แรกชินอิชิโรมองรถยนต์คันนั้นอย่างไม่ใส่ใจมากนัก เพราะยิ่งเข้าใกล้บ้านก็ยิ่งกังวลใจว่าจะแก้ตัวกับภรรยาอย่างไรจึงจะสมเหตุสมผลกับที่บอกว่า “ไปทะมะกับเพื่อนที่บริษัท” แล้วกลับมาทั้ง ๆ ที่เวลายังผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง ตอนนั่งรถไฟฟ้ากลับมาก็คิดเหมือนกันว่าจะไปฆ่าเวลาที่ไหนสักแห่งแล้วค่อยกลับมาตอนเย็น ๆ แต่ใจอยากกลับบ้านอย่างเดียวไม่ยอมคล้อยตามไปด้วย อยากกลับไปพบกับความอบอุ่นอ่อนหวานนุ่มนวลของชิซุโกะโดยเร็ว เยี่ยงคนที่ผ่านการเสี่ยงอันตรายอย่างสาหัสสากรรจ์กำลังโหยหาที่พักพิงอันปลอดภัยและสงบสุข

จิตใจของชินอิชิโรที่บอบช้ำจากการประคารมกับคนแปลกหน้าที่รวมหัวกันต้อนให้เขาจนมุม กับความเจ็บช้ำน้ำใจจากคำหวานอันกลอกกลิ้งของคุณนายรุริโกะ อยากกลับคืนสู่ความสุขสงบของครอบครัวและอาบอิ่มความอบอุ่นของภรรยาให้บรรเทา ถึงจะต้องพูดปดซ้ำเป็นคำรบสองก็ต้องทำใจให้ยอมเพราะอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว

แต่พอตัดใจได้และเดินใกล้บ้านเข้าไปชายหนุ่มก็เริ่มหันไปใส่ใจกับความผิดปกติของการมีรถยนต์มาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะบ้านที่อยู่เยื้องไปห้าหกหลังเป็นบ้านภรรยาน้อยของนักธุรกิจคนหนึ่งซึ่งมักมีรถยนต์มาจอดอยู่นาน ๆ เสมอ ตอนแรกชินอิชิโรจึงคิดว่าเป็นรถยนต์ของคนที่ไปมาหาสู่บ้านนั้น ครั้นพอใกล้เข้าไปจึงเห็นว่ารถไม่ได้จอดอยู่ตรงที่ ๆ เคยจอดเสมอ และจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากเป็นรถของคนที่มาเยือนบ้านเขาเอง

ชินอิชิโรใจเต้นแรงเมื่อเข้าไปใกล้และเห็นรถยนต์คันนั้นเต็มตา มันคือรถยนต์อิตาลีคันใหญ่สีฟ้าคันนั้นเอง คันที่เขาเคยนั่งมากับคุณนายโชดะเมื่อคืนวันอาทิตย์ก่อน ไม่ผิดแน่ นี่หมายความว่าคุณนายมาที่บ้านเขาหรือ ใจที่เต้นแรงอยู่แล้วยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก ด้วยความว้าวุ่นใจและความหวาดระแวงอะไรสักอย่าง

หมายความว่าเจ้าหล่อนผู้เปรียบปานนางพญาแมงมุมพิษร้ายรุนแรงที่เขาเพิ่งหนีรอดมาหยก ๆ ตามมาดักหน้าถึงที่บ้านอย่างนั้นหรือ หมายความเจ้าหล่อนตามคุกคามเขามาจนถึงบ้าน...ถึงครอบครัวอันแสนสุขและอบอุ่นที่เขาหวังยึดเป็นที่พักพิง และถึงขนาดจะมาปั่นปวนอารมณ์อันผ่องใสของชิซุโกะให้ขุ่นมัวอย่างนั้นหรือ

ชินอิชิโรเสียขวัญ ก้าวขาไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งงันอยู่กลางทางเดินไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ความผิดหวังและหวาดหวั่นในตัวคุณนายโฉมงาม กลายเป็นความรู้สึกต่อต้านขึ้นมาอย่างรุนแรง

ชายหนุ่มวาดภาพภรรยาผู้แสนซื่อที่ตื่นตระหนกกับการมาเยือนโดยไม่คาดฝันของคุณนายโฉมงามจนหยิบจับอะไรไม่ถูก และพอคิดว่าชิซุโกะจะเจ็บช้ำปานใดเมื่อรู้ว่าเขาแอบติดต่อกับคุณนายโดยที่เธอไม่ล่วงรู้ พอคิดว่า ชิซุโกะผู้แสนซื่อจะต้องทนรับฟังถ้อยคำเชือดเฉือนอย่างไม่ใยดีกับความรู้สึกของคนฟังสักปานใด เขาก็ทนนิ่งอยู่ต่อไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว หน้าที่ของเขาในยามฉุกเฉินเช่นนี้คือต้องปกป้องคุ้มครองชิซุโกะให้พ้นจากการคุกคามของคุณนายโฉมงามผู้มากด้วยเล่ห์คนนี้จนถึงที่สุด แม้เรื่องทั้งหมดจะทำให้ภรรยาผู้แสนซื่อคลายความเชื่อถือเขาลงไปบ้างก็ชั่ง เพราะยังมีเวลาที่จะอธิบายให้เข้าใจอีกมาก

คุณนายรุริโกะโกรธเกลียดเขารุนแรงถึงขนาดต้องแก้แค้นด้วยการเชิญเขาไปที่บ้านเป็นการส่วนตัวแล้วกลับฉีกหน้าเขาท่ามกลางสมาคม แล้วถึงกับตามมารังควานเขาถึงบ้านเช่นนี้ ไม่ได้...ชินอิชิโรตัดสินใจเด็ดเดี่ยว...เราจะไม่หลงไหลในความงามราวเทพธิดาของเจ้าหล่อนและยอมเป็นเบี้ยล่างอีกต่อไป...เราต้องสู้ สู้เพื่อให้มโนธรรมที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจะช่วยสะกิดเตือนให้หล่อนรู้สึกละอายใจขึ้นมาบ้าง...สู้เพื่ออะโอะกิ จุน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องล้างแค้นให้ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น

ชินอิชิโรตัดสินใจเด็ดเดี่ยวรวบรวมความกล้าราวแม่ทัพที่กำลังจะนำพลบุกทะลวงเพื่อเผด็จศึก เร่งฝีเท้าราวก้าวกระโจนเข้าไปในบ้าน

6

ชินอิชิโรกระโจนรอดซุ้มประตูรั้วเข้าไปด้วยความตั้งใจที่จะกระโจนเข้าใส่คุณนายโฉมงามซึ่งอาจกำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่หน้าประตูทางขึ้นเรือนหรือไม่ก็คงแล่นเข้าไปถึงห้องรับแขกแล้ว

คนขับรถกับผู้ช่วยที่เขาพอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างนั่งคอยนายของเขาอยู่ที่หน้าบ้าน ชินอิชิโรจ้องหน้าคนทั้งสองด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด คุณนายไม่ได้อยู่ตรงนั้น เขากวาดสายตาไปที่แผ่นหินหน้าประตูทางขึ้นเรือนก็ไม่เห็นรองเท้าที่น่าจะเป็นของคุณนายถูกถอดทิ้งไว้ ก็รู้สึกโล่งใจว่าไม่ได้เกิดการบุกรุกรุนแรงอะไรขึ้น

คนขับรถร้องทักเมื่อเห็นเขาผลุนผลันเข้ามาใกล้

“กลับมาแล้วหรือขอรับ คุณนายท่านมารออยู่ได้สักครู่หนึ่งแล้วละขอรับ”

ชินอิชิโรขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจกับการทักที่ฟังดูคุ้นเคยเหมือนตีสนิท แล้วก็ต้องเดือดดานยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อนายคนขับรถตะโกนเสียงดังเข้าไปในบ้านอย่างไม่เกรงใจใคร

“คุณนายขอรับ คุณท่านกลับมาแล้วจริง ๆ ด้วย บอกแล้วไงว่าต้องตรงกลับบ้าน ไม่ไปแวะที่ไหน”

นายคนนั้นพูดอย่างอวด ๆ ทำนองว่าเขาทายถูกที่ชินอิชิโรจะต้องตรงกลับมาบ้าน พอได้ยินน้ำเสียงที่คนขับรถพูดกับนายชินอิชิโรถึงกับเหงื่อแตก พอจะเดาออกว่าคนขับรถกับภรรยาของเขาสนทนากันว่าอย่างไร

นายคนขับรถคงจะถามว่า

“คุณท่านยังไม่กลับหรือขอรับ”

ชิซุโกะหรือหญิงรับใช้ก็คงจะตอบว่า

“ยังไม่กลับค่ะ”

“งั้นเราจะรอครับ”

“ค่ะ คุณออกไปที่แม่น้ำทะมะกับเพื่อน คิดว่าคงจะกลับตอนเย็น ๆ”

ภรรยาคนซื่อผู้ไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วยและเชื่อทุกอย่างที่เขาบอก ก็คงจะตอบเช่นนั้น ซึ่งนายคนขับรถผู้ไม่รู้จักเกรงใจ ก็คงบอกแน่ ๆ ว่า

“ไม่หรอกขอรับ คุณท่านจะต้องตรงกลับบ้านแน่ เพราะเพิ่งออกจากบ้านผมเมื่อกี้นี้เอง ถ้าไม่ไปแวะที่ไหนอีกไม่ถึงสามสิบนาทีก็คงกลับมาถึง”

ภรรยาของเขาคงหน้าแดงและเงียบไปด้วยความแสลงใจที่ได้ฟังเรื่องเท็จของสามีจากปากของคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนอย่างนี้ พอคิดมาถึงตรงนี้ชินอิชิโรบันดาลโทสะขึ้นมาทันที

“มีธุระอะไรรึ”

คนขับรถหัวเราะอย่างมีเลศนัย

“คุณนายท่านให้นำจดหมายมาให้ขอรับ แต่จะเป็นธุระอะไรนั้นกระผมไม่ทราบ แต่คุณนายท่านสั่งมาให้คอยคำตอบขอรับ บอกให้คอยจนกว่าคุณท่านจะกลับมาแล้วรอรับคำตอบกลับไปด้วยขอรับ”

พอได้ยินคำว่าจดหมายชินอิชิโรก็ชักจะหวั่นใจ การที่เขาพูดปดว่าออกไปพบเพื่อนแต่กลับลอบไปหาผู้หญิงคนอื่น ซ้ำผู้หญิงคคนนั้นยังส่งจดหมายตามมาอย่างนี้ พอคิดว่าถ้าชิซุโกะรู้เข้าจะช้ำใจสักเพียงใด ชายหนุ่มก็หน้าซีด รีบขอรับจดหมายก่อนที่ภรรยาแสนซื่อจะออกมาเห็นเข้า

“ไหนละจดหมาย เอามาเร็ว ๆ”

แต่ก่อนที่คนขับรถจะพูดว่ากระไร ชิซุโกะที่แว่วเสียงสามีกลับมาก็รีบออกมาต้อนรับที่ประตูทางขึ้นเรือน และพอเห็นหน้าสามีเธอก็ยิ้มอย่างน่าเอ็นดูด้วยความยินดีพร้อมกับบอกว่า

“จดหมายนั่น ดิฉันรับฝากเอาไว้แล้วค่ะ” แล้วยืนซองจดหมายสีม่วงอ่อนงดงามมีรสนิยมให้ด้วยท่าทางอ่อนช้อย เส้นสายลายมืองดงามสมสตรีสะท้อนสู่สายตาของชินอิชิโรในทันทีนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น