บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
1
“ใครกันครับ”
ชินอิชิโรคาดคั้นอย่างเกือบจะเอาเป็นเอาตายในขณะที่นายอะคิยะมะคู่กรณีของเขาสงบเยือกเย็น
“ประเด็นที่เรากำลังถกเถียงกันอยู่นี้เป็นแนวนามธรรม ถ้าผมเอ่ยนามออกมาแล้วคุณไม่เข้าใจเรื่องมันก็จบลงเท่านั้นเอง แต่เอาเถอะไหน ๆ ก็ร่วมวงสนทนากันแล้ว ผมก็จะบอกให้เผื่อว่าคุณอาจรู้จัก ครับ...ก็ไม่มีใครอื่นนอกจาก ฮิงุจิ อิจิโย”
นายอะคิยะมะเอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเลราวกับชื่อของนักประพันธ์สตรีผู้นั้นติดอยู่ที่ริมฝีปาก
พอคุณนายรุริโกะได้ยิน เธอก็แทบจะลุกขึ้นเต้นด้วยความดีใจ
“อิจิโยะ...จริง ๆ ด้วย ดิฉันลืมไปเลย ใช่แล้ว...อิจิโยะ เท่าที่อ่านนวนิยายมาดิฉันยังไม่ประทับใจกับนางเอกคนไหนมากไปกว่า...มิโดะริ ในเรื่องทะเกะคุระเบะ...ดิฉันชอบผู้หญิงคนนี้มากจริง ๆ ค่ะ”
“เชื่อเลยครับ ความมีจิตใจแข็งแกร่งไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ของเจ้าหล่อนเหมือนคุณนายมาก”
นายอะคิยะมะพูดอย่างติดตลก
“คุณก็พูดเป็นเล่นไปได้” คุณนายโฉมงามแก้เก้อ ดูเธอพอใจกับคำเปรียบเทียบนั้นไม่น้อย
“อิจิโยะนั้นจะว่าไปแล้วเป็นนักประพันธ์ระดับอัจฉริยะอย่างหาตัวจับได้ยากเลยทีเดียว ถ้าจะยกเอาโอะซะกิ โคโยขึ้นมาเทียบแล้วละก็ ฝ่ายนั้นชิดซ้ายตกขอบเลยละครับ”
นายโอะยะมะได้ทีจึงสอดเข้ามาอย่างเต็มปากเต็มคำเป็นการเบ่งทับชินอิชิโรที่ตนเสียท่าไปเมื่อครู่
“ใช่ครับ” นายมิยะเกะได้ทีขึ้นมาอีกคน ชายตาไปทางชินอิชิโรอย่างหมิ่น ๆ ก่อนเสริมว่า
“ถ้าเราเอา “ทะเกะคุระเบะ” กับ “คนจิกิยะฉะ” มาเทียบกันดูจะเห็นชัดทันทีเลยว่า เรื่องไหนเป็นนวนิยายที่มีคุณค่าเชิงวรรณศิลป์ กับเล่มไหนเป็นนิยายน้ำเน่า หากว่ากันตามความคิดเห็นของคุณอะสึมิ “ทะเกะคุระเบะ” ที่เขียนขึ้นก่อน “คนจิกิยะฉะ” ราวหกเจ็ดปีนั้น จะต้องกลายเป็นนิยายน้ำเน่าไปก่อนใช่ไหมครับ แต่นี่ไม่ใช่ครับ ถึงเอามาอ่านกันตอนนี้ผมก็แน่ใจเลยว่าไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นนิยายน้ำเน่า”
เมื่อมาถึงจุดนี้คนอื่น ๆ ในสมาคมนั้นต่างออกความคิดเห็นกันไปคนละทางสองทางอย่างสนุก
“ผมยกให้ทะเกะคุระเบะ เป็นมาสเตอร์พีสอันดับหนึ่งของสมัยเมจิเลยครับ”
“ผมเคยอ่านนานมาแล้ว รู้สึกว่าดีมาก”
“ใช่ ๆ ฉากของเรื่องอยู่แถวโยชิวะระใช่ไหม จำได้แล้ว ในเรื่องมีใครที่เป็นลูกพระใช่ไหม”
“ใช่ นายคนนั้นแหละที่นางเอกแอบชอบ แต่ความที่เป็นคนใจแข็งจึงไม่เอ่ยปากเผยความรู้สึก แล้วเก็บกดเอาไว้”
“ผมจำได้ตอนที่ ลูกพระชื่ออะไรสักอย่างทำสายรองเท้าคีบขาด แล้วมิโดะริก็เอาเศษผ้าสีแดง ๆ ที่ติดตัวอยู่ออกมาให้ แต่เจ้าหนุ่มไม่ใช้เพราะเกรงใจหรืออะไรสักอย่าง ผมจำฉากนั้นติดใจมาจนทุกวันนี้”
ขนาดนายโทะมิตะ ผู้แทนราษฎรยังเข้ามาร่วมสนุกด้วย ระหว่างนั้นนายอะคิยะมะนั่งฟังไปเรื่อย ๆ ด้วยท่าทีที่แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจจะจับสาระอะไรจากวงสนทนา จนกระทั่งเสียงพูดค่อยซาลงจึงพูดเป็นเชิงสรุปขึ้นว่า
“ในบรรดานักประพันธ์สมัยเมจิ ไม่มีใครจะเจาะเข้าไปในหัวใจของมนุษย์ได้ล้ำลึกเท่าอิจิโยะ นักเขียนกลุ่ม เค็นยูชะไม่มีใครเขียนถึงมนุษย์ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น อิจิโยะคนเดียวที่ครองความโดดเด่นด้วยสำนวนที่มีลีลาเฉียบคมมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ไม่แปลกอะไรที่บรรดานักประพันธ์เอกคนอื่น ๆ ต่างก้มหัวให้เธอไปตาม ๆ กัน ผมยกย่องให้ฮิงุจิ อิจิโยะ เป็นนักประพันธ์อันดับหนึ่งของสมัยเมจิครับ”
นายอะคิยะมะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มเป็นกังวานราบเรียบสมแฝงไว้ด้วยพลังสมกับเป็นนักวรรณศิลป์
ชินอิชิโรนิ่งฟังอยู่ด้วยความอึดอัดไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่ต้น จนแทบทนไม่ไหวคิดอยากมีไม้อะไรในมือสักท่อนจะได้ฟาดซ้ายป่ายขวาให้กลุ่มสนทนาแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เผื่อจะช่วยคลายอารมณ์ที่ขุ่นมัวลงได้บ้าง
คุณนายโฉมงามยังยิ้มหวานอยู่ตลอด เธอมองมาทางชินอิชิโรอย่างมองไม่ออกว่าเข้าใจความรู้สึกของเขาหรือไม่
“คุณอิสึมิจะว่ายังไง ตั้งรับยังไงดีดูเหมือนจะโดนรุกใหญ่รอบด้านเลยค่ะ”
2
พอเห็นชินอิชิโรลุกขึ้นยืน ทุกคนหันมาให้ความสนใจเพราะคิดว่าเขาคงจะเริ่มออกความเห็นเป็นการแก้เกม แต่ตอนนั้นใจของชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าสายตาไม่มีที่ว่างเหลือให้ทั้งอิจิโยทั้งโคโย เพราะใจนั้นถูกฟาดฟันจนเป็นแผลสาหัสด้วยความโลเลไม่แน่นอนของคุณนายโฉมงาม อกใจอัดอั้นไปด้วยความขัดเคืองใจ ความคับแค้นใจที่ประดังประเดเข้ามาร้อนระอุจนประทุเป็นดวงไฟกรุ่นอยู่ในอก
ชินอิชิโรอยากออกไปให้สถานที่แห่งนั้นให้เร็วที่สุด ผู้คนที่ชุมนุมอยู่รอบ ๆ ไม่ว่าใครหน้าไหนดูขวางหูขวางตาไปหมด อารมณ์ขณะนั้นมีแต่โกรธเกรี้ยว ชิงชัง และต่อต้าน
“คุณนายครับ ผม...ผมขอตัว”
ในที่สุดชายหนุ่มเค้นคำพูดออกมาได้อย่างกระท่อนกระแท่นเต็มที่ แล้วเดินเร็ว ๆ หลีกเก้าอี้ที่ตั้งระเกะระกะอยู่ตรงดิ่งไปที่ประตู อารมณ์ที่แสดงออกและอาการผลุนผลันของเขาทำให้หลายคนตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ตามปกติพวกเขาจะสนุกกับการถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเผ็ดร้อน บางครั้งอาจมีคนที่ถูกต้อนจนเถียงไม่ขึ้น แต่ก็ไม่มีใครอารมณ์เสียถึงขนาดนี้
ชินอิชิโรไม่เหลือเยื่อใยกับคุณนายรุริโกะโฉมงามอีกแล้ว ถ้าทำได้เขาอยากจะถ่มน้ำลายลงบนพื้นห้องแสนสวยเหมือนเป็นอสรกุ๊ยสักคนให้สาสมกับความแค้นเสียด้วยซ้ำ บัดนี้เขาประจักษ์แล้วว่ายิ้มหวานทรงเสน่ห์และคำหวานเหมือนน้ำผึ้งของคุณนายโฉมงามคืออากาศธาตุ อากาศธาตุที่เจือพิษร้ายไว้ประหัตประหารคนอย่างเขา
เขารู้แล้วว่าเจ้าหล่อนไม่ได้เห็นผู้ชายเป็นของเล่นเท่านั้น แต่หล่อนสนุกกับการใช้เสน่ห์ปั่นหัวผู้ชายให้ให้ลุ่มหลง ไม่ผิดอะไรกับนางมารที่มียาพิษร้ายแรงใช้พิษแห่งยานั้นคร่าชีวิตใครก็ตามที่ตกเป็นเหยื่อเสน่ห์นางด้วยความหยิ่งผยอง
“หรือว่าหล่อนคือนางโลม”
ชินอิชิโรตะโกนก้องอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะเร่งฝีเท้าวิ่งปราดไปราวกับสายฟ้าผ่านระเบียงทางเดินที่ทอดเชื่อมระหว่างห้องรับแขกกับห้องโถงทางเข้าบ้าน ชายหนุ่มไม่เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวกับหนุ่มน้อยที่รีบวิ่งออกมาส่ง เขาโถมตัวไปที่บานประตูด้วยกำลังแรงราวกับจะพาตัวทะลุออกไป
วินาทีนั้นเอง หูที่กำลังชาดิ่งไปด้วยอารมณ์ร้ายของชินอิชิโรก็ได้ยินเสียงเรียกหวานเจื้อยราวกับน้ำเย็นเยียบ
“คุณอิสึมิ คุณอิสึมิคะรอเดี๋ยว”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงเรียกของคุณนายโฉมงาม เขาบังคับตัวเองให้ไม่ฟังและปล่อยให้เสียงนั้นผ่านหูไป เหมือนชาวเรือที่บังคับตนเองไม่ให้ฟังเสียงกรีดแหลมของภูตไซเรนที่พลังคร่าชีวิตคนที่ได้ยินเสียงนั้น เขาตั้งท่าจะกระโจนออกไปจากประตู
ทว่า ถึงจะตั้งท่าเช่นนั้นแต่มือขวาที่จับลูกบิดประตูอยู่ดูเหมือนจะแข็งเกร็งกระดิกไม่ได้เสียแล้ว
“เป็นอะไรไปหรือเปล่า ดิฉันตกใจจริง ๆ ทำไมถึงโกรธขนาดนั้นคะ”
คุณนายวิ่งตามมาทันตรงหน้าประตูนั้นเอง เธอหอบน้อย ๆ ดูน่ารัก ไปทั้งตัวไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโตดำขลับที่มองมาอย่างเป็นห่วงกังวล จมูกโด่งสมส่วนราวรูปสลักงาช้าง ริมฝีปากอิ่มเอิบและแก้มนวลชวนให้ทนุถนอม เมื่อได้ชมโฉมอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ไม่นึกฝันเลยว่าเธอจะกล่าวเท็จคำเท็จและเสแสร้งกับเขาได้ถึงขนาดนั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีความเท็จและการเสแสร้งแฝงอยู่ในรอยยิ้มและคำพูดอันแสนหวานเช่นนั้นของเธอ
“ทำไมถึงจะรีบกลับอย่างนั้นล่ะคะ หลังจากที่ใคร ๆ กลับกันไปหมดแล้วดิฉันอยากคุยสบาย ๆ กับคุณคนเดียว คุณอะคิยะมะเขาเป็นคนอย่างนั้นเอง ไม่ว่าใครพูดอะไรเป็นต้องค้านท่าเดียว ใคร ๆ ก็พลอยเป็นไปด้วย ก็น่าหรอกที่คุณจะไม่พอใจ ถ้าไม่อยากกลับไปที่วงสนทนาในห้องรับแขก เดี๋ยวดิฉันจะพาไปที่ห้องสมุด มีหนังสือชุดของโคโยที่คุณชอบด้วย อ่านคอยอยู่สักสามสิบนาที ดิฉันจะหาเรื่องเลิกการชุมนุมแล้วทุกคนก็จะกลับไป คอยดิฉันสักนิดได้ไหม”
3
พอได้ฟังคำของคุณนายโฉมงามที่ว่า
“คอยดิฉันสักนิดได้ไหม”
เสียงที่ตะโกน “หรือว่าหล่อนคือนางโลม” ที่ดังก้องซ้ำซากอยู่ในใจเริ่มสั่นไหว แต่ชินอิชิโรพยายามสะกดใจไว้อย่างเต็มกำลัง มโนธรรมเริ่มเข้มแข็งขึ้นมาเตือนว่า...คำหวานราวน้ำผึ้งของเจ้าหล่อนทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจอย่างสาหัสมาแล้วมิใช่รึ แล้วเจ้ายังจะมุ่งหวังเอาอะไรจากแม่โฉมงามอีก ยิ่งเชื่อคำของเจ้าหล่อนมากเพียงใดเจ้าก็จะยิ่งได้รับแต่ความอับอาย ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ความหยิ่งของลูกผู้ชายหายไปไหน...ความอับอายที่ได้รับในวันนี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เจ้าตาสว่าง ตื่นจากภาพลวงตาอีกหรือ จงหยิ่งในความเป็นลูกผู้ชาย...สลัดคำหวานของคุณนายโฉมงามไปให้พ้น...มโนธรรมส่งสัญญาณเตือนอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ แม้จะแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่น
ชินอิชิโรรวบรวมความกล้าขึ้นมาสู้กับเสน่ห์แห่งความงามของคุณนายได้ในที่สุด
“แต่คุณนายครับ ผมคิดว่าขอตัวกลับเสียตอนนี้จะดีกว่า งานชุมนุมสังสรรค์กับกลุ่มผู้มีเกียรติในห้องรับแขกอันโออ่าเช่นนั้นไม่เหมาะกับคนอย่างผมเลยแม้แต่นิดเดียว ขอโทษที่ผมมารบกวนวันนี้ ลาก่อนครับ”
ชินอิชิโรปฏิเสธคำชวนด้วยน้ำเสียงที่มีความเด็ดขาด พร้อมทั้งหมุนตัวกลับโดยเร็ว
“ตายจริง คุณโกรธอะไรขนาดนั้น ดิฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจอย่างนั้นหรือคะ อุตส่าห์มาทั้งทีแล้วอยู่ ๆ จะกลับไปอย่างนี้ จะไม่ร้ายกับดิฉันเกินไปหน่อยหรือคะ พวกที่มาชุมนุมกันในห้องรับแขกนั่น ดิฉันไม่ได้คิดอะไรมากนอกจะทำหน้าที่เป็นเพื่อนสนทนาด้วย...ก็เท่านั้น คนที่ดิฉันอยากเป็นเพื่อน อยากขอให้รับดิฉันเป็นเพื่อน มีแต่คุณคนเดียวจริง ๆ ค่ะ”
ความงามของคุณนายรุริโกะเมื่อกล่าวคำพูดเช่นนั้นออกมาเหมือนไม่มีอะไรนอกจากความชินปากและยิ้มหวานทรงเสน่ห์ทำให้ชินอิชิโรรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ ฟังน้ำเสียงที่คุณนายพูดถึงพวกผู้ชายที่รุมล้อมเธออยู่ในห้องรับแขกแล้วทำให้คิดได้ว่าเธออาจมองคนเหล่านั้นเหมือนฝูงแมลงวัน และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาเองก็เท่ากับเป็นแมลงวันตัวใหม่ที่มีอะไรแปลก ๆ เป็นที่สะดุดตานางพญาเจ้าสำนักก็เป็นได้ ซึ่งถ้าหลงเสน่ห์ลมปากเข้าไปคลอเคลียก็อาจถูกเจ้าหล่อนเอาพัดงาช้างฟาดเอาถึงกับดับดิ้นเป็นที่น่าเวทนา...ชินอิชิโรคิดเช่นนั้น
“แต่วันนี้ผมขอกลับก่อน แล้วจะหาโอกาสมาใหม่ครับ”
ชินอิชิโรยังยืนกรานที่จะกลับอย่างเด็ดเดี่ยว คราวนี้คุณนายเลิกล้มความตั้งใจที่จะคะยั้นคะยอต่อไปอีก
“อย่างนั้นหรือคะ ถ้าจะกลับจริง ๆ ก็คงรั้งเอาไว้ไม่ได้ คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของดิฉันจริง ๆ ด้วย ถ้าเช่นนั้นก็ลาก่อนค่ะ”
พอพูดจบ คุณนายก็หมุนตัวออกเดินกลับไปทางห้องรับแขกด้านใน
ตอนที่คุณนายโฉมงามเรียกเขาเอาไว้แล้วชวนให้อยู่ต่อนั้น ชินอิชิโรมีความกล้าพอที่จะปฏิเสธ แต่พอคุณนายพูดเป็นเชิงผลักไสเขาเอาดื้อ ๆ เช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเสียจังหวะและรู้สึกใจหายขึ้นมานิด ๆ
ถ้าเขามีอันเป็นต้องแยกทางกับคุณนายโฉมงาม โอกาสที่จะได้ลิ้มรสความรื่นรมย์ชีวิตที่โอ่อ่างดงามอย่างประหลาดเช่นนี้ก็จะหมดสิ้นไปตลอดกาล ชีวิตที่กำลังแจ่มใสราวอาบด้วยแสงเรืองรองอ่อนหวานอันสุดแสนจะ โรแมนติก ก็คงจะกลับคืนสู่ความมืดดำของยามราตรีอีกครั้ง
ทว่า ภาพสตรีที่งามเรียบราวดอกไม้เล็ก ๆ น่ารักที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เลื่อนกลับเข้ามาครองเรือนใจแทนที่ดอกสมุนไพรพิษงามจัดจ้าที่เต็มไปด้วยอันตราย
ชินอิชิโรเดินลงบันไดไปช้า ๆ ด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว แต่ใจสบายเพราะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่มาเหยียบคฤหาสน์แห่งนี้อีก จะไม่นึกถึงใบหน้าอันงดงามของคุณนายรุริโกะผู้นี้อีก
ขณะที่กำลังคิดพลางเดินพลางมุ่งหน้าไปที่ประตูรั้วนั้นเอง ชายหนุ่มมองผ่านพุ่มไม้ข้างทางเดินเข้าไปในสวนเห็นชายสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ และพอเห็นร่างหนึ่งในจำนวนนั้นเขาก็ต้องชะงักยืนตะลึงอยู่กับที่ ขนลุกเกรียวขึ้นทั้งตัว
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
1
“ใครกันครับ”
ชินอิชิโรคาดคั้นอย่างเกือบจะเอาเป็นเอาตายในขณะที่นายอะคิยะมะคู่กรณีของเขาสงบเยือกเย็น
“ประเด็นที่เรากำลังถกเถียงกันอยู่นี้เป็นแนวนามธรรม ถ้าผมเอ่ยนามออกมาแล้วคุณไม่เข้าใจเรื่องมันก็จบลงเท่านั้นเอง แต่เอาเถอะไหน ๆ ก็ร่วมวงสนทนากันแล้ว ผมก็จะบอกให้เผื่อว่าคุณอาจรู้จัก ครับ...ก็ไม่มีใครอื่นนอกจาก ฮิงุจิ อิจิโย”
นายอะคิยะมะเอ่ยออกมาอย่างไม่ลังเลราวกับชื่อของนักประพันธ์สตรีผู้นั้นติดอยู่ที่ริมฝีปาก
พอคุณนายรุริโกะได้ยิน เธอก็แทบจะลุกขึ้นเต้นด้วยความดีใจ
“อิจิโยะ...จริง ๆ ด้วย ดิฉันลืมไปเลย ใช่แล้ว...อิจิโยะ เท่าที่อ่านนวนิยายมาดิฉันยังไม่ประทับใจกับนางเอกคนไหนมากไปกว่า...มิโดะริ ในเรื่องทะเกะคุระเบะ...ดิฉันชอบผู้หญิงคนนี้มากจริง ๆ ค่ะ”
“เชื่อเลยครับ ความมีจิตใจแข็งแกร่งไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ของเจ้าหล่อนเหมือนคุณนายมาก”
นายอะคิยะมะพูดอย่างติดตลก
“คุณก็พูดเป็นเล่นไปได้” คุณนายโฉมงามแก้เก้อ ดูเธอพอใจกับคำเปรียบเทียบนั้นไม่น้อย
“อิจิโยะนั้นจะว่าไปแล้วเป็นนักประพันธ์ระดับอัจฉริยะอย่างหาตัวจับได้ยากเลยทีเดียว ถ้าจะยกเอาโอะซะกิ โคโยขึ้นมาเทียบแล้วละก็ ฝ่ายนั้นชิดซ้ายตกขอบเลยละครับ”
นายโอะยะมะได้ทีจึงสอดเข้ามาอย่างเต็มปากเต็มคำเป็นการเบ่งทับชินอิชิโรที่ตนเสียท่าไปเมื่อครู่
“ใช่ครับ” นายมิยะเกะได้ทีขึ้นมาอีกคน ชายตาไปทางชินอิชิโรอย่างหมิ่น ๆ ก่อนเสริมว่า
“ถ้าเราเอา “ทะเกะคุระเบะ” กับ “คนจิกิยะฉะ” มาเทียบกันดูจะเห็นชัดทันทีเลยว่า เรื่องไหนเป็นนวนิยายที่มีคุณค่าเชิงวรรณศิลป์ กับเล่มไหนเป็นนิยายน้ำเน่า หากว่ากันตามความคิดเห็นของคุณอะสึมิ “ทะเกะคุระเบะ” ที่เขียนขึ้นก่อน “คนจิกิยะฉะ” ราวหกเจ็ดปีนั้น จะต้องกลายเป็นนิยายน้ำเน่าไปก่อนใช่ไหมครับ แต่นี่ไม่ใช่ครับ ถึงเอามาอ่านกันตอนนี้ผมก็แน่ใจเลยว่าไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นนิยายน้ำเน่า”
เมื่อมาถึงจุดนี้คนอื่น ๆ ในสมาคมนั้นต่างออกความคิดเห็นกันไปคนละทางสองทางอย่างสนุก
“ผมยกให้ทะเกะคุระเบะ เป็นมาสเตอร์พีสอันดับหนึ่งของสมัยเมจิเลยครับ”
“ผมเคยอ่านนานมาแล้ว รู้สึกว่าดีมาก”
“ใช่ ๆ ฉากของเรื่องอยู่แถวโยชิวะระใช่ไหม จำได้แล้ว ในเรื่องมีใครที่เป็นลูกพระใช่ไหม”
“ใช่ นายคนนั้นแหละที่นางเอกแอบชอบ แต่ความที่เป็นคนใจแข็งจึงไม่เอ่ยปากเผยความรู้สึก แล้วเก็บกดเอาไว้”
“ผมจำได้ตอนที่ ลูกพระชื่ออะไรสักอย่างทำสายรองเท้าคีบขาด แล้วมิโดะริก็เอาเศษผ้าสีแดง ๆ ที่ติดตัวอยู่ออกมาให้ แต่เจ้าหนุ่มไม่ใช้เพราะเกรงใจหรืออะไรสักอย่าง ผมจำฉากนั้นติดใจมาจนทุกวันนี้”
ขนาดนายโทะมิตะ ผู้แทนราษฎรยังเข้ามาร่วมสนุกด้วย ระหว่างนั้นนายอะคิยะมะนั่งฟังไปเรื่อย ๆ ด้วยท่าทีที่แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจจะจับสาระอะไรจากวงสนทนา จนกระทั่งเสียงพูดค่อยซาลงจึงพูดเป็นเชิงสรุปขึ้นว่า
“ในบรรดานักประพันธ์สมัยเมจิ ไม่มีใครจะเจาะเข้าไปในหัวใจของมนุษย์ได้ล้ำลึกเท่าอิจิโยะ นักเขียนกลุ่ม เค็นยูชะไม่มีใครเขียนถึงมนุษย์ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น อิจิโยะคนเดียวที่ครองความโดดเด่นด้วยสำนวนที่มีลีลาเฉียบคมมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ไม่แปลกอะไรที่บรรดานักประพันธ์เอกคนอื่น ๆ ต่างก้มหัวให้เธอไปตาม ๆ กัน ผมยกย่องให้ฮิงุจิ อิจิโยะ เป็นนักประพันธ์อันดับหนึ่งของสมัยเมจิครับ”
นายอะคิยะมะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มเป็นกังวานราบเรียบสมแฝงไว้ด้วยพลังสมกับเป็นนักวรรณศิลป์
ชินอิชิโรนิ่งฟังอยู่ด้วยความอึดอัดไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่ต้น จนแทบทนไม่ไหวคิดอยากมีไม้อะไรในมือสักท่อนจะได้ฟาดซ้ายป่ายขวาให้กลุ่มสนทนาแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง เผื่อจะช่วยคลายอารมณ์ที่ขุ่นมัวลงได้บ้าง
คุณนายโฉมงามยังยิ้มหวานอยู่ตลอด เธอมองมาทางชินอิชิโรอย่างมองไม่ออกว่าเข้าใจความรู้สึกของเขาหรือไม่
“คุณอิสึมิจะว่ายังไง ตั้งรับยังไงดีดูเหมือนจะโดนรุกใหญ่รอบด้านเลยค่ะ”
2
พอเห็นชินอิชิโรลุกขึ้นยืน ทุกคนหันมาให้ความสนใจเพราะคิดว่าเขาคงจะเริ่มออกความเห็นเป็นการแก้เกม แต่ตอนนั้นใจของชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าสายตาไม่มีที่ว่างเหลือให้ทั้งอิจิโยทั้งโคโย เพราะใจนั้นถูกฟาดฟันจนเป็นแผลสาหัสด้วยความโลเลไม่แน่นอนของคุณนายโฉมงาม อกใจอัดอั้นไปด้วยความขัดเคืองใจ ความคับแค้นใจที่ประดังประเดเข้ามาร้อนระอุจนประทุเป็นดวงไฟกรุ่นอยู่ในอก
ชินอิชิโรอยากออกไปให้สถานที่แห่งนั้นให้เร็วที่สุด ผู้คนที่ชุมนุมอยู่รอบ ๆ ไม่ว่าใครหน้าไหนดูขวางหูขวางตาไปหมด อารมณ์ขณะนั้นมีแต่โกรธเกรี้ยว ชิงชัง และต่อต้าน
“คุณนายครับ ผม...ผมขอตัว”
ในที่สุดชายหนุ่มเค้นคำพูดออกมาได้อย่างกระท่อนกระแท่นเต็มที่ แล้วเดินเร็ว ๆ หลีกเก้าอี้ที่ตั้งระเกะระกะอยู่ตรงดิ่งไปที่ประตู อารมณ์ที่แสดงออกและอาการผลุนผลันของเขาทำให้หลายคนตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ตามปกติพวกเขาจะสนุกกับการถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเผ็ดร้อน บางครั้งอาจมีคนที่ถูกต้อนจนเถียงไม่ขึ้น แต่ก็ไม่มีใครอารมณ์เสียถึงขนาดนี้
ชินอิชิโรไม่เหลือเยื่อใยกับคุณนายรุริโกะโฉมงามอีกแล้ว ถ้าทำได้เขาอยากจะถ่มน้ำลายลงบนพื้นห้องแสนสวยเหมือนเป็นอสรกุ๊ยสักคนให้สาสมกับความแค้นเสียด้วยซ้ำ บัดนี้เขาประจักษ์แล้วว่ายิ้มหวานทรงเสน่ห์และคำหวานเหมือนน้ำผึ้งของคุณนายโฉมงามคืออากาศธาตุ อากาศธาตุที่เจือพิษร้ายไว้ประหัตประหารคนอย่างเขา
เขารู้แล้วว่าเจ้าหล่อนไม่ได้เห็นผู้ชายเป็นของเล่นเท่านั้น แต่หล่อนสนุกกับการใช้เสน่ห์ปั่นหัวผู้ชายให้ให้ลุ่มหลง ไม่ผิดอะไรกับนางมารที่มียาพิษร้ายแรงใช้พิษแห่งยานั้นคร่าชีวิตใครก็ตามที่ตกเป็นเหยื่อเสน่ห์นางด้วยความหยิ่งผยอง
“หรือว่าหล่อนคือนางโลม”
ชินอิชิโรตะโกนก้องอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะเร่งฝีเท้าวิ่งปราดไปราวกับสายฟ้าผ่านระเบียงทางเดินที่ทอดเชื่อมระหว่างห้องรับแขกกับห้องโถงทางเข้าบ้าน ชายหนุ่มไม่เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียวกับหนุ่มน้อยที่รีบวิ่งออกมาส่ง เขาโถมตัวไปที่บานประตูด้วยกำลังแรงราวกับจะพาตัวทะลุออกไป
วินาทีนั้นเอง หูที่กำลังชาดิ่งไปด้วยอารมณ์ร้ายของชินอิชิโรก็ได้ยินเสียงเรียกหวานเจื้อยราวกับน้ำเย็นเยียบ
“คุณอิสึมิ คุณอิสึมิคะรอเดี๋ยว”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงเรียกของคุณนายโฉมงาม เขาบังคับตัวเองให้ไม่ฟังและปล่อยให้เสียงนั้นผ่านหูไป เหมือนชาวเรือที่บังคับตนเองไม่ให้ฟังเสียงกรีดแหลมของภูตไซเรนที่พลังคร่าชีวิตคนที่ได้ยินเสียงนั้น เขาตั้งท่าจะกระโจนออกไปจากประตู
ทว่า ถึงจะตั้งท่าเช่นนั้นแต่มือขวาที่จับลูกบิดประตูอยู่ดูเหมือนจะแข็งเกร็งกระดิกไม่ได้เสียแล้ว
“เป็นอะไรไปหรือเปล่า ดิฉันตกใจจริง ๆ ทำไมถึงโกรธขนาดนั้นคะ”
คุณนายวิ่งตามมาทันตรงหน้าประตูนั้นเอง เธอหอบน้อย ๆ ดูน่ารัก ไปทั้งตัวไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโตดำขลับที่มองมาอย่างเป็นห่วงกังวล จมูกโด่งสมส่วนราวรูปสลักงาช้าง ริมฝีปากอิ่มเอิบและแก้มนวลชวนให้ทนุถนอม เมื่อได้ชมโฉมอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ไม่นึกฝันเลยว่าเธอจะกล่าวเท็จคำเท็จและเสแสร้งกับเขาได้ถึงขนาดนั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีความเท็จและการเสแสร้งแฝงอยู่ในรอยยิ้มและคำพูดอันแสนหวานเช่นนั้นของเธอ
“ทำไมถึงจะรีบกลับอย่างนั้นล่ะคะ หลังจากที่ใคร ๆ กลับกันไปหมดแล้วดิฉันอยากคุยสบาย ๆ กับคุณคนเดียว คุณอะคิยะมะเขาเป็นคนอย่างนั้นเอง ไม่ว่าใครพูดอะไรเป็นต้องค้านท่าเดียว ใคร ๆ ก็พลอยเป็นไปด้วย ก็น่าหรอกที่คุณจะไม่พอใจ ถ้าไม่อยากกลับไปที่วงสนทนาในห้องรับแขก เดี๋ยวดิฉันจะพาไปที่ห้องสมุด มีหนังสือชุดของโคโยที่คุณชอบด้วย อ่านคอยอยู่สักสามสิบนาที ดิฉันจะหาเรื่องเลิกการชุมนุมแล้วทุกคนก็จะกลับไป คอยดิฉันสักนิดได้ไหม”
3
พอได้ฟังคำของคุณนายโฉมงามที่ว่า
“คอยดิฉันสักนิดได้ไหม”
เสียงที่ตะโกน “หรือว่าหล่อนคือนางโลม” ที่ดังก้องซ้ำซากอยู่ในใจเริ่มสั่นไหว แต่ชินอิชิโรพยายามสะกดใจไว้อย่างเต็มกำลัง มโนธรรมเริ่มเข้มแข็งขึ้นมาเตือนว่า...คำหวานราวน้ำผึ้งของเจ้าหล่อนทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจอย่างสาหัสมาแล้วมิใช่รึ แล้วเจ้ายังจะมุ่งหวังเอาอะไรจากแม่โฉมงามอีก ยิ่งเชื่อคำของเจ้าหล่อนมากเพียงใดเจ้าก็จะยิ่งได้รับแต่ความอับอาย ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ความหยิ่งของลูกผู้ชายหายไปไหน...ความอับอายที่ได้รับในวันนี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เจ้าตาสว่าง ตื่นจากภาพลวงตาอีกหรือ จงหยิ่งในความเป็นลูกผู้ชาย...สลัดคำหวานของคุณนายโฉมงามไปให้พ้น...มโนธรรมส่งสัญญาณเตือนอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ แม้จะแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่น
ชินอิชิโรรวบรวมความกล้าขึ้นมาสู้กับเสน่ห์แห่งความงามของคุณนายได้ในที่สุด
“แต่คุณนายครับ ผมคิดว่าขอตัวกลับเสียตอนนี้จะดีกว่า งานชุมนุมสังสรรค์กับกลุ่มผู้มีเกียรติในห้องรับแขกอันโออ่าเช่นนั้นไม่เหมาะกับคนอย่างผมเลยแม้แต่นิดเดียว ขอโทษที่ผมมารบกวนวันนี้ ลาก่อนครับ”
ชินอิชิโรปฏิเสธคำชวนด้วยน้ำเสียงที่มีความเด็ดขาด พร้อมทั้งหมุนตัวกลับโดยเร็ว
“ตายจริง คุณโกรธอะไรขนาดนั้น ดิฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจอย่างนั้นหรือคะ อุตส่าห์มาทั้งทีแล้วอยู่ ๆ จะกลับไปอย่างนี้ จะไม่ร้ายกับดิฉันเกินไปหน่อยหรือคะ พวกที่มาชุมนุมกันในห้องรับแขกนั่น ดิฉันไม่ได้คิดอะไรมากนอกจะทำหน้าที่เป็นเพื่อนสนทนาด้วย...ก็เท่านั้น คนที่ดิฉันอยากเป็นเพื่อน อยากขอให้รับดิฉันเป็นเพื่อน มีแต่คุณคนเดียวจริง ๆ ค่ะ”
ความงามของคุณนายรุริโกะเมื่อกล่าวคำพูดเช่นนั้นออกมาเหมือนไม่มีอะไรนอกจากความชินปากและยิ้มหวานทรงเสน่ห์ทำให้ชินอิชิโรรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ ฟังน้ำเสียงที่คุณนายพูดถึงพวกผู้ชายที่รุมล้อมเธออยู่ในห้องรับแขกแล้วทำให้คิดได้ว่าเธออาจมองคนเหล่านั้นเหมือนฝูงแมลงวัน และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาเองก็เท่ากับเป็นแมลงวันตัวใหม่ที่มีอะไรแปลก ๆ เป็นที่สะดุดตานางพญาเจ้าสำนักก็เป็นได้ ซึ่งถ้าหลงเสน่ห์ลมปากเข้าไปคลอเคลียก็อาจถูกเจ้าหล่อนเอาพัดงาช้างฟาดเอาถึงกับดับดิ้นเป็นที่น่าเวทนา...ชินอิชิโรคิดเช่นนั้น
“แต่วันนี้ผมขอกลับก่อน แล้วจะหาโอกาสมาใหม่ครับ”
ชินอิชิโรยังยืนกรานที่จะกลับอย่างเด็ดเดี่ยว คราวนี้คุณนายเลิกล้มความตั้งใจที่จะคะยั้นคะยอต่อไปอีก
“อย่างนั้นหรือคะ ถ้าจะกลับจริง ๆ ก็คงรั้งเอาไว้ไม่ได้ คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของดิฉันจริง ๆ ด้วย ถ้าเช่นนั้นก็ลาก่อนค่ะ”
พอพูดจบ คุณนายก็หมุนตัวออกเดินกลับไปทางห้องรับแขกด้านใน
ตอนที่คุณนายโฉมงามเรียกเขาเอาไว้แล้วชวนให้อยู่ต่อนั้น ชินอิชิโรมีความกล้าพอที่จะปฏิเสธ แต่พอคุณนายพูดเป็นเชิงผลักไสเขาเอาดื้อ ๆ เช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเสียจังหวะและรู้สึกใจหายขึ้นมานิด ๆ
ถ้าเขามีอันเป็นต้องแยกทางกับคุณนายโฉมงาม โอกาสที่จะได้ลิ้มรสความรื่นรมย์ชีวิตที่โอ่อ่างดงามอย่างประหลาดเช่นนี้ก็จะหมดสิ้นไปตลอดกาล ชีวิตที่กำลังแจ่มใสราวอาบด้วยแสงเรืองรองอ่อนหวานอันสุดแสนจะ โรแมนติก ก็คงจะกลับคืนสู่ความมืดดำของยามราตรีอีกครั้ง
ทว่า ภาพสตรีที่งามเรียบราวดอกไม้เล็ก ๆ น่ารักที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เลื่อนกลับเข้ามาครองเรือนใจแทนที่ดอกสมุนไพรพิษงามจัดจ้าที่เต็มไปด้วยอันตราย
ชินอิชิโรเดินลงบันไดไปช้า ๆ ด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว แต่ใจสบายเพราะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่มาเหยียบคฤหาสน์แห่งนี้อีก จะไม่นึกถึงใบหน้าอันงดงามของคุณนายรุริโกะผู้นี้อีก
ขณะที่กำลังคิดพลางเดินพลางมุ่งหน้าไปที่ประตูรั้วนั้นเอง ชายหนุ่มมองผ่านพุ่มไม้ข้างทางเดินเข้าไปในสวนเห็นชายสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ และพอเห็นร่างหนึ่งในจำนวนนั้นเขาก็ต้องชะงักยืนตะลึงอยู่กับที่ ขนลุกเกรียวขึ้นทั้งตัว