xs
xsm
sm
md
lg

อย่างไหนของผู้ชาย อย่างไหนของผู้หญิงในสังคมญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจาก yahoo.co.jp
คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"


“ผู้ชายญี่ปุ่นเขามีกิ๊กกันเยอะไหมเพื่อนฉันถามด้วยความสงสัยขึ้นมาคราวหนึ่ง ตัวฉันเองแทบไม่เคยได้ยินเรื่องราวของคนรอบตัวว่ามีกิ๊กมีอะไรกัน โดยเฉพาะทำนองจีบเล่นแบบหมาหยอกไก่อย่างที่ฉันได้ยินเพื่อนคนไทยพูดถึงเพื่อนร่วมงานให้ฟังนี่ยังไม่เคยได้ยินเลย

แต่ถ้าเป็นแบบคบกันโดยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งที่ผู้ชายแต่งงานแล้วอย่างนั้นยังพอได้ยินอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องกิ๊กนี่ฉันไม่มีความรู้เท่าไหร่ แต่ถ้าถามฉันว่าแต่งงานกับผู้ชายญี่ปุ่นดีหรือเปล่า ฉันก็พอจะมีข้อมูลเบา ๆ มาให้ประกอบการพิจารณาดังนี้ค่ะ ส่วนข้อมูลแน่น ๆ คงต้องอาศัยพิจารณาเป็นรายบุคคลไปนะคะ

สังคมญี่ปุ่นแบ่งบทบาทหน้าที่ของชายหญิงไว้ค่อนข้างชัดเจน โดยภาพรวมคือผู้ชายเป็นใหญ่เหมือนสังคมเอเชียทั่วไป แต่บทบาทค่อนข้างจะขีดเส้นแบ่งไว้แน่นอนว่า ผู้ชายต้องทำงานหนักหาเลี้ยงครอบครัว มีสิทธิเติบโตในหน้าที่การงาน ได้รับเงินเดือนสูงกว่าผู้หญิง ส่วนผู้หญิงถูกคาดหวังให้ดูแลบ้าน ดูแลลูก สามี และพ่อแม่ของสามีหากอาศัยอยู่ร่วมกัน รวมทั้งดูแลรายรับรายจ่ายในครอบครัว ผู้ชายจะไม่แตะงานในบ้านเลย แม้การดูแลสวนก็อาจเป็นงานของบรรดาแม่บ้านเสียด้วยซ้ำ

ถ้าเพื่อนผู้อ่านเคยดูละครญี่ปุ่น (หรือกระทั่งในโดราเอม่อน) คงพอเห็นอยู่บ่อย ๆ ว่าคนเป็นพ่อมักนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะอาหารตอนเช้า ๆ ในขณะที่แม่จะสาละวนกับการจัดหาอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้าน เตรียมข้าวกล่องเป็นอาหารกลางวันสำหรับพ่อบ้านและลูก ๆ คนเป็นแม่บ้านญี่ปุ่นนี่โดยธรรมเนียมแล้วจะต้องตื่นเช้ากว่าคนอื่นๆ และนอนทีหลังคนอื่น ๆ เสมอ

สมัยก่อนคนญี่ปุ่นจะพูดถึงภรรยาตัวเองโดยใช้คำเรียกภรรยาว่า “คะไน” แปลตรงตัวว่า “ในบ้าน” คงเพราะผู้หญิงมีบทบาทในบ้านเต็มที่ แต่ก็แปลกที่ภรรยาไม่ยักเอ่ยถึงสามีโดยใช้คำเรียกว่า “คะไง” (นอกบ้าน) เสียบ้าง ทั้งนี้ คำว่า “คะไน” ปัจจุบันไม่ค่อยใช้กันเท่าไหร่แล้ว
ภาพจาก yahoo.co.jp
หลายปีก่อนตอนฉันยังโสด เคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนญี่ปุ่น ซึ่งวันนั้นมีทั้งเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชายไปเป็นกลุ่ม พอเราทานอาหารกันเสร็จ พวกผู้หญิงจะช่วยกันเก็บจานไปล้างเสมือนรู้หน้าที่ ในขณะที่เพื่อนผู้ชายนั่งเฉย ๆ ปล่อยให้ผู้หญิงเก็บ ไม่มีแม้คำขอบคุณ ฉันก็งง เพราะถ้าเป็นเพื่อนคนไทยด้วยกัน น่าจะเดาได้ว่าอย่างน้อยผู้ชายคงช่วยเก็บจานซ้อน ๆ กันยกไปที่ครัวให้บ้าง หรือเอาขยะไปทิ้งให้

พอเห็นผู้ชายญี่ปุ่นไม่ทำอะไรเลยเสมือนเป็นเรื่องธรรมดา ฉันก็แปลกใจ ถามเพื่อนผู้หญิงว่าผู้ชายไม่ช่วยทำอะไรเป็นเรื่องปกติหรือ เธอก็เลยแอบค่อนขอดพวกผู้ชายด้วยสีหน้าแค้นเคืองเล็ก ๆ ไปด้วยว่า “ไม่มีเสียละ !” แสดงว่าแม้จะเป็นบทบาทหน้าที่ของผู้หญิงก็จริง แต่ก็ใช่ว่าผู้หญิงจะยอมรับมันอย่างหน้าชื่นตาบานโดยไม่คิดอะไร

แต่บ้านฉันจะต่างออกไปหน่อย ฉันรู้มาแต่แรกแล้วว่าสามีฉันไม่ค่อยเหมือนผู้ชายญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไปก็เลยไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้ เขาจะไม่นิ่งเฉยปล่อยให้คนอื่นทำงานในขณะที่ตัวเองนั่งสบายใจเฉิบ ก่อนแต่งงานนอกจากเราจะตกลงกันเรื่องเงินทองแล้ว เรายังตกลงกันไว้ด้วยว่าเราจะช่วยกันทำงานบ้าน เขามักช่วยทำกับข้าว หรือไม่ก็ช่วยเตรียม ช่วยเก็บล้าง

พอเราชินของเราแบบนี้ ตอนไปเยี่ยมบ้านเกิดเขา เราก็ช่วยกันทำอาหารนิด ๆ หน่อย ๆ ในครัวตามปกติ ได้ยินเสียงคุณยายบ่นว่า “ผู้ชายเขาไม่เข้าครัวกันหรอกนะ!” แม่สามีก็รีบปรามคุณยายไม่ให้พูด ฉันเลยเพิ่งรู้ว่าโดยค่านิยมของสังคมญี่ปุ่นแล้วผู้ชายจะไม่ทำงานอะไรในครัวเลย มิน่าละพวกเพื่อนผู้ชายญี่ปุ่นถึงไม่ยอมช่วยล้างจาน

ถ้าใครแต่งเข้าบ้านผู้ชายซึ่งมีพ่อแม่(และอาจมีปู่ย่าตายาย)ของฝ่ายชายอยู่ด้วย สะใภ้จะถูกคาดหวังให้ดูแลผู้ใหญ่ด้วย เหมือนสังคมคนไทยหรือคนจีนในยุคครอบครัวใหญ่นี่เอง อย่างคุณน้าคนไทยคนหนึ่งที่มีสามีญี่ปุ่นนั้น นอกจากคุณน้าจะเป็นกุ๊กร้านอาหารซึ่งยืนทั้งวันแล้ว กลับบ้านก็ต้องดูแลสามี ดูแลพ่อแม่ฝ่ายชายซึ่งป่วยและชราด้วย

นอกจากนี้ แม่บ้านญี่ปุ่นยังมีบทบาทหลักในการเลี้ยงลูก กวดขันการเรียนของลูก หาที่เรียนพิเศษ และพยายามเข็นให้ลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนดี ๆ ถึงได้มีคำว่า “เคียวอิคุมาหมะ” หรือแม่จอมกวดขันให้ลูกเอาแต่เรียนอย่างเดียว ด้วยความที่ผู้หญิงญี่ปุ่นมีภาระมากมายในแต่ละวัน รวมถึงการที่เขาไม่มีธรรมเนียมจ้างคนทำความสะอาดหรือทำกับข้าวกันมากเหมือนเมืองไทย (เว้นแต่จะมีฐานะดีมาก ๆ) ผู้หญิงญี่ปุ่นหลายคนพอแต่งงานแล้วก็ลาออกจากงาน หรือไม่ก็หางานพาร์ตไทม์ทำแทน เพื่อจะได้มีเวลาดูแลบ้าน ดูแลครอบครัวได้อย่างเต็มที่ ผู้ชายญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยก็อยากให้ภรรยาอยู่บ้านเป็นแม่บ้านมากกว่าทำงานเต็มเวลา

แต่เดิมนั้นภรรยาญี่ปุ่นจะมีหน้าที่ดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด พอสามีได้เงินเดือนมาก็ต้องเอามาให้ภรรยาถือ ภรรยาจะเป็นผู้จัดสรรเงินให้สามีเท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น สามีจะใช้จ่ายอะไรก็ต้องไปขอภรรยา อาจเพราะอย่างนี้เลยทำให้รู้สึกว่า ผู้ชายญี่ปุ่นน่าจะมีภรรยาน้อยได้ยากกว่าเมืองไทยเพราะไม่มีเงิน แต่เดี๋ยวนี้ครอบครัวสมัยใหม่ก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้มากเท่าเมื่อก่อนก็เป็นได้
ภาพจาก yahoo.co.jp
พูดถึงเรื่องบทบาทหน้าที่ที่แบ่งกันชัดเจนว่าอันไหนของผู้ชาย อันไหนของผู้หญิง ก็นึกได้ว่ามีเรื่องขำ ๆ ด้วยค่ะ ตอนนั้นฉันเพิ่งแต่งงานปีแรก ฉันอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ที่แต่เดิมสามีอาศัยอยู่คนเดียวมาห้าปี วันหนึ่งได้รับใบปลิวโฆษณาบริการล้างเครื่องปรับอากาศ ฉันเลยถามสามีว่าล้างแอร์ครั้งล่าสุดไปเมื่อไหร่ เขาบอกว่าไม่เคยล้างเลย ต้องล้างด้วยหรือ?

ฉันตกใจมากเพราะตอนอยู่เมืองไทยจะได้ยินพ่อบอกอยู่เรื่อยๆ ว่าเดี๋ยววันนี้ช่างจะมาล้างแอร์นะ พอรู้ว่าเครื่องปรับอากาศไม่ได้ล้างมาห้าปี ฉันก็รีบเรียกช่างมาล้าง โดยเลือกวันที่สามีอยู่บ้านเพราะฉันไม่อยากอยู่กับชายแปลกหน้าสองต่อสองในบ้าน แล้วฉันก็ออกไปจ่ายกับข้าวในช่วงที่ช่างมา ขอให้สามีช่วยดูตอนช่างมาด้วย พอกลับมาถึง สามีก็บอกว่าแอร์สกปรกมาก ช่างล้างทีมีแต่โคลนดำมะเมื่อม ช่างยังยุด้วยว่า “คุณน่าจะเก็บน้ำโคลนนี่ไว้ให้ภรรยาคุณดูนะ”

ตอนนั้นฉันฟังแล้วก็เข้าใจไปว่าช่างคงจะพูดอย่างนั้นเพื่อฟ้องฉันว่าสามีฉันไม่เคยล้างแอร์เลย ปล่อยมาได้อย่างไรขนาดนี้!!

แต่อยู่มาวันหนึ่งฉันคงจะไปเห็นนิตยสารหรืออะไรสักอย่างสำหรับแม่บ้าน ซึ่งรวมวิธีการทำความสะอาดอะไรต่อมิอะไรในบ้าน รวมถึงเครื่องปรับอากาศด้วย ฉันเลยถึงบางอ้อว่า แท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านตกเป็นหน้าที่ของผู้หญิง (นี่หว่า) ด้วยความที่ฉันโตมากับการที่พ่อคอยดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ ฉันเลยเข้าใจว่านั่นเป็นหน้าที่ผู้ชาย และคาดหวังเอาเองว่าสามีคงรู้หน้าที่ดี กลายเป็นว่าที่วันนั้นช่างยุให้สามีเก็บน้ำโคลนนั่นไว้ให้ฉันดูคือหมายความว่าจะตำหนิว่าฉันเป็นแม่บ้านอีท่าไหนถึงไม่ได้ดูแลบ้าน ปล่อยทิ้งไว้จนสกปรกขนาดนี้ได้อย่างไร แหม ถ้าวันนั้นอยู่ด้วยกันหมดทั้งช่าง สามี และฉัน เราคงเปิดศึกโต้วาทีกันแน่เลยทีเดียว

เรื่องแบ่งชาย-หญิงนี่เห็นได้ในเรื่องการเข้าร้านอาหารด้วย เมื่อก่อนฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยจนกระทั่งวันหนึ่งฉันคุยกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นว่าฉันชอบราเม็งร้านโน้นร้านนี้ พอเพื่อนฉันรู้ว่าฉันไปกินราเม็งเองตัวคนเดียวก็ตาโต บอกว่าฉันกล้ามาก ฉันถามว่าทำไม เธอบอกว่าผู้หญิงคนเดียวเขาไม่เข้าร้านราเม็งกันหรอก เว้นแต่จะไปกันกับคนอื่นด้วย ยิ่งร้านเนื้อย่าง ร้านบะหมี่ยืนกินนี่ไม่ต้องพูดถึง ผู้หญิงเขาไม่เข้ากันคนเดียวแน่นอน (เพราะมันดูไม่สมเป็นผู้หญิง) ทำนองเดียวกับที่ผู้ชายจะไม่กล้าเข้าร้านขายขนมหวานหรือร้านที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง

พูดถึงเรื่องราเม็งแล้วก็นึกถึงสมัยยังวัยรุ่นที่ฉันไปกินราเม็งกับเพื่อนหญิงชาวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก พอเราได้ราเม็งกันคนละชามแล้ว ก่อนจะคีบบะหมี่เข้าปาก เพื่อนคนสวยมาดดีคนนี้ก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงหันมาถามฉันว่า "รู้ใช่ไหมว่าคนญี่ปุ่นกินบะหมี่เสียงดังเป็นเรื่องปกติ ?"  ฉันตอบว่ารู้ (ซึ่งรู้จากการอ่าน ไม่ใช่จากประสบการณ์จริง)

เธอจึงหันกลับไปหาชามราเม็งของตัวเองแล้วเริ่มต้นคีบบะหมี่ขึ้นกินเสียงดัง “ซู้ดดด ซ่วบๆ ๆ” เสียงกินบะหมี่ซู้ดซ้าดดังกระหึ่มระคายแก้วหูทำเอาฉันที่เพิ่งได้ยินเสียงคนญี่ปุ่นกินบะหมี่เป็นครั้งแรกหมดความหิวลงโดยสิ้นเชิง แอบคิดว่าน้ำซุปและน้ำลายของเธอจะกระเด็นมาลงชามฉันบ้างหรือเปล่านะ แล้วฉันก็กินราเม็งของตัวเองไปเงียบ ๆ โดยไม่รู้ว่ามันอร่อยหรือเปล่าเพราะใจยังลอยไปหาเสียงซ่วบซาบยามเพื่อนคนสวย “ฟาด” ราเม็งจนหมดชาม

ว่ากันว่าที่คนญี่ปุ่นกินบะหมี่เสียงดังเป็นเพราะต้องการกินในขณะที่บะหมี่ยังร้อน ๆ การดูดเส้นบะหมี่ที่คีบขึ้นจากชามใหม่ ๆ ช่วยให้ความร้อนของบะหมี่ไม่ลวกปาก ฉันไม่แน่ใจว่าที่คนญี่ปุ่นเป็นมะเร็งในหลอดอาหารกันเยอะนี่เกิดจากการนิยมกินบะหมี่ทั้งยังร้อน ๆ หรือเปล่า มันเลยลวกคอก่อนไปถึงกระเพาะอาหาร ฉันก็ได้แต่เดา ว่าแต่ว่าเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันไปร้านสปาเก็ตตี้ แล้วได้ยินสาวคนหนึ่งกินสปาเก็ตตี้แบบส่งเสียงซู้ดดด ซ่วบ ๆ จนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง สปาเก็ตตี้ไม่ได้มีความร้อนระอุแบบบะหมี่น้ำ ไม่มีความจำเป็นอันใดต้องกินเสียงดังเลย แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นแค่เธอคนนั้นคนเดียว เพราะคนอื่นกินก็ไม่ได้ส่งเสียงดังกันอย่างนั้น เวลาสามีไปเมืองไทย ฉันต้องบอกไว้ก่อนเสมอว่า
"ไปเมืองไทยอย่ากินก๋วยเตี๋ยวเสียงดังเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นนะ " เขาก็เข้าใจ ไปไทยก็กินเงียบ ๆ

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ สวัสดีค่ะ


"ซาระซัง" สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.
กำลังโหลดความคิดเห็น