บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
1
คนขับรถเร่งเครื่องเสียงดังเปลี่ยนจังหวะจากที่แล่นไปเอื่อย ๆ ให้เร็วขึ้นแล้วหักเลี้ยวเข้าไปในย่านซุดะมะชิที่กำลังคับคั่งไปด้วยผู้คนและรถราเช่นทุก ๆ วันในยามค่ำ มุ่งหน้าไปทางมะรุโนะอุชิตามสั่ง
พื้นถนนที่ขรุขระทำให้ตัวรถสั่นกระเทือนและใจของชินอิชิโรก็พลอยสั่นไหวไปด้วย
พอรถเลี้ยววงแคบที่มุมถนนย่านโอะงะวะมะชิ คุณนายโฉมงามก็ตีหน้าตายถามขึ้นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้
“ขอโทษนะคะ คุณมีภรรยาแล้ว ? ”
“ครับ”
“ตายจริง คุณเงียบหายมาอย่างนี้ เธอไม่เป็นห่วงแย่รึ”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”
เสียงของชินอิชิโรเท่านั้นที่หนักแน่น แต่ใจไม่ใช่เลย
ขณะเดินขึ้นบันไดจากที่เทียบรถทางด้านใต้ของโรงละครอิมพีเรียลไปกับคุณนายโฉมงาม ใจของชินอิชิโรหวั่นไหวขึ้นมาอีกเมื่อคิดว่าตนคงวางท่าไม่ถูกเมื่อต้องเดินเคียงคู่ไปกับคุณนายโฉมงามเข้าไปปรากฏตัวเป็นเป้าสายตาของสมาคมอันหรูหราที่เขาไม่รู้ว่าใครเป็นใครและไม่มีใครรู้จักเขาในอาคารอันโอ่อ่าอลังการ
ทว่า โชคช่วยเพราะเมื่อทั้งสองไปถึงดูเหมือนว่าพอดีกับที่การแสดงบนเวทีเพิ่งเปิดฉาก ที่ทางเดินมีเพียงผู้ชมสองสามคนที่มาช้ากำลังเร่งฝีเท้ารีบไปยังที่นั่งของตน
จนกระทั่งได้ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวหน้าของชั้นบ็อกซ์ที่กว้างขวางโอ่โถงชินอิชิโรจึงค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง และรู้สึกขอบใจที่เขาหรี่ไฟบริเวณที่นั่งของผู้ชมให้มืดสลัวเมื่อเทียบกับแสงไฟสว่างจ้าบนเวที
คุณนายรุริโกะดูละครเงียบ ๆ อยู่เพียงสองสามนาที อยู่ ๆ ก็หันมาทางชินอิชิโรแล้วบอกว่า
“ดิฉันทำความลำบากให้คุณหรือเปล่า คุณไม่ชอบละครคะบุกิใช่ไหมนี่”
“ไม่เลยครับ ผมชอบมาก แต่รู้สึกว่าละครเรื่องนี้ไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไร”
“เหมือนกันเลยค่ะ ที่ดิฉันออกมาดูละครบ่อย ๆ ก็เพราะไม่รู้จะไปไหน ชีวิตจริงของผู้หญิงเรากับโลกของละคร คาบุกิแตกต่างกันลิบลับ ผู้หญิงในละครแต่ละคนไม่มีเอกลักษณ์ ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีแต่ผู้หญิงที่เหมือนตุ๊กตาที่อยู่ในกรอบศีลธรรมจรรยาโบราณคร่ำครึ”
“จริงครับ ผมเห็นด้วย”
ชินอิชิโรนึกชมความคิดอันก้าวหน้าเฉียบแหลมของคุณนายโฉมงามจากใจจริง
“ดิฉันคิดว่าผู้หญิงเราควรใช้ชีวิตในรูปแบบของตนเองมากขึ้นไม่ใช่ว่าเอาแต่ตามในพ่อแม่หรือสามีอย่างเดียว คิดว่าควรปลดปล่อยตนเองออกจากกรอบศีลธรรมจรรยาและอารมณ์ความรู้สึก มาใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรีมากขึ้นอย่างนางเอกในละครสมัยใหม่ของอังกฤษออกมาทวงสิทธิว่า เมื่อผู้ชายคบหาเที่ยวเตร่กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาได้ราวกับนกสกายล๊าค ผู้หญิงก็มีสิทธิคบหาเที่ยวเตร่กับผู้ชายมากหน้าหลายตาได้เหมือนกัน ดิฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
คุณนายรุริโกะพูดเสียงกระซิบชิดหูคู่สนทนาเพื่อไม่ให้ดังออกไปทำลายความเงียบสงบรอบข้าง ชิดจนไออุ่นหอมละมุนของลมหายใจของเธอลูบไล้บางเบาไปบนแก้มร้อนจัดของชินอิชิโร ชายหนุ่มต้องมนต์เสน่ห์รู้สึกราวกับว่ากายตัวกำลังจะหลอมละลายหายไป
“แต่คุณคงไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้น”
ใช่...เธอกระซิบที่ข้างหูชินอิชิโร ปล่อยให้ลมหายใจอุ่น ๆ อ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนผละห่างออกมานิดหนึ่งเพื่อส่งยิ้มหวานจับใจพลางปลายสายตาทรงเสน่ห์ก่อกวนใจชายให้ปั่นป่วน
คำแถลงอย่างกล้าหาญของคุณนายโฉมงามและเสน่ห์เย้ายวนใจไปทั่วทั้งตัวทำเอาชินอิชิโรถึงกับตาพร่าพราย สติแทบแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หน้าของชายหนุ่มแดงระเรื่อร้อนผะผ่าวราวกับหนุ่มน้อยหลงเสน่ห์นางฟ้า ไม่อาจตอบคำได้แต่นั่งใจเต้นอยู่เงียบ ๆ
คุณนายหยุดหว่านเสน่ห์ เธอขยับตัวเข้าที่ตามเดิมแล้วเอียงหน้าเข้ามากระซิบคุยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวต่อไป
“รู้ไว้ด้วยนะคะว่าคุณเป็นคนแรกที่ดิฉันเปิดเผยความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถ้าไปพูดกับคนที่ไม่เข้าใจวรรณกรรมและแนวคิดที่ว่านี้ ก็จะเข้าใจผิดทันที ดิฉันต้องการเพื่อนอย่างคุณมานานแล้ว ดิฉันอยากมีเพื่อนผู้ชายที่รับฟังความในใจของดิฉันด้วยใจจริง ที่เขาว่ากันว่ามิตรภาพที่แท้จริงระหว่างคนต่างเพศสองคนไม่มีทางเกิดขึ้นได้นั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ดิฉันคิดว่าถ้าเป็นคนต่างเพศสองคนที่ต่างรู้จักตนเองดีแล้วละก็ ทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันได้ตลอดไปอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรบุกเบิกมิตรภาพระหว่างคนต่างเพศ โดยมีคุณกับดิฉันเป็นตัวอย่าง”
คุณนายรุริโกะพูดจบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ขณะที่สาธยายความหมายของมิตรภาพที่แท้จริงนั้นริมฝีปากนุ่มแสนสวยไม่ได้ห่างไปจากแก้มขวาของชินอิชิโรเลยแม้แต่น้อย ชินอิชิโรตกอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มไปด้วยความรู้สึกของคนสูบฝิ่นที่แม้จะรู้ว่าเป็นพิษต่อร่างกายก็ยังปล่อยใจให้เพลิดไปกับเสน่ห์ยั่วยวนของมัน ชายหนุ่มตกจมอยู่ในห้วงแห่งลมหายใจหอมหวานราวน้ำผึ้งและเสียงไพเราะกังวานใสของคุณนายโฉมงาม
2
เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่นั่งเรียงเคียงข้างอยู่กับคุณนายรุริโกะในชั้นบ็อกซ์ของโรงละครอิมพีเรียล เป็นช่วงที่สติของชินอิชิโรเลือนลางไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในความฝันหรือความเป็นจริง
กลิ่นกายของสตรีที่โชยมาจากทั่วตัวของคุณนายรุริโกะมีอิทธิพลทำให้ความรู้สึกสัมผัสทุกส่วนของเขาสับสนไปหมด อาจกล่าวได้เลยว่าวิญญาณของเขากำลังจะถูกหลอมเหลวลงไป
คืนนั้น ชายหนุ่มนั่งรถมากับคุณนายโฉมงามจนถึงฮันโซมอนเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าไปทางชินจุกุ และเมื่อจะแยกทางกัน เธอยื่นหน้าขาวผ่องออกมาจากหน้าต่างรถยนต์บอกกับเขาว่า
“วันนี้ลาก่อน แล้วมาที่บ้านวันอาทิตย์หน้าให้ได้นะคะ”
ชินอิชิโรรู้สึกเสียงหวานทรงเสน่ห์ของคุณนายรุริโกะแทรกเข้าไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ ชายหนุ่มยืนนิ่งขึงอยู่ตรงนั้นราวกับมนุษย์ที่ถูกทำให้กลายเป็นซากหิน มองตามดวงไฟท้ายรถสีน้ำเงินที่เคลื่อนห่างไกลออกไปและหายลับไปในความมืดของหมู่ต้นซากุระอยู่นานเท่านาน รู้สึกเหมือนลมหายใจหอมหวานของคุณนายโฉมงามยังอ้อยอิ่งอยู่บนแก้ม เสียงไพเราะกังวานเสนาะราวกับดังมาจากสรวงสวรรค์ยังสะท้องแผ่วอยู่ในหู ความรู้สึกสัมผัสและหัวใจของชายหนุ่มเมามายไปกับเสน่ห์รัญจวนใจของแม่ม่ายสาวโฉมงามผู้นั้นไปเสียแล้ว
คำกระซิบบอกที่ริมหูของคุณนายรุริโกะ คำพูดที่ไพเราะหวานหูราวน้ำผึ้งกลับคืนมาสู่ห้วงความทรงจำของ ชินอิชิโรอีกครั้งเป็นระลอก คำพูดที่แสดงความสนิทสนมอย่าง “คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่เข้าใจดิฉัน” “คุณไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้นใช่ไหม” และสีหน้าพราวเสน่ห์ของคุณนาย ติดตรึงอยู่ในสมองและรบกวนจิตใจให้ปั่นป่วนไม่สร่างซา
สมองของชินอิชิโรตอนนี้ไม่มีใบหน้าขาวซีดไร้วิญญาณของอะโอะกิ จุน และไม่มีนาฬิกาแพลทตินั่มอันเป็นปริศนา แม้แต่ใบหน้าของชิซุโกะ ภรรยาอันเป็นที่รักก็เกือบจะเลือนหายไปเป็นหลายครั้งด้วยเงาของโฉมงามที่เคลื่อนเข้ามาทาบทับ
ภรรยาออกมาต้อนรับสามีที่กลับมาเกือบเที่ยงคืนด้วยท่าทีซื่อ ๆ เช่นเคยไม่แสดงว่ามีอะไรเคลือบแคลงใจ เมื่อพบกับกิริยาอันความสงบราบคาบเช่นนี้ของภรรยา ชินอิชิโรรู้สึกเหมือนถูกมโนธรรมในตนเองติเตียน แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าใบหน้าที่เขาเคยเห็นว่างดงามตลอดมานั้น บัดนี้ดูจืดชืดไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย
จิตใจของชินอิชิโรทุกข์ทรมานอยู่กับความทรงจำอันหอมหวานอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันอาทิตย์ แม้จนกระทั่งเวลารับประทานอาหาร ชายหนุ่มก็ยังวาดภาพของแม่ม่ายโฉมงามอยู่ในใจ
“คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมถึงได้เหม่อลอยอย่างนั้น ดิฉันถามว่าวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้วันที่เท่าไร ก็ไม่ตอบ ได้แต่ อือ...อือ อย่างเดียว มีอะไรต้องครุ่นคิดขนาดนั้นเลยหรือคะ”
ชิซุโกะเห็นอาการเหม่อลอยของสามีเป็นเรื่องขำ เธอหยุดมือที่กำลังเก็บนั่นเก็บนี่แล้วหัวเราะอย่างขบขัน ชินอิชิโรอดเวทนาความซื่อของภรรยาไม่ได้ที่ไม่รู้ว่าเขาเหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงผู้หญิงคนอื่น แต่นั่นไม่มีพลังพอที่จะลบภาพใบหน้าแสนสวยนั้นให้หลุดพ้นไปจากใจของเขาได้
และแล้ววันอาทิตย์ที่เขานัดไว้กับคุณนายรุริโกะก็มาถึง หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นดูยาวนานเหมือนหนึ่งหรือสองเดือนในความรู้สึกของชินอิชิโร ชายหนุ่มคิดเอาเองว่าคุณนายโฉมงามคงเฝ้ารอให้ถึงวันอาทิตย์เช่นเดียวกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณนายเลือกเขาเป็นเพื่อนแท้เพียงคนเดียว ชายหนุ่มวาดภาพความคืบหน้าของการเป็นเพื่อนกันระหว่างคุณนายโฉมงามอย่างนั้นบ้างอย่างนี้บ้างอยู่ในใจ...คุณนายรุริโกะบอกว่ามิตรภาพระหว่างคนต่างเพศคือบันไดไปสู่ความรัก ถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำอย่างไรดี...ผู้หญิงที่มีอิสระเสรีอย่างคุณนายคงจะบอกทันทีเลยว่า
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
ใช่ซิ...แม่ม่ายอย่างเธออาจไม่เป็นไร แต่ตัวเขาล่ะจะทำอย่างไรดี เขาเป็นคนมีภรรยาแล้ว เป็นคนเพิ่งแต่งงานเมื่อไม่นานมานี้และมีภรรยาอันเป็นที่รัก
ชินอิชิโรทุกข์ทรมานอยู่กับจินตนาการที่หาข้อสรุปไม่ได้จนถึงวันอาทิตย์แรกของเดือนกรกฏาคม ชินอิชิโรออกจากบ้านในตอนบ่ายมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์โชดะ
ชายหนุ่มมาเยือนคฤหาสน์ที่อยู่ของคุณนายรุริโกะครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งที่สองอีกเช่นกันที่เขาพูดปดกับภรรยา
“ฉันมีนัดออกไปแถวชานเมืองกับเพื่อนที่บริษัทตั้งแต่ตอนบ่าย เราจะพบกันที่ชินจุกุแล้วพากันไปที่ทะมะงะวะ”
ชินอิชิโรบอกชิซุโกะที่ออกมาส่งพร้อมกับเอาหมวกมาให้
3
จนกระทั่งขึ้นรถไฟฟ้าแล้วชินอิชิโรก็ยังไม่สบายใจที่พูดปดกับภรรยา แต่พอคิดว่าคุณนายโฉมงามกำลังรอคอยการมาของเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่ารถไฟฟ้าแล่นเร็วไม่ทันใจเอาเสียเลย
เมื่อพบกับคุณนายโฉมงามแล้วจะคุยเรื่องอะไรกันดี...ชินอิชิโรคิดหาหัวข้อสนทนาหลายต่อหลายเรื่องอยู่ในใจ ถ้าคุยเรื่องวรรณกรรมและแนวคิด วันนี้น่าจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวให้มากขึ้น จะลองเปิดเผยเรื่องราวของตนเองให้เธอได้รับรู้บ้าง ชินอิชิโรคิดและจินตนาการถึงการสนองตอบและสีหน้าของคู่สนทนาอยู่ในใจมาตลอดทาง มารู้สึกตัวเต็มที่อีกทีก็พบว่าตนเองมายืนอยู่หน้าคฤหาสน์อันโอ่อ่าโอฬารของตระกูลโชดะที่โกะบันโชแล้ว
หญ้าเขียวบนคันคูล้อมรอบพระราชวังหลวง ต้นสนทางด้านโน้น และแนวต้นซากุระหน้าสถานทูตที่สลัดดอกและผลิใบเต็มต้น ดูเข้มขึ้นกว่าที่มาครั้งแรกเมื่อสิบวันก่อนเป็นสีของฤดูร้อน
ชินอิชิโรเดินผ่านซุ้มประตูใหญ่ที่ก่อด้วยหินเข้าไปภายในบริเวณบ้านด้วยฝีเท้าที่มั่นคงด้วยความมั่นใจ ผิดกับครั้งก่อนที่เต็มไปด้วยความลังเลและหวาดกังวล
ทว่าพอมายืนอยู่ตรงลานเทียบรถที่มีเสาหินอ่อนอยู่เรียงเป็นแถว ชายหนุ่มก็อดใจเต้นไม่ได้ เขานึกย้อนไปถึงตอนที่คุณนายโฉมงามออกมายืนส่งเขาตรงนี้ในวันนั้น
“จริง ๆ นะคะ ว่างเมื่อไรมาได้เลยไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ไม่มีใครที่จะต้องเกรงใจ เพราะดิฉันเป็นจอมทัพของอาณาจักรแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว”
คำพูดนั้นเป็นกำลังใจให้เขาเข้มแข็งขึ้นอย่างมาก เธอจะต้องกำลังรอคอยการมาของเขาแน่นอนเพราะตั้งอกตั้งใจให้สัญญาอย่างมั่นคงถึงขนาดนั้น คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปกดกระดิ่งที่เขียนไว้เป็นภาษาฝรั่งเศสอ่านได้ความว่าให้กด
มีเสียงรองเท้าดังเบา ๆ ใกล้เข้ามาเช่นเดียวกับตอนที่มาครั้งแรก และพอประตูเปิดออกมาก็พบหน้าหนุ่มน้อยมีลักยิ้มน่ารักที่เคยพบกันแล้วครั้งหนึ่งยืนถือถาดเงินสำหรับรับนามบัตรต้อนรับอยู่
“ผมมาหาคุณนายครับ”
พอชินอิชิโรพูดจบ หนุ่มน้อยก็ทำท่าเหมือนกำลังคอยอยู่
“ขอโทษครับ คุณอะสึมิใช่ไหมครับ”
ชินอิชิโรพยักหน้า
“ถ้าใช่ ก็เชิญทางนี้เลยครับ”
หนุ่มน้อยเปิดประตูให้กว้างออกแล้วชี้มือไปทางด้านในของคฤหาสน์
“เชิญทางนี้ครับ วันนี้อยู่ที่ห้องรับแขกด้านในครับ”
ชินอิชิโรก้าวเดินไปบนพรมสีน้ำเงินที่ปูเต็มพื้นที่ห้องตามหลังหนุ่มน้อย ใจเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้น รู้สึกดีใจที่คุณนายโฉมงามใส่ใจถึงกับบอกชื่อเขาแก่หนุ่มน้อยผู้ทำหน้าที่รับแขก คืนนั้นเขาจากมาด้วยใจที่อ้างว้างเมื่อคิดว่าความสุขที่ได้พูดคุยกันอย่างเปิดเผยกับคุณนายครั้งนี้คงจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองในชาตินี้ แต่นี่ความอ้างว้างยังไม่ทันจางเขาก็จะได้มีความสุขอีกครั้ง ความสุขที่กำลังจะหยั่งลึกอยู่ในชีวิต ชายหนุ่มตั้งใจเดินไปบนพรมด้วยฝีเท้าที่มั่นคง แต่ถ้ามีใครอยู่ข้าง ๆ อาจเห็นเขากำลังเดินไปเต้นไปด้วยความเริงร่าก็เป็นได้
เขาจะได้อยู่สองต่อสองกับคุณนายโฉมงามในห้องรับแขกอันโอ่อ่างดงามโดยไม่มีใครรบกวน และใช้เวลายามบ่ายของวันอาทิตย์พูดคุยกันอย่างสนุกสนานด้วยความที่ถูกคอกัน จิตใจของชินอิชิโรขณะนี้เปี่ยมไปด้วยความสุขที่คาดหมายเอาไว้จนเกือบท่วมล้น
พอเดินมาตามเฉลียงยาวได้ประมาณ 20 เมตร หนุ่มน้อยก็หยุดแล้วชี้ไปที่ประตูบานหนึ่ง
“ตรงนี้ครับ”
ชินอิชิโรวาดภาพคุณนายรุริโกะนั่งอยู่บนเก้าอี้เท้าแขนตัวนุ่มรอคอยการมาของเขาอยู่ในนั้น มือที่ยื่นไปจับลูกบิดประตูสั่นน้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่ชินอิชิโรค่อย ๆ เปิดประตูให้กว้างออกด้วยอกใจที่กำลังเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและความปลื้มปิตินั้นเอง เขาก็ต้องปะทะกับเสียงหัวเราะครื้นเครงของผู้ชายหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน
ชินอิชิโรรู้สึกเหมือนถูกใครเอาน้ำเย็นเฉียบมาราดจากหัวลงไปทั่วตัว ชายหนุ่มยืนตะลึงงันอยู่กับที่
4
ตอนที่ชายหนุ่มตกตะลึงยืนนิ่งอยู่นั้นเขาได้ก้าวเข้าไปในห้องครึ่งตัวแล้ว...ผิดคาดไปหมดทุกอย่าง
ผู้ชายเกือบสิบคนจับจองเก้าอี้คนละตัวล้อมรอบคุณนายรุริโกะที่นั่งเด่นเป็นสง่าราวนางพญาอยู่บนเก้าอี้นวมมีเท้าแขนตัวใหญ่อยู่กลางห้อง ราวกับดาวเคราะห์ล้อมรอบดวงอาทิตย์
จินตนาการแสนหวานของชินอิชิโรพังทะลายอย่างไม่มีชิ้นดี ถ้าทำได้เขาคงหันหลังวิ่งหนีออกไปให้พ้น แต่สายเกินไปเพราะทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องสายตาทุกคู่ก็พุ่งมารวมอยู่ที่เขาเสียแล้ว
ชินอิชิโรเห็นสีหน้าคล้ายกับจะเย้ยว่า...นายก็มากับเขาเหมือนกัน...และรอยยิ้มเยาะอยู่บนใบหน้าของคนพวกนั้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ได้
คุณนายรุริโกะลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นชินอิชิโร
“เชิญค่ะ เชิญนั่ง ดิฉันคอยมาได้ครู่ใหญ่ ๆ แล้ว”
พูดพลางกวาดสายตาไปทั่วห้อง และพอพบเก้าอี้ว่างก็ร้องบอกผู้ชายคนหนึ่งท่าทางเป็นนักศึกษาที่ยืนอยู่ใกล้ตรงนั้นพอดี
“คุณอะเบะ ช่วยยกเก้าอี้ตัวนั้นมาทางนี้หน่อยค่ะ”
“ครับ” หนุ่มอะเบะรับคำสั่งด้วยเสียงหนักแน่น พร้อมทั้งลุกขึ้นยกเก้าอี้ตัวนั้นมาวางข้างเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่นั่งของคุณนาย ตามสายตางามที่ส่งมาเป็นสัญญาณแทนคำพูด
“เชิญค่ะ เชิญนั่ง”
คุณนายรุริโกะร้องเชิญ ชินอิชิโรรู้สึกแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา การต้องเดินหลีกคนหลายคนเข้าไปนั่งใกล้คุณนายนั้นเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับคนใจเปราะบางอย่างเขา และพอชายหนุ่มเดินเข้าไปจนถึงและทำลังจะทรุดตัวลงนั่ง คุณนายก็ยั้งเอาไว้โดยบอกกับทุกคนว่า
“ใช่...ใช่ ต้องแนะนำกันก่อน นี่คือคุณอะสึมิ ชินอิชิโร นักกฎหมาย ทำงานกับมิสึบิชิ ทางนี้คือคุณ...เอาอย่างนี้ดีกว่า ขอให้ลุกขึ้นยืนตามลำดับจากริมขวาสุดนะคะ คุณโอะคะวะ...ค่ะ”
คุณนายรุริโกะชี้ไปที่สุภาพบุรุษหนุ่มในชุดสากลเต็มยศที่นั่งอยู่ริมขวาสุด ด้วยท่าทางของคนมีอำนาจจัดการได้ตามใจตนเองเต็มที่ คนถูกชี้ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“คุณโอะคะวะเป็นสมาชิกสภาขุนนางทำงานอยู่กระทรวงต่างประเทศ ถัดมาคือคุณนะงะจิมะ ริวตะ เป็นจิตรกรแนวตะวันตก และก็คุณมิยะเกะกำลังศึกษาอยู่ในคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทโกะกุ อนาคตเป็นนักประพันธ์ค่ะ ถัดมาคือคุณอะเบะ อยู่คณะเศรษฐกิจการคลัง เป็นบุตรชายของคุณอะเบะ ทะโมะสึ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารไดอิจิ และก็คุณซะไกจากโรงเรียนพาณิชยการ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทประกันชีวิตนิฮนเซเม นั่นคุณเทระจิมะ คุ้นหน้าไหมคะ เคยอยู่ในสมาคมการละครสมัยใหม่ ต่อไปคือคุณโยะชิโอะกะบุตรชายคนโตของท่านโยะชิโอกะ ที่เป็นสมาชิกสภาขุนนาง และคนที่แยกตัวออกไปเสียห่างเลยนั่นคือคุณโทะมิตะ ผู้แทนราษฎรวัยหนุ่มที่กำลังมีบทบาทสำคัญและมีชื่อเสียงมาก ทุกคนเป็นเพื่อนของดิฉันค่ะ”
คุณนายแนะนำโดยใช้สายตาปรายไปทีละคนเป็นสัญญาณให้ลุกขึ้นเมื่อถูกเรียกชื่อเหมือนกำลังเช็กชื่อนักเรียนที่เข้าเรียนในชั้น
ชินอิชิโรอยู่ในอารมณ์ผิดหวังอย่างแรง คำพูดของคุณนายโฉมงามจึงขัดหูจนไม่อยากฟัง คุณนายที่บอกว่าเลือกเขาเป็นเพื่อนคนเดียวแต่กลับมานั่งแนะนำผู้ชายเกือบสิบคนให้ตนรู้จักโดยบอกว่าทุกคนเป็นเพื่อน ตอนนี้ชายหนุ่มมีแต่ความโกรธผสมกับความริษยาพลุ่งพล่านอยู่ในใจจนแทบหน้ามืด อยากขอตัวกลับไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่พอเห็นหน้างามที่ยิ้มน้อย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความโกรธเกรี้ยวที่อัดแน่นอยู่ในอกกลับจางหายไปเมื่อไรไม่รู้ ราวกับถูกพัดพาไปด้วยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ผมดำเป็นมันที่เกล้าขึ้นไว้เป็นทรงที่รับกับใบหน้าและรูปร่างสูงระหงอย่างเหมาะเจาะที่สุด วันนี้เธออยู่ในชุดกิโมโนพื้นดำลายขาวที่ช่วยให้ดูอ่อนวัยขึ้น คาดด้วยโอบิพื้นขาวปักลวดลายดอกกุหลาบดูเหมือนจะอบหอม เพราะรอบ ๆ กายตัวของคุณนายหอมกลิ่นรวยรื่นจาง ๆ โปรยปรายเสน่ห์จับใจผู้ใกล้ชิด ความโกรธเกรี้ยวและความผิดหวังของชินอิชิโรสงบลงเมื่อได้ชมความงามสดใสไปทั้งตัวของคุณนายรุริโกะ
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
1
คนขับรถเร่งเครื่องเสียงดังเปลี่ยนจังหวะจากที่แล่นไปเอื่อย ๆ ให้เร็วขึ้นแล้วหักเลี้ยวเข้าไปในย่านซุดะมะชิที่กำลังคับคั่งไปด้วยผู้คนและรถราเช่นทุก ๆ วันในยามค่ำ มุ่งหน้าไปทางมะรุโนะอุชิตามสั่ง
พื้นถนนที่ขรุขระทำให้ตัวรถสั่นกระเทือนและใจของชินอิชิโรก็พลอยสั่นไหวไปด้วย
พอรถเลี้ยววงแคบที่มุมถนนย่านโอะงะวะมะชิ คุณนายโฉมงามก็ตีหน้าตายถามขึ้นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้
“ขอโทษนะคะ คุณมีภรรยาแล้ว ? ”
“ครับ”
“ตายจริง คุณเงียบหายมาอย่างนี้ เธอไม่เป็นห่วงแย่รึ”
“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”
เสียงของชินอิชิโรเท่านั้นที่หนักแน่น แต่ใจไม่ใช่เลย
ขณะเดินขึ้นบันไดจากที่เทียบรถทางด้านใต้ของโรงละครอิมพีเรียลไปกับคุณนายโฉมงาม ใจของชินอิชิโรหวั่นไหวขึ้นมาอีกเมื่อคิดว่าตนคงวางท่าไม่ถูกเมื่อต้องเดินเคียงคู่ไปกับคุณนายโฉมงามเข้าไปปรากฏตัวเป็นเป้าสายตาของสมาคมอันหรูหราที่เขาไม่รู้ว่าใครเป็นใครและไม่มีใครรู้จักเขาในอาคารอันโอ่อ่าอลังการ
ทว่า โชคช่วยเพราะเมื่อทั้งสองไปถึงดูเหมือนว่าพอดีกับที่การแสดงบนเวทีเพิ่งเปิดฉาก ที่ทางเดินมีเพียงผู้ชมสองสามคนที่มาช้ากำลังเร่งฝีเท้ารีบไปยังที่นั่งของตน
จนกระทั่งได้ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวหน้าของชั้นบ็อกซ์ที่กว้างขวางโอ่โถงชินอิชิโรจึงค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง และรู้สึกขอบใจที่เขาหรี่ไฟบริเวณที่นั่งของผู้ชมให้มืดสลัวเมื่อเทียบกับแสงไฟสว่างจ้าบนเวที
คุณนายรุริโกะดูละครเงียบ ๆ อยู่เพียงสองสามนาที อยู่ ๆ ก็หันมาทางชินอิชิโรแล้วบอกว่า
“ดิฉันทำความลำบากให้คุณหรือเปล่า คุณไม่ชอบละครคะบุกิใช่ไหมนี่”
“ไม่เลยครับ ผมชอบมาก แต่รู้สึกว่าละครเรื่องนี้ไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไร”
“เหมือนกันเลยค่ะ ที่ดิฉันออกมาดูละครบ่อย ๆ ก็เพราะไม่รู้จะไปไหน ชีวิตจริงของผู้หญิงเรากับโลกของละคร คาบุกิแตกต่างกันลิบลับ ผู้หญิงในละครแต่ละคนไม่มีเอกลักษณ์ ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีแต่ผู้หญิงที่เหมือนตุ๊กตาที่อยู่ในกรอบศีลธรรมจรรยาโบราณคร่ำครึ”
“จริงครับ ผมเห็นด้วย”
ชินอิชิโรนึกชมความคิดอันก้าวหน้าเฉียบแหลมของคุณนายโฉมงามจากใจจริง
“ดิฉันคิดว่าผู้หญิงเราควรใช้ชีวิตในรูปแบบของตนเองมากขึ้นไม่ใช่ว่าเอาแต่ตามในพ่อแม่หรือสามีอย่างเดียว คิดว่าควรปลดปล่อยตนเองออกจากกรอบศีลธรรมจรรยาและอารมณ์ความรู้สึก มาใช้ชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรีมากขึ้นอย่างนางเอกในละครสมัยใหม่ของอังกฤษออกมาทวงสิทธิว่า เมื่อผู้ชายคบหาเที่ยวเตร่กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาได้ราวกับนกสกายล๊าค ผู้หญิงก็มีสิทธิคบหาเที่ยวเตร่กับผู้ชายมากหน้าหลายตาได้เหมือนกัน ดิฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
คุณนายรุริโกะพูดเสียงกระซิบชิดหูคู่สนทนาเพื่อไม่ให้ดังออกไปทำลายความเงียบสงบรอบข้าง ชิดจนไออุ่นหอมละมุนของลมหายใจของเธอลูบไล้บางเบาไปบนแก้มร้อนจัดของชินอิชิโร ชายหนุ่มต้องมนต์เสน่ห์รู้สึกราวกับว่ากายตัวกำลังจะหลอมละลายหายไป
“แต่คุณคงไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้น”
ใช่...เธอกระซิบที่ข้างหูชินอิชิโร ปล่อยให้ลมหายใจอุ่น ๆ อ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนผละห่างออกมานิดหนึ่งเพื่อส่งยิ้มหวานจับใจพลางปลายสายตาทรงเสน่ห์ก่อกวนใจชายให้ปั่นป่วน
คำแถลงอย่างกล้าหาญของคุณนายโฉมงามและเสน่ห์เย้ายวนใจไปทั่วทั้งตัวทำเอาชินอิชิโรถึงกับตาพร่าพราย สติแทบแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หน้าของชายหนุ่มแดงระเรื่อร้อนผะผ่าวราวกับหนุ่มน้อยหลงเสน่ห์นางฟ้า ไม่อาจตอบคำได้แต่นั่งใจเต้นอยู่เงียบ ๆ
คุณนายหยุดหว่านเสน่ห์ เธอขยับตัวเข้าที่ตามเดิมแล้วเอียงหน้าเข้ามากระซิบคุยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวต่อไป
“รู้ไว้ด้วยนะคะว่าคุณเป็นคนแรกที่ดิฉันเปิดเผยความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถ้าไปพูดกับคนที่ไม่เข้าใจวรรณกรรมและแนวคิดที่ว่านี้ ก็จะเข้าใจผิดทันที ดิฉันต้องการเพื่อนอย่างคุณมานานแล้ว ดิฉันอยากมีเพื่อนผู้ชายที่รับฟังความในใจของดิฉันด้วยใจจริง ที่เขาว่ากันว่ามิตรภาพที่แท้จริงระหว่างคนต่างเพศสองคนไม่มีทางเกิดขึ้นได้นั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ดิฉันคิดว่าถ้าเป็นคนต่างเพศสองคนที่ต่างรู้จักตนเองดีแล้วละก็ ทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันได้ตลอดไปอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรบุกเบิกมิตรภาพระหว่างคนต่างเพศ โดยมีคุณกับดิฉันเป็นตัวอย่าง”
คุณนายรุริโกะพูดจบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ขณะที่สาธยายความหมายของมิตรภาพที่แท้จริงนั้นริมฝีปากนุ่มแสนสวยไม่ได้ห่างไปจากแก้มขวาของชินอิชิโรเลยแม้แต่น้อย ชินอิชิโรตกอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้มไปด้วยความรู้สึกของคนสูบฝิ่นที่แม้จะรู้ว่าเป็นพิษต่อร่างกายก็ยังปล่อยใจให้เพลิดไปกับเสน่ห์ยั่วยวนของมัน ชายหนุ่มตกจมอยู่ในห้วงแห่งลมหายใจหอมหวานราวน้ำผึ้งและเสียงไพเราะกังวานใสของคุณนายโฉมงาม
2
เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่นั่งเรียงเคียงข้างอยู่กับคุณนายรุริโกะในชั้นบ็อกซ์ของโรงละครอิมพีเรียล เป็นช่วงที่สติของชินอิชิโรเลือนลางไม่รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในความฝันหรือความเป็นจริง
กลิ่นกายของสตรีที่โชยมาจากทั่วตัวของคุณนายรุริโกะมีอิทธิพลทำให้ความรู้สึกสัมผัสทุกส่วนของเขาสับสนไปหมด อาจกล่าวได้เลยว่าวิญญาณของเขากำลังจะถูกหลอมเหลวลงไป
คืนนั้น ชายหนุ่มนั่งรถมากับคุณนายโฉมงามจนถึงฮันโซมอนเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าไปทางชินจุกุ และเมื่อจะแยกทางกัน เธอยื่นหน้าขาวผ่องออกมาจากหน้าต่างรถยนต์บอกกับเขาว่า
“วันนี้ลาก่อน แล้วมาที่บ้านวันอาทิตย์หน้าให้ได้นะคะ”
ชินอิชิโรรู้สึกเสียงหวานทรงเสน่ห์ของคุณนายรุริโกะแทรกเข้าไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ ชายหนุ่มยืนนิ่งขึงอยู่ตรงนั้นราวกับมนุษย์ที่ถูกทำให้กลายเป็นซากหิน มองตามดวงไฟท้ายรถสีน้ำเงินที่เคลื่อนห่างไกลออกไปและหายลับไปในความมืดของหมู่ต้นซากุระอยู่นานเท่านาน รู้สึกเหมือนลมหายใจหอมหวานของคุณนายโฉมงามยังอ้อยอิ่งอยู่บนแก้ม เสียงไพเราะกังวานเสนาะราวกับดังมาจากสรวงสวรรค์ยังสะท้องแผ่วอยู่ในหู ความรู้สึกสัมผัสและหัวใจของชายหนุ่มเมามายไปกับเสน่ห์รัญจวนใจของแม่ม่ายสาวโฉมงามผู้นั้นไปเสียแล้ว
คำกระซิบบอกที่ริมหูของคุณนายรุริโกะ คำพูดที่ไพเราะหวานหูราวน้ำผึ้งกลับคืนมาสู่ห้วงความทรงจำของ ชินอิชิโรอีกครั้งเป็นระลอก คำพูดที่แสดงความสนิทสนมอย่าง “คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่เข้าใจดิฉัน” “คุณไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้นใช่ไหม” และสีหน้าพราวเสน่ห์ของคุณนาย ติดตรึงอยู่ในสมองและรบกวนจิตใจให้ปั่นป่วนไม่สร่างซา
สมองของชินอิชิโรตอนนี้ไม่มีใบหน้าขาวซีดไร้วิญญาณของอะโอะกิ จุน และไม่มีนาฬิกาแพลทตินั่มอันเป็นปริศนา แม้แต่ใบหน้าของชิซุโกะ ภรรยาอันเป็นที่รักก็เกือบจะเลือนหายไปเป็นหลายครั้งด้วยเงาของโฉมงามที่เคลื่อนเข้ามาทาบทับ
ภรรยาออกมาต้อนรับสามีที่กลับมาเกือบเที่ยงคืนด้วยท่าทีซื่อ ๆ เช่นเคยไม่แสดงว่ามีอะไรเคลือบแคลงใจ เมื่อพบกับกิริยาอันความสงบราบคาบเช่นนี้ของภรรยา ชินอิชิโรรู้สึกเหมือนถูกมโนธรรมในตนเองติเตียน แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าใบหน้าที่เขาเคยเห็นว่างดงามตลอดมานั้น บัดนี้ดูจืดชืดไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย
จิตใจของชินอิชิโรทุกข์ทรมานอยู่กับความทรงจำอันหอมหวานอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันอาทิตย์ แม้จนกระทั่งเวลารับประทานอาหาร ชายหนุ่มก็ยังวาดภาพของแม่ม่ายโฉมงามอยู่ในใจ
“คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมถึงได้เหม่อลอยอย่างนั้น ดิฉันถามว่าวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้วันที่เท่าไร ก็ไม่ตอบ ได้แต่ อือ...อือ อย่างเดียว มีอะไรต้องครุ่นคิดขนาดนั้นเลยหรือคะ”
ชิซุโกะเห็นอาการเหม่อลอยของสามีเป็นเรื่องขำ เธอหยุดมือที่กำลังเก็บนั่นเก็บนี่แล้วหัวเราะอย่างขบขัน ชินอิชิโรอดเวทนาความซื่อของภรรยาไม่ได้ที่ไม่รู้ว่าเขาเหม่อลอยเพราะกำลังคิดถึงผู้หญิงคนอื่น แต่นั่นไม่มีพลังพอที่จะลบภาพใบหน้าแสนสวยนั้นให้หลุดพ้นไปจากใจของเขาได้
และแล้ววันอาทิตย์ที่เขานัดไว้กับคุณนายรุริโกะก็มาถึง หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นดูยาวนานเหมือนหนึ่งหรือสองเดือนในความรู้สึกของชินอิชิโร ชายหนุ่มคิดเอาเองว่าคุณนายโฉมงามคงเฝ้ารอให้ถึงวันอาทิตย์เช่นเดียวกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณนายเลือกเขาเป็นเพื่อนแท้เพียงคนเดียว ชายหนุ่มวาดภาพความคืบหน้าของการเป็นเพื่อนกันระหว่างคุณนายโฉมงามอย่างนั้นบ้างอย่างนี้บ้างอยู่ในใจ...คุณนายรุริโกะบอกว่ามิตรภาพระหว่างคนต่างเพศคือบันไดไปสู่ความรัก ถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำอย่างไรดี...ผู้หญิงที่มีอิสระเสรีอย่างคุณนายคงจะบอกทันทีเลยว่า
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
ใช่ซิ...แม่ม่ายอย่างเธออาจไม่เป็นไร แต่ตัวเขาล่ะจะทำอย่างไรดี เขาเป็นคนมีภรรยาแล้ว เป็นคนเพิ่งแต่งงานเมื่อไม่นานมานี้และมีภรรยาอันเป็นที่รัก
ชินอิชิโรทุกข์ทรมานอยู่กับจินตนาการที่หาข้อสรุปไม่ได้จนถึงวันอาทิตย์แรกของเดือนกรกฏาคม ชินอิชิโรออกจากบ้านในตอนบ่ายมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์โชดะ
ชายหนุ่มมาเยือนคฤหาสน์ที่อยู่ของคุณนายรุริโกะครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งที่สองอีกเช่นกันที่เขาพูดปดกับภรรยา
“ฉันมีนัดออกไปแถวชานเมืองกับเพื่อนที่บริษัทตั้งแต่ตอนบ่าย เราจะพบกันที่ชินจุกุแล้วพากันไปที่ทะมะงะวะ”
ชินอิชิโรบอกชิซุโกะที่ออกมาส่งพร้อมกับเอาหมวกมาให้
3
จนกระทั่งขึ้นรถไฟฟ้าแล้วชินอิชิโรก็ยังไม่สบายใจที่พูดปดกับภรรยา แต่พอคิดว่าคุณนายโฉมงามกำลังรอคอยการมาของเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่ารถไฟฟ้าแล่นเร็วไม่ทันใจเอาเสียเลย
เมื่อพบกับคุณนายโฉมงามแล้วจะคุยเรื่องอะไรกันดี...ชินอิชิโรคิดหาหัวข้อสนทนาหลายต่อหลายเรื่องอยู่ในใจ ถ้าคุยเรื่องวรรณกรรมและแนวคิด วันนี้น่าจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวให้มากขึ้น จะลองเปิดเผยเรื่องราวของตนเองให้เธอได้รับรู้บ้าง ชินอิชิโรคิดและจินตนาการถึงการสนองตอบและสีหน้าของคู่สนทนาอยู่ในใจมาตลอดทาง มารู้สึกตัวเต็มที่อีกทีก็พบว่าตนเองมายืนอยู่หน้าคฤหาสน์อันโอ่อ่าโอฬารของตระกูลโชดะที่โกะบันโชแล้ว
หญ้าเขียวบนคันคูล้อมรอบพระราชวังหลวง ต้นสนทางด้านโน้น และแนวต้นซากุระหน้าสถานทูตที่สลัดดอกและผลิใบเต็มต้น ดูเข้มขึ้นกว่าที่มาครั้งแรกเมื่อสิบวันก่อนเป็นสีของฤดูร้อน
ชินอิชิโรเดินผ่านซุ้มประตูใหญ่ที่ก่อด้วยหินเข้าไปภายในบริเวณบ้านด้วยฝีเท้าที่มั่นคงด้วยความมั่นใจ ผิดกับครั้งก่อนที่เต็มไปด้วยความลังเลและหวาดกังวล
ทว่าพอมายืนอยู่ตรงลานเทียบรถที่มีเสาหินอ่อนอยู่เรียงเป็นแถว ชายหนุ่มก็อดใจเต้นไม่ได้ เขานึกย้อนไปถึงตอนที่คุณนายโฉมงามออกมายืนส่งเขาตรงนี้ในวันนั้น
“จริง ๆ นะคะ ว่างเมื่อไรมาได้เลยไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ไม่มีใครที่จะต้องเกรงใจ เพราะดิฉันเป็นจอมทัพของอาณาจักรแห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว”
คำพูดนั้นเป็นกำลังใจให้เขาเข้มแข็งขึ้นอย่างมาก เธอจะต้องกำลังรอคอยการมาของเขาแน่นอนเพราะตั้งอกตั้งใจให้สัญญาอย่างมั่นคงถึงขนาดนั้น คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปกดกระดิ่งที่เขียนไว้เป็นภาษาฝรั่งเศสอ่านได้ความว่าให้กด
มีเสียงรองเท้าดังเบา ๆ ใกล้เข้ามาเช่นเดียวกับตอนที่มาครั้งแรก และพอประตูเปิดออกมาก็พบหน้าหนุ่มน้อยมีลักยิ้มน่ารักที่เคยพบกันแล้วครั้งหนึ่งยืนถือถาดเงินสำหรับรับนามบัตรต้อนรับอยู่
“ผมมาหาคุณนายครับ”
พอชินอิชิโรพูดจบ หนุ่มน้อยก็ทำท่าเหมือนกำลังคอยอยู่
“ขอโทษครับ คุณอะสึมิใช่ไหมครับ”
ชินอิชิโรพยักหน้า
“ถ้าใช่ ก็เชิญทางนี้เลยครับ”
หนุ่มน้อยเปิดประตูให้กว้างออกแล้วชี้มือไปทางด้านในของคฤหาสน์
“เชิญทางนี้ครับ วันนี้อยู่ที่ห้องรับแขกด้านในครับ”
ชินอิชิโรก้าวเดินไปบนพรมสีน้ำเงินที่ปูเต็มพื้นที่ห้องตามหลังหนุ่มน้อย ใจเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้น รู้สึกดีใจที่คุณนายโฉมงามใส่ใจถึงกับบอกชื่อเขาแก่หนุ่มน้อยผู้ทำหน้าที่รับแขก คืนนั้นเขาจากมาด้วยใจที่อ้างว้างเมื่อคิดว่าความสุขที่ได้พูดคุยกันอย่างเปิดเผยกับคุณนายครั้งนี้คงจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สองในชาตินี้ แต่นี่ความอ้างว้างยังไม่ทันจางเขาก็จะได้มีความสุขอีกครั้ง ความสุขที่กำลังจะหยั่งลึกอยู่ในชีวิต ชายหนุ่มตั้งใจเดินไปบนพรมด้วยฝีเท้าที่มั่นคง แต่ถ้ามีใครอยู่ข้าง ๆ อาจเห็นเขากำลังเดินไปเต้นไปด้วยความเริงร่าก็เป็นได้
เขาจะได้อยู่สองต่อสองกับคุณนายโฉมงามในห้องรับแขกอันโอ่อ่างดงามโดยไม่มีใครรบกวน และใช้เวลายามบ่ายของวันอาทิตย์พูดคุยกันอย่างสนุกสนานด้วยความที่ถูกคอกัน จิตใจของชินอิชิโรขณะนี้เปี่ยมไปด้วยความสุขที่คาดหมายเอาไว้จนเกือบท่วมล้น
พอเดินมาตามเฉลียงยาวได้ประมาณ 20 เมตร หนุ่มน้อยก็หยุดแล้วชี้ไปที่ประตูบานหนึ่ง
“ตรงนี้ครับ”
ชินอิชิโรวาดภาพคุณนายรุริโกะนั่งอยู่บนเก้าอี้เท้าแขนตัวนุ่มรอคอยการมาของเขาอยู่ในนั้น มือที่ยื่นไปจับลูกบิดประตูสั่นน้อย ๆ ด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่ชินอิชิโรค่อย ๆ เปิดประตูให้กว้างออกด้วยอกใจที่กำลังเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและความปลื้มปิตินั้นเอง เขาก็ต้องปะทะกับเสียงหัวเราะครื้นเครงของผู้ชายหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน
ชินอิชิโรรู้สึกเหมือนถูกใครเอาน้ำเย็นเฉียบมาราดจากหัวลงไปทั่วตัว ชายหนุ่มยืนตะลึงงันอยู่กับที่
4
ตอนที่ชายหนุ่มตกตะลึงยืนนิ่งอยู่นั้นเขาได้ก้าวเข้าไปในห้องครึ่งตัวแล้ว...ผิดคาดไปหมดทุกอย่าง
ผู้ชายเกือบสิบคนจับจองเก้าอี้คนละตัวล้อมรอบคุณนายรุริโกะที่นั่งเด่นเป็นสง่าราวนางพญาอยู่บนเก้าอี้นวมมีเท้าแขนตัวใหญ่อยู่กลางห้อง ราวกับดาวเคราะห์ล้อมรอบดวงอาทิตย์
จินตนาการแสนหวานของชินอิชิโรพังทะลายอย่างไม่มีชิ้นดี ถ้าทำได้เขาคงหันหลังวิ่งหนีออกไปให้พ้น แต่สายเกินไปเพราะทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องสายตาทุกคู่ก็พุ่งมารวมอยู่ที่เขาเสียแล้ว
ชินอิชิโรเห็นสีหน้าคล้ายกับจะเย้ยว่า...นายก็มากับเขาเหมือนกัน...และรอยยิ้มเยาะอยู่บนใบหน้าของคนพวกนั้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ได้
คุณนายรุริโกะลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นชินอิชิโร
“เชิญค่ะ เชิญนั่ง ดิฉันคอยมาได้ครู่ใหญ่ ๆ แล้ว”
พูดพลางกวาดสายตาไปทั่วห้อง และพอพบเก้าอี้ว่างก็ร้องบอกผู้ชายคนหนึ่งท่าทางเป็นนักศึกษาที่ยืนอยู่ใกล้ตรงนั้นพอดี
“คุณอะเบะ ช่วยยกเก้าอี้ตัวนั้นมาทางนี้หน่อยค่ะ”
“ครับ” หนุ่มอะเบะรับคำสั่งด้วยเสียงหนักแน่น พร้อมทั้งลุกขึ้นยกเก้าอี้ตัวนั้นมาวางข้างเก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่นั่งของคุณนาย ตามสายตางามที่ส่งมาเป็นสัญญาณแทนคำพูด
“เชิญค่ะ เชิญนั่ง”
คุณนายรุริโกะร้องเชิญ ชินอิชิโรรู้สึกแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา การต้องเดินหลีกคนหลายคนเข้าไปนั่งใกล้คุณนายนั้นเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับคนใจเปราะบางอย่างเขา และพอชายหนุ่มเดินเข้าไปจนถึงและทำลังจะทรุดตัวลงนั่ง คุณนายก็ยั้งเอาไว้โดยบอกกับทุกคนว่า
“ใช่...ใช่ ต้องแนะนำกันก่อน นี่คือคุณอะสึมิ ชินอิชิโร นักกฎหมาย ทำงานกับมิสึบิชิ ทางนี้คือคุณ...เอาอย่างนี้ดีกว่า ขอให้ลุกขึ้นยืนตามลำดับจากริมขวาสุดนะคะ คุณโอะคะวะ...ค่ะ”
คุณนายรุริโกะชี้ไปที่สุภาพบุรุษหนุ่มในชุดสากลเต็มยศที่นั่งอยู่ริมขวาสุด ด้วยท่าทางของคนมีอำนาจจัดการได้ตามใจตนเองเต็มที่ คนถูกชี้ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“คุณโอะคะวะเป็นสมาชิกสภาขุนนางทำงานอยู่กระทรวงต่างประเทศ ถัดมาคือคุณนะงะจิมะ ริวตะ เป็นจิตรกรแนวตะวันตก และก็คุณมิยะเกะกำลังศึกษาอยู่ในคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทโกะกุ อนาคตเป็นนักประพันธ์ค่ะ ถัดมาคือคุณอะเบะ อยู่คณะเศรษฐกิจการคลัง เป็นบุตรชายของคุณอะเบะ ทะโมะสึ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารไดอิจิ และก็คุณซะไกจากโรงเรียนพาณิชยการ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่บริษัทประกันชีวิตนิฮนเซเม นั่นคุณเทระจิมะ คุ้นหน้าไหมคะ เคยอยู่ในสมาคมการละครสมัยใหม่ ต่อไปคือคุณโยะชิโอะกะบุตรชายคนโตของท่านโยะชิโอกะ ที่เป็นสมาชิกสภาขุนนาง และคนที่แยกตัวออกไปเสียห่างเลยนั่นคือคุณโทะมิตะ ผู้แทนราษฎรวัยหนุ่มที่กำลังมีบทบาทสำคัญและมีชื่อเสียงมาก ทุกคนเป็นเพื่อนของดิฉันค่ะ”
คุณนายแนะนำโดยใช้สายตาปรายไปทีละคนเป็นสัญญาณให้ลุกขึ้นเมื่อถูกเรียกชื่อเหมือนกำลังเช็กชื่อนักเรียนที่เข้าเรียนในชั้น
ชินอิชิโรอยู่ในอารมณ์ผิดหวังอย่างแรง คำพูดของคุณนายโฉมงามจึงขัดหูจนไม่อยากฟัง คุณนายที่บอกว่าเลือกเขาเป็นเพื่อนคนเดียวแต่กลับมานั่งแนะนำผู้ชายเกือบสิบคนให้ตนรู้จักโดยบอกว่าทุกคนเป็นเพื่อน ตอนนี้ชายหนุ่มมีแต่ความโกรธผสมกับความริษยาพลุ่งพล่านอยู่ในใจจนแทบหน้ามืด อยากขอตัวกลับไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่พอเห็นหน้างามที่ยิ้มน้อย ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความโกรธเกรี้ยวที่อัดแน่นอยู่ในอกกลับจางหายไปเมื่อไรไม่รู้ ราวกับถูกพัดพาไปด้วยสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ผมดำเป็นมันที่เกล้าขึ้นไว้เป็นทรงที่รับกับใบหน้าและรูปร่างสูงระหงอย่างเหมาะเจาะที่สุด วันนี้เธออยู่ในชุดกิโมโนพื้นดำลายขาวที่ช่วยให้ดูอ่อนวัยขึ้น คาดด้วยโอบิพื้นขาวปักลวดลายดอกกุหลาบดูเหมือนจะอบหอม เพราะรอบ ๆ กายตัวของคุณนายหอมกลิ่นรวยรื่นจาง ๆ โปรยปรายเสน่ห์จับใจผู้ใกล้ชิด ความโกรธเกรี้ยวและความผิดหวังของชินอิชิโรสงบลงเมื่อได้ชมความงามสดใสไปทั้งตัวของคุณนายรุริโกะ