xs
xsm
sm
md
lg

สะดุดคำ : “มิไซรุ” การท้าทายโลกด้วย “ขีปนาวุธ” ของเกาหลีเหนือ

เผยแพร่:   โดย: โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์

Hwasong-14 intercontinental ballistic missile (ICBM) ภาพเอพี
ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies


สะดุดคำ คือ มุมพิเศษซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึกที่ลงทุกวันจันทร์ มุมนี้จะเป็นการบอกเล่า ‘ความเคลื่อนไหว’ หรือ ‘สิ่งที่อยู่ในความสนใจ’ ของคนญี่ปุ่นตามโอกาสพิเศษผ่าน ‘คำสำคัญ’ หรือ ‘คำเด่น’ ในช่วงเวลาหรือฤดูกาลนั้น มีกำหนดนำเสนอเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถติดตามสิ่งที่เป็นปัจจุบันหรือร่วมสมัยได้ในเวลาใกล้เคียงกับคนญี่ปุ่น อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ที่เรียนหรือสนใจภาษาญี่ปุ่นได้นำคำหลักและคำที่เกี่ยวข้องไปใช้พูดคุยกับคนญี่ปุ่นหากมีโอกาสเพื่อให้บทสนทนาน่าสนใจและมีชีวิตชีวา โดยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อคนหรือคำญี่ปุ่นไว้ในระดับหนึ่งเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการค้นคว้าเพิ่มเติม อนึ่ง การถ่ายเสียงจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยในทุกบทความอิงหลักการเขียนคำทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นของราชบัณฑิตยสภาเป็นหลักแม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องการใช้เสียงสั้นและเสียงยาวตามหลักภาษาญี่ปุ่น

ความตึงเครียดในเอเชียตะวันออกยังไม่คลายลง เกาหลีเหนือคงไว้ซึ่งท่าทีแข็งกร้าวแม้ถูกสหประชาชาติประณามการกระทำยั่วยุด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธและนิวเคลียร์ติดๆ กัน สหประชาชาติออกข้อมติคว่ำบาตรแล้ว แต่เกาหลีเหนือก็ไม่ลดราวาศอก ระยะนี้ในญี่ปุ่นจึงไม่มีคำใดถูกพูดถึงมากเท่ากับ “ขีปนาวุธ” ซึ่งภาษาญี่ปุ่นเรียกโดยทับศัพท์ missile ตามสำเนียงญี่ปุ่นว่า “มิไซรุ” (ミサイル;misairu)

“ขีปนาวุธ” เป็นคำกว้างๆ และตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่คือ อาวุธชนิดหนึ่งซึ่งมีรูปร่างยาวๆ หัวแหลม ถ้าว่ากันในทางเทคนิค ขีปนาวุธมีหลายประเภทและมีรายละเอียดมาก แต่เวลาพูดคุยกันทั่วไปโดยไม่ใส่ใจรายละเอียด ก็จะเรียกแค่ว่า “ขีปนาวุธ” เช่นเดียวกันกับในภาษาอังกฤษ “มิสไซล์” และในภาษาญี่ปุ่น “มิไซรุ” และเมื่อพูดว่า “ขีปนาวุธ” เฉยๆ โดยมากมักหมายถึง ballistic missile (มีผู้ใช้คำไทยว่า “ขีปนาวุธทิ้งตัว” กันบ้างแล้ว) เพราะมีการทดสอบและกลายเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ ภาษาญี่ปุ่นเรียกขีปนาวุธชนิดนี้อย่างเป็นทางการว่า “ดันโด-มิไซรุ” (弾道ミサイル; dandō misairu) โดยอิงความหมายตามศัพท์ภาษาอังกฤษ อีกประเภทหนึ่งซึ่งมักเป็นที่สับสนกันบ่อยๆ คือ cruise missile หรือ “ขีปนาวุธนำวิถี” บางคนเรียกว่า “ขีปนาวุธร่อน” ภาษาญี่ปุ่นใช้ว่า “จุงโก-มิไซรุ” (巡航ミサイル; junkō misairu)
ภาพเอพี
สำหรับความแตกต่างของขีปนาวุธ 2 ประเภทนี้ ถ้าอธิบายง่ายๆ จะได้ว่า ballistic missile คือ ขีปนาวุธที่มีหลักการยิงทำนองเดียวกันกับกระสุนปืน กล่าวคือ เมื่อเชื้อเพลิงขับดันให้พุ่งไป ก็จะมุ่งสู่จุดที่กำหนดไว้แต่แรก (คล้ายกับการเล็งปืนแล้วยิง ลูกปืนจะพุ่งไปตามที่ตั้งใจไว้ ณ เวลาที่ยิง) ไม่ได้มีเชื้อเพลิงติดไปด้วยตลอด โดยพุ่งสูงทะลุชั้นบรรยากาศขึ้นไป เปลี่ยนทิศทางไม่ได้ พุ่งไปอย่างนั้นเป็นวิถีโค้ง ท้ายสุดจะถูกแรงโน้มถ่วงดึงลงสู่พื้นโลก แล้วสิ่งที่เป็นอาวุธแท้ๆ เช่น ระเบิด หรืออาวุธนิวเคลียร์ที่ติดอยู่ก็จะทำงาน ลักษณะการพุ่งแล้วทิ้งตัวลงเช่นนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า ballistic trajectory—แนววิถีทิ้งตัว ส่วน cruise missile คือ ขีปนาวุธที่ขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ระหว่างที่พุ่งตัวอยู่ในอากาศสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีเชื้อเพลิงสนับสนุนติดไปตลอด ส่วนใหญ่มีปีก และบังคับควบคุมได้ มีลักษณะคล้ายเครื่องบิน วิถียิงอยู่ในแนวตรงมากกว่า และพุ่งอยู่ที่ระดับความสูงที่ต่ำกว่า
ภาพเอพี
ตามปกติ เมื่อฟังข่าวเกี่ยวกับขีปนาวุธเกาหลีเหนือ คนในประเทศอื่นที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบจากขีปนาวุธของเกาหลีเหนือน้อย อาจไม่ค่อยได้จดจำรายละเอียดเกี่ยวกับขีปนาวุธเท่าไร และแน่นอนว่า ถ้าเทียบกันแล้ว คนญี่ปุ่นย่อมคุ้นหูกับชื่อขีปนาวุธเกาหลีเหนือมากกว่าคนไทยเพราะเป็นภัยใกล้ตัว ชื่อขีปนาวุธเกาหลีเหนือที่ปรากฏในข่าวนั้น มีทั้งชื่อที่คนนอกเป็นผู้ตั้ง และชื่อที่เกาหลีเหนือตั้งเอง บางครั้งจึงทำให้เกิดความสับสน

ส่วนใหญ่แล้ว เกาหลีเหนือเรียกขีปนาวุธของตัวเองว่า “ฮวาซอง” (ภาษาญี่ปุ่นใช้อักษร 火星 แปลตามตัวอักษรได้ว่า “ดาวอังคาร”) และตามด้วยตัวเลข นัยว่าเป็นการระบุรุ่น เช่น ฮวาซอง 14 (火星14; Hwasong 14) ส่วนการตั้งชื่อโดยคนนอก โดยเฉพาะจากทางอเมริกา จะใช้ KN นำหน้า เช่น KN-08 ซึ่งก็คือขีปนาวุธชนิดเดียวกันกับ Hwasong 13 และมีการตั้งชื่ออีกประเภทหนึ่งโดยคนนอก คือ ตั้งโดยใช้ชื่อสถานที่ใกล้เคียงกับจุดที่มีการทดสอบขีปนาวุธนั้น เช่น โนดอง แตโปดอง มูซูดัน (Hwasong 10) เหล่านี้คือชื่อสถานที่ในเกาหลีเหนือ ซึ่งตามปกติเกาหลีเหนือไม่ประกาศว่าตัวเองทดสอบที่ไหน แต่ผู้เชี่ยวชาญภายนอกก็จะวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมประกอบกับข้อมูลอื่น ทำให้พอจะทราบจุดที่เกิดการทดสอบนั้นได้ และกลายเป็นที่มาของชื่อขีปนาวุธ

ดังนั้น ขีปนาวุธชนิดหนึ่งอาจมีชื่อมากกว่า 1 ชื่อตามที่มาที่ต่างกัน สำหรับพิสัยยิงของขีปนาวุธเกาหลีเหนือที่มีการประเมินไว้และกระทรวงการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นนำออกเผยแพร่นั้น ประมวลได้ดังแผนภาพดังนี้
ที่มา: http://nikkeiyosoku.com/blog/north-korea-missile-type-range/
จรวด Hwasong-12 (ภาพเอพี)
จรวด Pukguksong-2 (ภาพเอพี)
ดูระยะแล้วก็มองออกว่า อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลย อเมริกาเองก็นิ่งนอนใจไม่ได้ และเมื่อจับกระแสการตอบโต้กันด้วยคำพูดระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือกับอเมริกาแล้ว ยิ่งชัดเจนว่าภัยขีปนาวุธไม่ใช่เรื่องเล่นๆ พอย้อนประมวลความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนืออันเกี่ยวเนื่องกับขีปนาวุธเมื่อเร็วๆ นี้อีกครั้งโดยสังเขป จะเห็นชัดว่าเกาหลีเหนือจงใจกระทำการท้าทายถี่มากในระยะนี้

29 สิงหาคม 2560ยิงขีปนาวุธข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่นทางตอนเหนือในช่วงเช้าตรู่ตามเวลาญี่ปุ่น พุ่งเลยแหลมเอะริโมะของฮอกไกโดไปทางตะวันออกราว 1,200 กิโลเมตร และตกในมหาสมุทรแปซิฟิก ระยะทางที่พุ่งไปคือประมาณ 2,700 กิโลเมตร

3 กันยายน 2560 ทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 โดยเกาหลีเหนือระบุว่านี่คือการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนที่มีศักยภาพสำหรับนำไปติดตั้งที่ขีปนาวุธเป็นหัวรบนิวเคลียร์ได้ การทดสอบส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมากกว่าการทดสอบเมื่อปีที่แล้ว 10 เท่า แผ่นดินสะเทือนวัดขนาด (แม็กนิจูด) ได้ระดับ 5-6 รู้สึกได้ทั้งในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

15 กันยายน 2560 ยิงขีปนาวุธข้ามน่านฟ้าญี่ปุ่นทางตอนเหนือในช่วงเช้าตามเวลาญี่ปุ่น และไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก ระยะทางที่พุ่งไปคือประมาณ 3,700 กิโลเมตร (เกาะกวมของอเมริกาห่างจากเกาหลีเหนือราว 3,400 กิโลเมตร นั่นหมายความว่า เกาหลีเหนือมีขีปนาวุธที่ยิงไปได้ไกลถึงกวมของอเมริกาจริง)
(ภาพเอพี)
ทางด้านอเมริกานั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์วิจารณ์เกาหลีเหนืออยู่ตลอด พร้อมทั้งตั้งฉายาให้คิม จอง อึนผู้นำเกาหลีเหนือว่าเป็น “Rocket man”—มนุษย์จรวด ผู้อยู่ในภารกิจฆ่าตัวตาย ซึ่งนอกจากตัวเองจะตายแล้ว ระบอบของตัวเองก็จะตายไปด้วย เพราะอเมริกาจะ “ทำลายให้สิ้นซาก”

ส่วนเกาหลีเหนือก็ไม่น้อยหน้า ไม่ใช่แค่รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือด่าทรัมป์ด้วยคำว่า “the sound of a dog barking”—เสียงหมาเห่า เท่านั้น แต่คิม จอง อึนก็ซ้ำด้วยคำว่า “dotard” อีก ภาษาอังกฤษคำนี้ แปลว่า “ตาแก่เลอะเลือน” ปัจจุบันเป็นศัพท์ที่แทบไม่มีคนรู้จักและแทบไม่มีใครใช้ แม้แต่เจ้าของภาษายังต้องเปิดพจนานุกรม หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ลงว่า ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา คำนี้ปรากฏในนิวยอร์กไทมส์แค่ 10 ครั้ง และพบได้บ้างในวรรณกรรมเก่าๆ อย่างเช่นงานของเชกสเปียร์

เมื่อด่ากันไปขู่กันมา ประกอบกับท่าทีก้าวร้าวของผู้นำทั้งสองฝ่ายและการส่งอาวุธออกมาอวดกันเป็นระยะ ทั่วโลกจึงใจไม่ดีและเฝ้าจับตาดูอยู่อย่างระแวดระวังแม้ผู้เชี่ยวชาญต่างวิเคราะห์ว่าอเมริกาคงไม่ลงมือก่อนก็ตาม อเมริกาส่งเรือเอยเครื่องบินเอยมาป้วนเปี้ยนแถบทะเลญี่ปุ่นกับคาบสมุทรเกาหลีพักใหญ่แล้ว ส่วนเกาหลีเหนือนั้น การส่งพาหนะรบพุ่งออกไปไกลๆ หรือหมายจะยกพลขึ้นบกที่ไหน คงทำไม่ได้ง่ายๆ อาวุธที่ถือว่าเป็นไม้เด็ดของตนจึงได้แก่ขีปนาวุธที่พัฒนาต่อเนื่องมาหลายปี และนั่นคือสิ่งที่ประเทศใกล้เคียงอย่างญี่ปุ่นชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด

**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.manager.co.th

กำลังโหลดความคิดเห็น