xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมประเทศญี่ปุ่นถึง "สะอาด" นัก ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"


สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านที่รัก หลาย ๆ ท่านที่เคยไปหรือเคยได้ยินกิตติศัพท์ของญี่ปุ่นคงจะทราบดีว่าประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความสะอาดมากขนาดไหน แต่เคยสังเกตหรือได้ยินบ้างไหมคะว่าถังขยะในญี่ปุ่นหายากมาก จะมองหาถังขยะทั้งทีก็ต้องไปเดินตามหาเอาจากร้านสะดวกซื้อบ้าง หรือภายในบริเวณชานชาลาสถานีรถไฟบ้าง แต่โดยมากก็มักเป็นถังขยะที่ให้ทิ้งได้แค่กระป๋องและขวดเครื่องดื่มมากกว่าจะให้ทิ้งขยะประเภทอื่น ๆ แต่ก็แปลกที่ทั้งที่ถังขยะหายากอย่างนี้ แต่ทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงได้สะอาดสะอ้าน ไม่มีขยะหล่นอยู่ตามพื้นถนนบ้างเลย

สาเหตุที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีถังขยะให้เห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงโตเกียวนั้นดูเหมือนจะมีเหตุมาจากคดีสังหารหมู่ของลัทธิโอมชินริเคียวเมื่อปี พ.ศ. 2538 ด้วยการปล่อยแก๊สพิษซารินบนรถไฟใต้ดินสายต่าง ๆ ของกรุงโตเกียว ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งและมีผู้ตกเป็นเหยื่ออีกหลายพันคน ตั้งแต่นั้นมาทางการจึงได้เอาถังขยะตามสถานีรถไฟทั่วประเทศญี่ปุ่นออกเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีการใช้ถังขยะแบบโปร่งใสมากขึ้นเพื่อป้องกันการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ

แต่ในทางกลับกันก็น่าแปลกที่นครนิวยอร์กซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายฮิตของการก่อการร้ายกลับมีถังขยะอยู่ทุกแทบทุกมุมตึก แถมยังเป็นถังขยะแบบมิดชิดมองข้างในไม่เห็น ที่สำคัญคือถนนหนทางก็ยังสกปรก บางคนก็มักง่าย ดื่มเครื่องดื่มเสร็จก็วางกระป๋องหรือแก้วทิ้งไว้ข้างถนนเลย ทั้ง ๆ ที่เดินไปอีกนิดเดียวก็เจอถังขยะแล้ว แถมตามรางสถานีรถไฟใต้ดินก็เต็มไปด้วยขยะมากมายทั้ง ๆ ที่ถังขยะใบโตก็มีมากพอตามชานชาลา แสดงว่าจำนวนถังขยะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าบ้านเมืองจะสะอาด น่าจะอยู่ที่คนมากกว่า

ลองมาดูเรื่องขยะในญี่ปุ่นกันบ้าง พูดถึงญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องกฎระเบียบเอย มารยาทเอย ขนาดคนญี่ปุ่นบางคนเองก็ยังแอบเม้าท์ประเทศตัวเองว่าเป็นพวกจอมระเบียบไปเสียทุกอย่างเลยทีเดียว แน่นอนว่าการทิ้งขยะเองก็มีกฎระเบียบอีกเช่นกันแต่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่ของญี่ปุ่น อย่างในกรุงโตเกียวเองก็มีกฎไม่เหมือนกันในแต่ละเขต เกณฑ์ในการแยกขยะก็ไม่เหมือนกัน บางเขตอาจจัดให้พลาสติกเป็นขยะเผาได้ บางเขตอาจจัดเป็นขยะเผาไม่ได้เป็นต้น รวมทั้งวันที่ทิ้งขยะแต่ละประเภทได้ก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย

แต่ละท้องที่จะผลิตสื่อ เช่น โปสเตอร์ คู่มือ หรือข้อมูลบนเว็บไซต์ของท้องที่นั้นเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนว่าขยะแบบใดจัดอยู่ในประเภทใด โดยมากแล้วประเภทขยะแบ่งออกเป็น ขยะเผาได้ ขยะเผาไม่ได้ ขยะรีไซเคิล และขยะชิ้นใหญ่ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็ละเอียดครอบคลุมเกือบหมด และใช้รูปภาพมีสีสันให้ดูเข้าใจง่ายด้วย
(ตัวอย่างการแยกขยะ และวิธีทิ้งขยะชนิดต่าง ๆ) ภาพจาก http://deangeli.exblog.jp
ขยะรีไซเคิลนั้นแยกประเภทออกเป็นชนิดต่าง ๆ คือ ขวดแก้ว ขวดน้ำพลาสติก กระป๋อง และกระดาษ (นิตยสาร หนังสือพิมพ์ กล่องนม และกล่องลูกฟูกเป็นต้น) อย่างขวดนี่ก็ต้องล้างสะอาด ถ้าเป็นขวดน้ำพสาสติกก็ต้องเอาฉลากและฝาขวดออก และบี้ให้แบนก่อนทิ้ง

ส่วนกระดาษที่จะทิ้งให้กองรวมกันให้เรียบร้อยแล้วเอาเชือกผูกไว้เป็นมัด ๆ กล่องนมก็ต้องล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง แล้วตัดกล่องให้เป็นกระดาษหนึ่งแผ่นก่อนแล้วค่อยทิ้ง ไม่ใช่ว่าดื่มเสร็จแล้วทิ้งได้ทั้งอย่างนั้นเลย กล่องลูกฟูกก็ต้องเป็นกล่องที่สะอาด เอาเทปกาวและฉลากออกแล้ว และพับกล่องให้กลายเป็นแผ่น ส่วนกล่องพิซซ่าไม่อยู่ในประเภทรีไซเคิลเพราะเลอะเทอะแล้ว จึงให้ทิ้งเป็นขยะเผาได้แทน

ขวดน้ำพลาสติกนี่เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าเขาคงเอาไปทำเป็นขวดกลับมาใหม่เสียอีก แต่เขาเอาไปทำเสื้อกันหนาวหรือถุงมือจำพวก fleece ตอนที่ฉันได้ยินว่าขวดพลาสติกกลายเป็นเสื้อกันหนาวได้นี่ ฉันตกใจมาก นึกไม่ออกว่าพลาสติกแข็ง ๆ กลายมาเป็นเสื้อนุ่ม ๆ ได้อย่างไร พอไปค้นคว้าดูก็พบว่าเสื้อผ้าแบบนี้ทำมาจากใยโพลีเอสเตอร์นั่นเอง จึงได้ถึงบางอ้อ นอกจากนี้ ขวดพลาสติกยังเอามาทำพวกเครื่องเขียนพลาสติก เช่น ปากกาเอย ไม้บรรทัดเอย และยังเอามาทำกล่องไข่ที่เป็นพลาสติกใส ๆ บาง ๆ ได้ด้วย
(ป้ายบริเวณจุดทิ้งขยะของเขตหนึ่งในกรุงโตเกียว ระบุวันเวลาสำหรับทิ้งขยะแต่ละประเภท) ภาพจาก https://ameblo.jp/koyamiotsuma
สำหรับขยะชิ้นใหญ่อย่างเช่นเฟอร์นิเจอร์ หากสามารถถอดชิ้นส่วนได้ต้องถอดออกเป็นชิ้น ๆ เสียก่อน และก่อนจะทิ้งต้องติดต่อศูนย์รับทิ้งขยะชิ้นใหญ่ล่วงหน้า แล้วจึงไปซื้อสติกเกอร์สำหรับทิ้งขยะชิ้นใหญ่ประเภทนั้น ๆ ได้จากร้านสะดวกซื้อ เขียนชื่อตัวเองแล้วแปะบนขยะ พอถึงวันที่กำหนดให้ทิ้งได้ก็เอาไปไว้ในที่ที่กำหนดให้ทิ้งภายในเวลาแปดโมงเช้าเป็นต้น

บางทีถ้าของใช้ชิ้นนั้นยังสภาพดีอยู่มากก็สามารถขอให้ร้านขายของเก่ามารับไปได้เหมือนกัน ตอนแรกฉันนึกว่าเขาคงจะรับซื้อ กลายเป็นว่าบางทีเขาจะคิดเงินเราเสียอีกเป็นค่าขนย้ายออกไปจากบ้านเรา ถ้าร้านไหนไม่คิดเงินก็ถือเป็นโชคดีไป แล้วแต่จะต่อรอง ดู ๆ ไปก็ประหลาดดีที่นอกจากเราจะไม่ได้เงินจากการโละของเก่าแล้ว เรายังต้องจ่ายเงินเพื่อให้ร้านค้าได้ของเราไปขายฟรี ๆ อีก
(สติกเกอร์ที่ซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ สำหรับแปะบนขยะชิ้นใหญ่ที่นัดวันที่จะทิ้งแล้ว) ภาพประกอบจาก http://takayanso-ken.com
ขยะบางอย่างต้องหาทางเอาไปทิ้งที่อื่นเอง อย่างเช่น ถ่านไฟฉายใช้แล้วต้องเอาไปให้ที่ร้านเครื่องไฟฟ้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีถังให้ทิ้งถ่านไฟฉายโดยเฉพาะ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่อย่างตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้านี่ก็ต้องให้ร้านเครื่องไฟฟ้ามารับไป ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทิ้งก็ค่อนข้างสูงทีเดียว

ด้วยความที่ทุกคนต้องแยกขยะก่อนทิ้งและขยะมีหลายประเภทแยกย่อยกันสุด ๆ บ้านฉันจึงมีถังขยะสามใบเพื่อแยกประเภทขยะให้เอาไปทิ้งได้สะดวก คือ ใบแรกเป็นถังขยะสามชั้นซึ่งฉันเอาไว้ใส่ขวดพลาสติก พลาสติกที่เผาไม่ได้ และกระดาษที่รีไซเคิลได้ ใบที่สองมีสองช่องสำหรับทิ้งขวดแก้วและกระป๋อง และใบที่สามเป็นถังขยะสดวางไว้ในครัว โชคดีว่าฉันอาศัยในอะพาร์ตเมนต์ จึงมีห้องสำหรับทิ้งขยะโดยเฉพาะที่สามารถจะเอาขยะไปทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ โดยห้องขยะนี้มีคนคอยดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ และมีป้ายระบุไว้ตามบริเวณต่าง ๆ บอกให้รู้ว่าขยะแบบใดทิ้งจุดไหน
(ตัวอย่างห้องทิ้งขยะภายในตึกของอะพาร์ตเมนต์) ภาพจาก https://resources.realestate.co.jp
ถ้าอาศัยอยู่ตามบ้านเรือนทั่วไปจะไม่มีที่ให้ทิ้งขยะเมื่อไหร่ก็ได้แบบนี้ ต้องรอให้ถึงวันที่กำหนดเสียก่อนถึงจะทิ้งขยะบางประเภทได้ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะมีขยะสดจากการประกอบอาหารทุกวันก็ต้องเก็บไว้ที่บ้านตัวเอง รอให้ถึงวันที่ทิ้งขยะเผาได้ของสัปดาห์นั้น ๆ เสียก่อนจึงค่อยเอาไปทิ้งตามจุดที่เขากำหนดให้คนที่อยู่ในละแวกนั้นมาทิ้ง ซึ่งมักเป็นภายในเวลาแปดโมงเช้าของวันเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการไปทิ้งล่วงหน้า หรือทิ้งหลังจากนี้ เพราะฉะนั้นบางทีตอนเช้า ๆ ก็อาจจะได้เห็นคนใส่สูทใส่ชุดทำงานเดินออกจากบ้านไปพร้อมถุงขยะใบโตกันเป็นเรื่องปกติ คือ ไปทิ้งขยะระหว่างทางออกจากบ้านไปทำงานนั่นเอง

ถุงขยะนี่หลายแห่งเขาจะบังคับให้ใช้ถุงขยะสีขาว ไม่ให้ใช้ถุงจากซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเฉพาะถุงขยะดำนี่ห้ามใช้เด็ดขาด สำหรับวันที่ทิ้งขยะเผาได้นั้นมักจะเห็นว่าตามจุดทิ้งขยะมีตาข่ายสีฟ้าคลุมอยู่ด้วย เอาไว้กันพวกอีกามาจิกถุงขยะหาของกินแล้วทำเลอะเทอะ

นับว่ากฎเกณฑ์ในการทิ้งขยะของญี่ปุ่นละเอียดมาก แต่คนก็ให้ความร่วมมือกันเป็นปกติ ยังไม่เคยเห็นใครไปทิ้งขยะไว้ล่วงหน้าหรือหลังเวลาเก็บขยะเสียที แถมญี่ปุ่นยังมีผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายเพื่อช่วยในการแยกขยะได้ง่ายขึ้น เช่น ลังพลาสติกสำหรับรวบรวมหนังสือพิมพ์ที่อ่านแล้วเพื่อเก็บเอาไปทิ้งทีเดียว หรือกรรไกรสำหรับตัดแยกชิ้นห่วงพลาสติกที่ติดกับฝาขวด หรือตัดจุกขวดพลาสติกออกจากขวดแก้ว เพื่อให้แยกประเภทขยะได้อย่างแท้จริง กระทั่งการออกแบบผลิตภัณฑ์เองก็มีส่วนช่วยให้การแยกขยะง่ายขึ้น เช่น ฉลากพลาสติกบนขวดน้ำพลาสติกที่สามารถแกะออกได้ง่ายในคราวเดียว หรือขวดพลาสติกแบบบางที่พอดื่มน้ำหมดก็สามารถบิดขวดทิ้งได้ง่ายเป็นต้น
(ผลิตภัณฑ์สำหรับตากขวดน้ำให้แห้งก่อนทิ้งเป็นขยะรีไซเคิล) ภาพจาก https://sumally.com
(ฉลากข้างขวดที่แกะออกได้ง่าย)  ภาพจาก http://designwork-s.com
ในญี่ปุ่นนั้น บางครั้งบางคราวจะได้เห็นภาพพนักงานบริษัทออกมาช่วยกันเก็บขยะหรือใบไม้ร่วง บางคนก็มีที่คีบด้ามยาว ๆ พร้อมถุงขยะในมืออีกข้าง หรือบางคนก็มีทั้งไม้กวาดและที่โกยผง เคยเห็นโรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งให้พนักงานไปช่วยกันเก็บกวาดขยะหรือใบไม้ไม่ใช่เพียงแค่รอบโรงเรียน แต่รอบละแวกนั้น ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่านักเรียนของตนซึ่งเดินผ่านแถวนั้นอาจก่อความรำคาญเช่นส่งเสียงดังหรือทำอะไรที่เป็นการรบกวนคนอื่นโดยไม่รู้ตัว การเก็บกวาดในละแวกนั้นให้สะอาดทุก ๆ วันก็เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในแถบนั้นได้

บางครั้งบางคราวเวลามีการจัดงานที่มีการกินหรือดื่มด้วย เวลาเลิกงานคนจัดจะประกาศบอกให้ทุกคนเก็บขยะของตัวเองกลับไปทิ้งที่บ้านด้วย ซึ่งแต่ละคนก็จะรู้หน้าที่ของตัวเอง ไม่(น่า)มีใครเพิกเฉยทิ้งขยะของตัวเองไว้ปล่อยให้คนอื่นเก็บ เพราะฉะนั้นเวลามีงานอะไรสักอย่างในญี่ปุ่น ต่อให้เป็นงานในที่สาธารณะที่คนล้นหลามแค่ไหน ก็จะไม่มีขยะเกลื่อนกลาดไปทั่วทุกหนแห่งเมื่อจบงาน

เคยได้ยินข่าวว่าหลังการแข่งเวิลด์คัพครั้งหนึ่ง มีเพียงบริเวณที่นั่งของกองเชียร์ของญี่ปุ่นเท่านั้นที่ไม่พบขยะหลงเหลืออยู่เลย ฟังแล้วก็น่าชื่นชมที่เขาอยู่ประเทศอื่นก็ยังรักษาหน้าตาและชื่อเสียงของประเทศตัวเองได้เพราะได้รับการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีไว้กันตั้งแต่เล็ก ๆ ทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน พอโตเป็นผู้ใหญ่ก็ยังชินที่จะทำแบบเดิม จึงไม่รู้สึกแปลกกับการจัดการเก็บกวาดขยะของตัวเองให้เรียบร้อย

สรุปแล้วก็นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ญี่ปุ่นมีกฎเกณฑ์จุกจิกในการทิ้งขยะมากมายก่ายกอง แถมถังขยะก็หาได้ยากเย็นในที่สาธารณะ แต่กลับสะอาดสอ้านไปหมดทุกหนแห่ง ใช่ว่าพอไม่มีถังขยะ คนคิดจะทิ้งที่ไหนก็ทิ้งเลยได้เสียเมื่อไหร่ ในขณะที่บางประเทศมีถังขยะให้ทิ้งมากมาย คนก็ยังทิ้งกันเกลื่อนกลาดอยู่นั่นเอง

ฉันจำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ หนังสือเรียนภาษาไทยเล่มหนึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับแม่และลูกกำลังเดินทางด้วยเรือไปไหนสักแห่ง ระหว่างทางลูกกำลังจะโยนขยะทิ้งลงแม่น้ำ แม่จึงห้ามปรามไว้ ลูกก็ว่าขยะเพียงแค่ชิ้นเดียวไม่เห็นจะเป็นอย่างไร แม่จึงถามว่า “ถ้าทุกคนคิดแบบเดียวกันจะเกิดอะไรขึ้น” และอธิบายว่าขยะเพียงชิ้นเดียวที่ทุกคนร่วมใจกันทิ้งจะทำให้แม่น้ำสกปรกได้แค่ไหน เรื่องนี้ประทับใจฉันมากจนจำได้มาถึงเดี๋ยวนี้ ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราทุกคนคิดแบบเดียวกันว่าไม่ควรทิ้งขยะเกลื่อนกลาด บ้านเมืองเราคงจะสะอาดขึ้นทันตาเห็นเช่นกัน แล้วก็คงไม่ต้องรอให้ใครมาสร้างระบบทิ้งขยะให้เลิศเลอเหมือนญี่ปุ่น เราก็ลงมือเปลี่ยนประเทศของเราให้ดีขึ้นได้โดยเริ่มจากตัวเราเองไปทุก ๆ วัน ซึ่งก็อาจทำให้สอนลูกหลานได้ง่ายขึ้นด้วย น่าจะดีกว่าการพยายามสร้างระบบให้ดีโดยที่คนไม่พร้อมเสียอีกนะคะ

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ สวัสดีค่ะ



"ซาระซัง" สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.

กำลังโหลดความคิดเห็น