xs
xsm
sm
md
lg

ก๋วยเตี๋ยวเมืองไทยดังไกลถึงญี่ปุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้วครับ อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าเรื่องคุณสมบัติของแท็กซี่ญี่ปุ่นไปนิดหน่อย มีเพื่อนๆ มาร่วมแชร์ความคิดเห็นมากมายซึ่งเป็นประโยชน์และความรู้สำหรับผมมากต้องขอบคุณเพื่อนๆ ด้วยครับ

อย่างที่บอกว่ากว่าจะมาเป็นแท็กซี่ญี่ปุ่นที่ดูสุภาพเหมือนปัจจุบันนี้ เมื่อก่อนสมัยที่ผมยังเด็กๆ มีคนเล่าว่า แท็กซี่ทั่วไปค่อนข้างนักเลงเลยทีเดียว ทั้งเหยียดผู้โดยสาร ทั้งโกงเงิน ทั้งขอทิป ทั้งต่อรองสารพัด เพราะเศรษฐกิจสมัยนู้นค่อนข้างบูมมาก เงินเยนแข็งค่า การส่งออกเฟื่องฟู นิสัยคนก็หยิ่งตามไปด้วย คนรวยบางคนนั่งเครื่องบินจากโตเกียวไปกินก๋วยเตี๋ยวมื้อกลางวันที่ฮอกไกโด แล้วนั่งกลับก็มี พวกแท็กซี่ก็เลยหวังแต่เงิน บางครั้งใช้การต่อรองราคาไม่ได้ใช้ตามอัตราที่แสดงในมิเตอร์ ประมาณว่าพันเยนไปไหม ไม่ไปก็ไม่รับ เป็นต้น เอาตามที่ตัวเองพอใจ คุณภาพก็ไม่ค่อยดีนักเพราะระบบตามใจคนขับ

แต่พอเวลาผ่านไปเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ยุคถดถอย คนตกงานกันเยอะ คนที่อายุเยอะๆ ไม่สามารถทำอาชีพอื่นได้ก็หันมาทำอาชีพขับแท็กซี่กันมาก และอีกอย่างเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีก็ไม่ค่อยมีคนใช้แท็กซี่กันเท่าไหร่นัก พฤติกรรมต่างๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป ประกอบกับการในะช้กฏหมายและนโยบายการพัฒนาเมืองของภาครัฐ ที่ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวเอง แท็กซี่จึงดีขึ้นมา ยิ่งปัจจุบันนี้คนขับแท็กซี่ส่วนใหญ่เป็นรุ่นลุง หรือรุ่นเกือบเกษียณ ถ้าไม่ง้อลูกค้าก็คงทำอาชีพต่อไปยาก จึงมีความสุภาพมากตามมา

พูดเรื่องแท็กซี่ไปแล้ว อยากพูดเรื่องอาหารไทยและงานบริการสักหน่อยครับ แม้ว่าเพื่อนผมจะกลับญี่ปุ่นไปแล้ว แต่เขาก็ยังพูดถึงอาหารไทยว่าอร่อยมาก มีอาหารหลากหลายสไตล์ ทั้งอาหารจีนสไตล์ไทย เช่น เกี๊ยวซ่าเอย ข้าวผัดเอย อร่อยมาก ติดใจอาหารไทยมากๆ

ช่วงที่เพื่อนมาเที่ยวเมืองไทยผมพาไปทานที่ร้านอาหารพื้นเมืองทั่วไปที่คนไทยทานกัน มีวันหนึ่งชวนกันไปร้านอาหารจีนร้านหนึ่ง เป็นร้านที่ผมเคยไปมาก่อนแต่ก็นานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้คนไม่เยอะเท่าไหร่นัก ผิดกับครั้งนี้อาจจะเพราะว่าเป็นวันอาทิตย์พอดีทำให้คนเยอะมากๆ ต้องรอคิวจนแถวยาวออกมานอกร้าน เมื่อรับเบอร์คิวแล้วออกมายืนรอกันข้างนอกร้านซึ่งร้อนมากๆ จะเข้าไปรอข้างในก็เต็มพื้นที่ รอกันนานจนเหมือนจะเป็นไข้เพราะร้อนจริงๆ แต่พอถึงคิวก็ดีใจได้เข้าไปสักทีค่อยเย็นสบายสมกับที่อุตส่าห์รอตั้งนาน พอได้นั่งโต๊ะก็โล่งใจว่าได้กินอาหารละ รอไปอีกสักพักก็มีพนักงานมารับออร์เดอร์ พวกผมสั่งอาหารตามเมนูไปแล้ว...รอไปสักพักใหญ่ๆ มีพนักงานมาถามอีกรอบว่าสั่งอาหารหรือยัง คือพวกผมเริ่มท้อใจจะยกเลิกดีไหมคนรอก็เยอะอยู่แล้ว และมาเข้าคิวรออีกเรื่อยๆ เราก็เกรงใจคนที่รอข้างนอก เพราะเมื่อสักครู่เราต้องรอและร้อนมาก สั่งอาหารไปรอบแล้วแต่อาหารไม่มา ก็เลยลองสั่งใหม่ก็ได้ จึงชี้ไปที่รูปที่แสดงในเมนู รอไปอีกพักใหญ่ๆ อาหารที่มาเสิร์ฟกลับเป็นอีกอย่าง เช่นสั่งกุ้งแต่กลายเป็นไก่ ทั้งๆ ที่ชี้ที่รูปและพูดบอกไปด้วยว่ากุ้ง! ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเป็นแบบนี้ แต่ก็รอกันมานานมากแล้วก็เลยทานตามที่เขาเอามาเสิร์ฟให้ แต่ให้คะแนนความอร่อยไป เพื่อนผมบอกว่าอาหารที่เมืองไทยอร่อยมากแต่เซอร์วิสไม่ค่อยผ่าน อยู่กรุงเทพฯ หลายวันก็เจอเรื่องบริการและสีหน้าพนักงานหลายเรื่อง ยิ่งเจอเรื่องแท็กซี่จิตยิ่งตกเข้าไปใหญ่ แต่ก็ทำใจไปก่อนเพราะอาหารอร่อย

อีกวันผมพาเพื่อนไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือที่ขายถ้วยเล็กๆ ปกติลูกค้าส่วนใหญ่จะมีแต่คนไทย ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าเพื่อนจะถูกปากไหม แต่เพื่อนก็ชอบมากๆ แม้เพื่อนจะไม่ค่อยเข้าใจวิธีออร์เดอร์นัก ผมเลยบอกเอาตามผมได้ไหม เพื่อนผมบอกได้เลยก็เลยสั่ง ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส เส้นหมี่,เส้นเล็ก,เส้นใหญ่ อย่างละ 2 ชาม ของมาแบบผิดๆ ถูกๆ เพราะคนสั่งก็พูดไทยไม่ค่อยชัดคนรับออร์เดอร์ก็พูดไทยไม่แตกฉาน (*´꒳`*) สั่งแบบเดิมไป 3 ครั้ง คนรับออร์เดอร์ก็งงอยู่หลายรอบ เพื่อนผมบอกอร่อยดีนะ ผมบอกเมื่อก่อนเคยมาคนเดียวกินไป 15 ชาม เพื่อนผมตกใจเลย แต่ผมบอกวันนี้ไม่ต้องกินมากเกินไป ทานไปแค่ก็คนละ 9 ชามเท่านั้น เพื่อนบอกว่ารู้สึกเหมือนกิน わんこそば Wanko Soba เลย

พอจะเช็คบิลก็เรียกน้องชายคนเดิมที่รับออเดอร์พวกผมมาตลอดมาคิดเงิน ที่จริงคิดง่ายมากเลยเพราะผมสั่งครั้งละ 6 ชาม 3 ครั้งก็ 18 ชาม น้องมานับชาม แล้วน่าจะเขียนว่า 17 ชาม รึเปล่าไม่แน่ใจ ผมก็ถือบิลจ่ายเงิน ไม่รู้เลขที่เขียนผิดหรือคนคิดเงินผิด คิดออกมา 5 ชาม พวกผมจิตตก จะจ่ายเงินแค่สิบกว่าบาททั้งๆ ที่กินไปตั้งร้อยกว่าบาทได้อย่างไร จึงบอกว่าคิดผิดแล้ว แต่มานึกดูนะครับว่าระบบต่างๆ เช่นที่เจอนี้เหมือนทำแบบเล่นๆ กันเลย

แต่จะว่าไปแล้วก๋วยเตี๋ยวไทยถูกปากและถูกใจคนญี่ปุ่นจริงๆ ครับร้านอาหารไทยที่ญี่ปุ่นก็มีเมนูก๋วยเตี๋ยวนี่แหละที่ติดอันดับขายดีลำดับต้นๆ อีกอย่างมีลักษณะเป็นอาหารประเภทเส้นที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยกันอยู่แล้ว และที่เพื่อนผมบอกว่าทานก๋วยเตี๋ยวเรือแบบถ้วยเล็กๆ แล้วรู้สึกเหมือนทาน Wanko Soba เลยคือเหมือนตรงที่

1. ใส่ถ้วยเล็กๆ พอทานครั้งละนิดเดียว
2. เสิรฟ์ต่อเนื่องโดยพนักงาน
3. โซบะร้อน (กรณีนี้คือก๋วยเตี๋ยว)

わんこそば Wanko Soba ถือว่าเป็นอาหารเลื่องชื่อประจำจังหวัดอิวาเตะครับ จะมีการเสิร์ฟต่อเนื่องจนกว่าจะอิ่มกันไปข้างหนึ่ง เมื่อกินโซบะหมดชามหนึ่งพนักงานก็เสิร์ฟโซบะที่ลวกใหม่ทันที และเมื่อทานหมดอีกก็เสิร์ฟอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะอิ่มกันไปข้างนึง Wanko Soba ที่จริงก็คือโซบะแต่จะใส่ถ้วยเล็กๆ ทานได้ประมาณหนึ่งคำ โซบะนี้ทำมาจากแป้งบัควีตแท้ๆ เส้นจึงเหนียวนุ่ม นอกจากโซบะแล้ว อาจจะมีการเสิร์ฟเครื่องเคียงอื่นๆ ที่ใช้รับประทานร่วมกัน เช่น ซาชิมิดิบ เนื้อไก่ เห็ด เป็นต้น

มีตำนานที่เล่าขานเกี่ยวกับที่มาของ Wanko Soba หลายตำนานครับ บ้างก็บอกว่า Wanko Soba มีมายาวนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 400 ปีก่อน ตอนนั้นท่าน 南部利直 Nambu Toshinao เจ้าเมืองนัมบุ ได้มาเยือนเมืองต้นตำรับ Wanko Soba และแวะทานอาหารที่เมืองนี้ ทุกคนพยายามหาอาหารดีๆ เลิศรสมาให้ทาน รวมทั้งโซบะพื้นบ้านด้วย แต่ว่าบรรดาข้ารับใช้เกรงว่า ของกินอย่างโซบะ เหมือนก๋วยเตี๋ยวที่มีแต่เส้นกับน้ำจะไม่ถูกปากท่าน จึงตักโซบะแบ่งใสชามเล็กๆ ให้ลองชิมดูก่อน แต่ปรากฏว่าท่านเจ้าเมืองติดใจรสชาติของอาหารชนิดนี้มาก จึงสั่งเพิ่มเรื่อยๆ เป็นที่มาของลักษณะการทานจนถึงปัจจุบันนี้

ส่วนอีกตำนานเล่าว่าในสมัยก่อนมีเจ้าของที่ดินแห่งหนึ่งได้เป็นแม่งานจัดงานเทศกาลกินโซบะขึ้น แต่ปรากฏว่ามีมีชาวบ้านมาร่วมงานมากมาย กว่า 100 คน เจ้าภาพกลัวว่าอาหารที่มีอยู่จะไม่เพียงพอสำหรับรับรองแขกที่มาร่วมงาน จึงคิดหาวิธีโดยนำโซบะมาแบ่งใส่ชามขนาดเล็กๆ เพื่อให้สามารถแจกจ่ายได้อย่างทั่วถึง จึงเป็นอีกหนึ่งที่มาของ Wanko Soba ครับ

ปัจจุบันนี้ Wanko Soba กลายมาเป็นเมนูขึ้นชื่อของจังหวัดอิวาเตะและท้องถิ่นนี้ไปแล้ว และมีการจัดงานเทศกาลแข่งขันทาน Wanko Soba ที่จะถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ ปีเพื่อค้นหาแชมป์ที่สามารถทานได้มากที่สุด

แม้ว่าจะถ้วยเล็กๆ แต่ก็ไม่ควรทานเยอะและมากจนเกินไป

・ควรทานอาหารตามเวลา ไม่งดหรืออดอาหารเพื่อจะมาทาน Wanko Soba ให้เยอะๆ โดยเฉพาะ ・ควรระวังไม่กินน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวมากจนเกินไป เติมเครื่องเคียงตามความเหมาะสม・ทานช้าๆ ไม่รับประทานด้วยความเร็วจนเกินไป

ไหนๆ ก็พูดเรื่องโซบะแล้วที่ญี่ปุ่นมีศิลปะการเล่าเรื่อง คงจะคล้ายๆ กับการเดี่ยวไมโครโฟนกระมังครับ เรียกว่า 落語 Rakugo ถือเป็นศิลปะหนึ่งของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ นักเล่า 落語 Rakugo หรือผู้แสดงเดี่ยวโชว์ จะพูดคุยเล่าเรื่องนู่นนี่นั่นคนเดียว เล่าเรื่องต่างๆให้ผู้ชมเกิดจินตนาการสร้างภาพตามเนื้อหานั้น ความแตกต่างของตัวละครจะอยู่ที่การเปลี่ยนเสียงของผู้แสดง หรือการเปลี่ยนทิศทางของศีรษะ และลำตัว โดยนักเล่าจะนั่งบนเวที ที่เรียกว่า 高座 kouza พูดและแสดงออกทางสีหน้าท่าทางทำให้ผู้ฟังรู้สึกสนุกสนานและเรียกเสียงหัวเราะ นัก Rakugo จะเล่าเรื่องตลกที่เป็นเรื่องทั่วไปอาจจะเกี่ยวกับ ชีวิตของชาวเมือง หรือนิทานต่างๆ ด้วยมุกตลกเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของการแสดงประเภทนี้ นัก Rakugo จะออกแสดงเพียงแค่คนเดียวพร้อมกับอุปกรณ์ประกอบ เช่น พัด sensu , ผ้าเช็ดหน้า Tenugui เป็นต้น ซึ่งของเหล่านี้จะใช้ประกอบการแสดงเพื่อแทนสิ่งของต่างๆ อาทิเช่น โดยพัดคลี่ ใช้แทน ตะเกียบ พู่กัน ดาบ เป็นต้น ส่วนผ้าเช็ดหน้าใช้แทน จดหมาย หนังสือ กระเป๋าเงิน เป็นต้น

Rakugo นี่เองมีเรื่องราวที่เล่าถึงโซบะ ด้วยเรื่องหนึ่งเป็นที่รู้จักแพร่หลายมาก คือเรื่อง “โทะกิ-โซบะ” 時そば;Toki-soba ครับ

🍜ก่อนอื่นต้องลองจินตนาการคนเล่านะครับว่าจะเป็นคนเล่าคนเดียว ที่เปลี่ยนเสียงเป็นตัวละครหลากหลายตามท้องเรื่อง มีเสียงเอฟเฟ็กต์ด้วย นอกจากนั้นก็จะทำท่าทางประกอบดูแล้วตลกๆ
🍜สมัยนั้นการนับเวลาในตอนกลางคืนยังนับคล้ายๆ กับเมืองไทย เช่น 3 ทุ่ม บางคนก็บอก เก้าทุ่ม , 4 ทุ่ม คือ 22 นาฬิกา บอกแบบไหนก็เข้าใจตรงกันได้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่
🍜Rakugo เป็นเรื่องเล่าแบบโจ๊กๆ ขำๆ ดังนั้นไม่ต้องใส่เหตุผลว่าทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้จะได้ถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องเล่าเอาฮาครับ
🍜เรื่อง “โทะกิ-โซบะ” 時そば;Toki-soba เล่นเรื่องเวลาอย่างที่บอกครับเพื่อนๆ ลองดูตัวอย่างศิลปะการแสดง Rakugo เรื่อง “โทะกิ-โซบะ” ที่ลิงค์ตัวอย่างนะครับ



เรื่องย่อคือ มีชายคนหนึ่งเป็นคนพูดเก่งมาก ไปสั่ง soba ที่ร้านรถเข็นโซบะร้านหนึ่ง แกก็ชวนคนขายพูดนู้นนี่นั่นตลอดเวลา soba สั่งปุ๊ปก็เสิร์ฟไวทันใจ ตะเกียบก็ใหม่เป็นแบบใช้คนเดียว ชามก็สวยสะอาดสะอ้าน ไม่เพียงเท่านั้นเส้นก็นุ่มอร่อย น้ำซุปได้รสชาติเข้มข้นถูกปาก ลูกชิ้นปลาก็ชิ้นใหญ่มากทำจากเนื้อปลาแท้อีกด้วย กินไปก็ชมไป พอจะจ่ายเงินก็ถามคนขายว่าเท่าไหร่หรอครับ คนขายบอก 16 มง ชายหนุ่มลูกค้าบอกว่ามีแต่เหรียญนะเอายื่นมือมา แล้วก็เริ่มนับเหรียญวางบนมือคนขายทีละเหรียญๆ
ลูกค้า " 1,2,3,4,5,6,7,8....เอ๊ะตอนนี้กี่โมงแล้ว?..."
คนขาย" 9 !!"
ลูกค้านับต่ออย่างไว( ´∀`)づ" 10,11,12,13,14,15,16" ど(´∀`*)゛
แล้วเดินออกไปโดยที่คนขายก็ไม่ได้เอะใจอะไร

ขณะนั้นมีลุงเจ้าเล่ห์อีกคนที่เห็นเหตุการณ์มาโดยตลอด เลยอยากทำแบบนี้บ้างจะได้กินของอร่อยราคาถูกลง วันรุ่งขึ้นเมื่อหาเศษเหรียญที่มีได้แล้วก็ออกเดินตามหาร้านขายโซบะบ้าง ไปเจอร้านหนึ่งก็กะว่าจะใช้แผนเดียวกับหนุ่มที่เห็นเมื่อวานบ้างแต่คุยกันไม่ค่อยจะถูกคอ สั่งอาหารปุ๊บคนขายบอกรอเดี๋ยวกำลังต้มน้ำ รอไปจนอาหารมาเสิร์ฟ กะว่าจะชมเรื่องถ้วยเรื่องตะเกียบบ้าง หยิบตะเกียบมาก็มีคราบน้ำ เอ้ยใครกินไว้เนี่ย!! จะชมชามก็แหม่สกปรกมากใต้ชามมีคราบดินเปื้อนเปรอะอีกแน่ะ แต่ไม่เป็นไรรสชาติอาจจะดี เดี๋ยวค่อยชมเส้นกับลูกชิ้นปลาก็ได้ แต่ดันมีเส้นที่เหนี่ยวใหญ่และยาวมากๆ ชดน้ำซุปก็ต้องรีบพ่นออกมาทันที ถ้าหวานยังพอว่าไม่เคยกินซุปขมแบบนี้เลยให้ตายสิพ่อค้า ไม่เป็นไรลูกชิ้นปลาอาจจะอร่อย ควานหาตั้งนานเจอชิ้นบางๆ กลวงตรงกลางอีกแบบประหยัดไปป่าว... เอาไว้ส่องดูดาวหรอตรงกลางที่โบ๋ไปน่ะพ่อค้า ต่างๆ นานา สุดท้ายพอๆ จ่ายเงินดีกว่า ราคาเท่าไหร่พ่อค้า 16 มง ลุงนั่งยิ้มเอ้อมีแต่เหรียญเอามือมาสิว่าแล้วก็เริ่มนับเหรียญใส่มือคนขายเหมือนกับที่เห็นตัวอย่างมาจากหนุ่มคนเมื่อวานบ้าง

ลุงลูกค้า " 1,2,3,4,5,6,7,8....เอ๊ะตอนนี้กี่โมงแล้ว?..."
คนขาย" 4 (ทุ่ม) !!"
ลูกค้านับต่ออย่างไว " 5,6,7,8,9,10,11,12,13,14,15,16"
แล้วลุงลูกค้าก็เกาหัวงงๆ แล้วเดินออกไป !!(´•ω•` ) …

เรื่องจบแค่นี้แต่เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้เยอะเลยทีเดียว นี่คือตัวอย่างมุกตลกแบบหนึ่งของญี่ปุ่นครับ วันนี้เล่าเรื่องอาหารเลยมาจบที่ 時そば;Toki-soba สะนี่ เป็นอีกหนึ่งมุมมองครับเผื่อท่านใดมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นอาจจะได้ไปดูการแสดง Rakugo ตามออนเซ็นใหญ่ๆ บางที่เขามีโปรแกรมโชว์ Rakugo ด้วยเหมือนกันครับ วันนี้สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น