บรรดา “เจแปนแฟนคลับ” อาจต้องคิดหนักเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีกับนักท่องเที่ยว เพื่อนำเงินไปสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในระยะยาว
แนวคิดการเก็บภาษีการท่องเที่ยว หรือ sayonara tax กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น โดยจะเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอาจถูกบวกเข้าไปในตั๋วเครื่องบินหรือค่าบริการที่สนามบิน เพื่อนำเงินนี้ไปสนับสนุนการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในต่างประเทศ และพัฒนาบริการการท่องเที่ยว
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนญี่ปุ่นเพื่อขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 20% ต่อปี โดยรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40ล้านคนในปี 2020 จึงต้องหารายได้มาสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ และพัฒนาบริการต่างๆสำหรับนักท่องเที่ยว
สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่นประเมินว่า ในปีงบประมาณ 2018 จะต้องใช้เงินโปรโมทการท่องเที่ยวมากถึง 24,700 ล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 17% และหากเก็บ “ภาษีท่องเที่ยว” คนละ 1,000 เยน ก็จะได้รายได้มากถึง 40,000 ล้านเยนต่อปี
ประเทศยุโรปและเกาหลีใต้ก็มีการเก็บภาษีท่องเที่ยว ส่วนสหรัฐฯเก็บภาษีท่องเที่ยวอัตรา 14 ดอลลาห์เฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศที่ได้รับยกเว้นวีซ่าตามโครงการ Visa Waiver Program และประเทศไทยก็เก็บค่าธรรมเนียมสายการบินเข้า-ออกประเทศ อัตรา 15 บาท/คน/เที่ยวเช่นเดียวกันตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2559
อย่างไรก็ตาม แนวคิดเก็บภาษีการท่องเที่ยวนี้ถูกคัดค้านอย่างมากจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบิน เพราะแน่นอนว่าจะทำให้ราคาการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแพงขึ้น และทุกวันนี้ สนามบินในญี่ปุ่นก็เก็บค่าธรรมเนียมอยู่แล้วราว 1,000 -3,000 เยน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวยังตั้งคำถามว่า การใช้เงินเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในต่างประเทศไม่ได้การันตีว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้อย่างแน่ชัด เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาญี่ปุ่นมากขึ้นนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากมาตรการผ่อนคลายวีซ่า
สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่นจะจัดตั้งคณะทำงานของมาศึกษาเปรียบเทียบผลกระทบ และตั้งเป้าจะสรุปผลหาช่องทางเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีการท่องเที่ยวในปลายปีนี้ หลังจากนั้น ภาษี sayonara tax จะจัดเก็บหรือไม่ จัดเก็บอย่างไร จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกระทรวงการคลัง และพรรค LDP ซึ่งเป็นรัฐบาล.