xs
xsm
sm
md
lg

ถูกกลั่นแกล้ง ถูกลดตำแหน่ง ถูกย้ายที่ทำงาน คนญี่ปุ่นเขาเลือกอะไร?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้วครับ อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าเรื่องเกี่ยวกับท่าน 菅原道真 Sugawara no Michizane ซึ่งมีเรื่องเล่าเพิ่มเติมคือที่จังหวัดบ้านผมช่วงปีใหม่จะมีการสักการะรูปแกะสลักจากไม้ที่เป็นรูปท่าน Sugawara no Michizane ด้วย อันสืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณ 500 ปีที่แล้วเจ้าเมืองที่ครองนครนี้ 前田利家 Maeda Toshiie ท่านเคารพนับถือว่าท่าน Sugawara no Michizane คือบรรพบุรุษของท่าน ต่อๆ มาจึงส่งผลให้ชาวบ้านและประชาชนทั่วไปเคารพนับถือท่าน Sugawara no Michizane กันสืบต่อมาถึงปัจจุบันนี้ครับ

ท่าน Sugawara no Michizane เป็นคนในตระกูลนักปราชญ์ที่ได้รับการผลักดันและส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาจนท่านเเตกฉานเชี่ยวชาญทุกแขนง ท่านเป็นคนที่มีบุคลิกเฉลียวฉลาดและใส่ใจใฝ่รู้อยู่เสมอ ต่อมาได้เข้ารับราชการ รับใช้จักรพรรดิ Uda ท่านก็ตั้งใจทุ่มเททำงานอย่างซื่อสัตย์ และทุ่มเท และด้วยความฉลาดรอบรู้ท่านก็ได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อจักรพรรดิ Uda สวรรคต ท่านก็ถูก คนจากตระกูลคู่อริ คือ Fujiwara Tokihira ใส่ความว่าคิดก่อการกบฏ และถูกสั่งลดตำแหน่งให้กลายเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยและถูกเนรเทศจากเมืองหลวงเกียวโตไปประจำการยังหัวเมืองห่างไกลบนเกาะคิวชู หรือดาไซฟุ นั่นเอง ทำให้ท่านเกิดความเศร้าใจและน้อยใจหมดอาลัยตายอยากจนตรอมใจ และเสียชีวิตลงในที่สุด ซึ่งสถานที่ฝังศพของท่าน ก็คือ ศาลเจ้าดาไซฟุ 太宰府天満宮 Dazaifu Tenmangu ที่จังหวัด Fukuoka จากนั้นก็เป็นที่รู้จักกันดีว่าท่านคือเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ การอุทิศตัวและโชคลาภ ดังนั้นนักเรียนนักศึกษา คนที่ต้องสอบขอพรจะนับถือและมักจะไปขอพรกับท่านเสมอ



ที่บ้านผมก็มีรูปแกะสลักของท่าน Sugawara no Michizane ด้วยอย่างที่บอกไปว่าพอปีใหม่ก็จะทำความเคารพและถวาย 鏡餅 Kagami-Mochi และขอให้สอบผ่าน พอหลังวันที่ 15 มกราคม ค่อยเอา Kagami-Mochi ที่ถวายออกมากินได้เด็กๆ จะรู้สึกว่าการได้กิน Kagami-Mochi และขอพรจากท่าน Sugawara no Michizane จะทำให้ตัวเองเรียนเก่งขึ้นๆ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจอีกทางหนึ่งครับ

เด็กๆ ญี่ปุ่นทุกคนได้เรียนประวัติของท่าน Sugawara no Michizane ที่เรียนไม่ใช่เพราะเรียนให้รู้ว่าเขาเก่งและรอบรู้อย่างไร แต่เรียนเรื่องการเป็นนักการเมืองที่เฉลียวฉลาดของเขา เรื่องที่สำคัญที่เขาเคยมีผลงานและแนะนำจักรพรรดิคือ การหยุดส่งเรือและคนญี่ปุ่นไปร่ำเรียนที่เมืองจีน ด้วยหลากหลายเหตุผล จากนั้นเป็นผลที่ทำให้รูปแบบการสื่อสารของญี่ปุ่นเปลี่ยนไปคือนอกจากภาษาจากอักษรคันจิที่นำรูปแบบมาจากเมืองจีนแล้วยังเริ่มมีการเขียนอักษร 平仮名 Hiragana และอีกร้อยปีต่อมาก็มีงานเขียนด้วยมือเรียกว่าตำนาน 源氏物語 Genji monogatari ถือว่าเป็นวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่มากที่สุดฉบับหนึ่ง มีคนเล่าว่าสมัยก่อนไม่มีเครื่องก๊อปปี้หรือเครื่องคอมพิวเตอร์แบบปัจจุบัน คนที่อยากอ่านต้องลอกด้วยมือแล้วส่งต่อกันอ่านเท่านั้น

ตำนานเก็นจิ 源氏物語 Genji Monogatari นั้นเป็นงานเขียนของ 紫式部 Murasaki Shikibu มุราซากิ ชิคิบุ ซึ่งเป็นนางข้าหลวงในราชสำนักญี่ปุ่นสมัยเฮอัน ถือว่าเป็นนวนิยายที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก ซึ่งมีหลักฐานว่า มุราซากิ ชิคิบุ ได้เขียนบันทึกนี้ในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ค ศ.1008 ถึงวันนี้ก็พันกว่าปีมาแล้วครับ น่าทึ่งตรงที่เขียนด้วยหมึก ลายมือตัวเอง เป็นการยืนยันการใช้อักษรญี่ปุ่นด้วย

ส่วนเรื่องของท่าน Sugawara no Michizane นั้นแน่นอนว่าท่านเป็นนักปราชญ์ที่อยู่แนวหน้าของวงการงานเขียนอยู่แล้ว เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ทุกแขนงแม้กระทั่งด้านภาษา หลังจากที่เขาถูกลดตำแหน่งและถูกเนรเทศไปที่ดาไซฟุ เขาก็เขียนบทกวีทังกะ Tanka มากมาย ที่มีชื่อเสียง เช่น
東風(こち)吹かば 匂ひをこせよ 梅の花 主なしとて 春な忘れそ
Kochifukaba Nioiokoseyo Umenohana
Arujinashitote Harunawasureso
..ถ้าลมตะวันออกพัดผ่านมา จงพากลิ่นหอมของดอกเหมย(ดอกบ๊วย)มาให้ด้วย ผู้เป็นเจ้าของจะไม่อยู่แล้ว ทุกๆใบไม้ผลิอย่าได้ลืมกัน..🌸🍃
ตรงนี้เองมีเรื่องเล่าว่า ต้นอุเมะ หรือบ๊วยต้นที่บ้านของท่าน Sugawara no Michizane นั้นก็ตามมาท่านมาอยู่ที่ดาไซฟุด้วย จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของท่านในเวลาต่อมา รวมถึงวัวด้วยครับที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวท่าน ใครไปศาลเจ้าดาไซฟุจะเห็นสองสิ่งนี้ทั่วไปหมดเลยครับ

จากตรงนี้เองจะเห็นได้ว่าความกลุ้มใจเรื่องการงานต่างๆ นานาของคนญี่ปุ่นนั้นมีเยอะมาก และมีมาตั้งแต่อดีตกาล เรื่องการทำงานและการกลั่นแกล้ง การถูกลดตำแหน่ง การถูกย้ายที่ทำงานมีมาตั้งแต่อดีต เป็นพันๆ ปีมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครลาออก จำทนตั้งใจทำตามหน้าที่ต่อไปแม้ตัวเองจะตรอมใจมากมายแค่ไหน !!

แม้แต่ยุคปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ ถ้าใครเคยดูซีรี่ย์ละครทีวีญี่ปุ่นเรื่อง 半沢直樹 Hanzawa Naoki จะเห็นว่าสังคมการเป็นมนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่นมันช่างเต็มไปด้วยความกดดันและมีหลากหลายแง่มุม คล้ายๆ กับที่ละครสื่อออกมา ละครออกฉายทางช่อง TBS เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว โดยมีที่เรตติ้งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ฉาย จนกลายเป็นเรตติ้งอันดับหนึ่ง ตัวละครเอกคือ 半沢直樹 Hanzawa Naoki เขาเป็นคนที่มั่นคงกับความผิดชอบชั่วดีมาก ผิดคือผิด ถูกคือถูก สิ่งที่เกิดมีแต่สีขาวกับสีดำ ไม่มีพื้นที่สีเทา มีคติประจำใจว่า (Yararetara, yari-kaesu. Bai-gaeshi da!" ถ้าโดนใครมาทำอะไร ฉันจะเอาคืน และจะเอาคืนให้มากอีกเท่าตัว!) Hanzawa Naoki เขาฝังใจเช่นนี้ตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยเหตุเพราะโรงงานผลิตน็อตของพ่อเขาโดนธนาคาร มายึดไป ทำให้โรงงานล้มละลาย และสุดท้ายพ่อของเขาต้องผูกคอปลิดชีวิตตัวเอง จากนั้นมา Hanzawa Naoki ก็มุ่งมั่นว่าจะเข้าทำงานที่ธนาคารและจะต้องขึ้นเป็นประธานบริหารธนาคารให้ได้

เมื่อสำเร็จการศึกษา เขาก็เข้าทำงานที่ธนาคาร ได้จริงๆ โดยที่เขาได้ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกสินเชื่อประจำอยู่ที่สาขาในจังหวัดโอซาก้า

แต่เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ ผู้จัดการธนาคารสาขาโอซาก้า รวมหัวกับประธานบริษัท Nishi Osaka Steel ตกแต่งบัญชีของบริษัท มาขอกู้เงิน 500 ล้านเยนกับธนาคารที่เขาทำงาน แล้วจงใจให้บริษัทล้มละลายเพื่อเชิดเงินหนีไป โดยที่ผู้จัดการสาขาพยายามป้ายความผิดครั้งนี้ว่าเป็นเพราะเขาไม่ตรวจสอบเอกสารการกู้ยืมให้ละเอียดรอบคอบก่อน เขาต้องกลายเป็นแพะรับบาปที่ต้องรับผิดชอบกับความผิดพลาดในการปล่อยเงินกู้ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถตรวจพบการตกแต่งบัญชีเพื่อหลอกกู้เงินจากธนาคาร เขาพยายามหาคำตอบในสิ่งต่างๆ ทำให้เขาได้พบเงื่อนงำว่าไม่ใช่แค่การตกแต่งบัญชีมาหลอกกู้เงินเท่านั้นแต่เป็นกลอุบายที่จะล้มละลายเพื่อคดโกง โดยที่มีเส้นสายเป็นนายธนาคารใหญ่ช่วยเอื้อประโยชน์ ดังนั้นเพื่อที่เขาจะได้ล้างมลทินให้กับตัวเอง เขาจะต้องสืบเสาะตามล่ากระแสเงิน และเพื่อติดตามเอาเงินจำนวนนั้นคืนมาให้กับทางธนาคารให้ได้เขาต้องต่อสู้และฝ่าฟัน มากมาย รวมทั้งมีการสะท้อนให้เห็นเรื่องมีราวธุรกิจแวดวงอื่นๆ ด้วย ทั้งเรื่องการสั่งย้ายงาน การลดตำแหน่ง เกิดขึ้นเป็นปกติในองค์กรแต่ทุกคนก็จำใจรับชะตากรรม เรื่องย่อประมาณนี้ครับ แต่มันเป็นอะไรที่สะท้อนชีวิตจริง สะท้อนชีวิตสังคมคนทำงานญี่ปุ่นจริง ไม่ต่างอะไรกับพันกว่าปีที่แล้วเลย

จากซี่รีย์เรื่องนี้ ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่า Hanzawa Naoki คือฮีโร่ของเขา เหมือนการ์ตูนหลายๆ เรื่องที่สร้างขึ้นมาเพื่อปลดปล่อยจินตนาการของคนญี่ปุ่นนั่นเอง Hanzawa Naoki เป็นเหมือนผู้ผดุงความยุติธรรม ที่ต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในสังคมแทนมนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่น ซึ่งสังคมการทำงานปกติไม่สามารถแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ได้ นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่บอกเล่าชีวิตจริงคนญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันได้ดีเลยครับ

ถ้าลองถามกลับว่า ถ้าเพื่อนๆ ถูกคำสั่งจากบริษัทให้ย้ายไปทำงานที่สำนักงานสาขาอื่น ที่ห่างไกลจากเมือง อาจจะต่างจังหวัดไกลๆ หรือถูกสั่งลดตำแหน่ง ลดเงินเดือน เพื่อนๆ จะทำอย่างไรครับ ผมได้ฟังมาจากเพื่อนคนไทยหลายคนว่า ที่เมืองไทยไม่ได้มีวัฒนธรรมการทำงานที่เดียว หรือทดงานที่องค์กรใดองค์หนึ่งไปตลอดจนเกษียณ ส่วนใหญ่จะย้ายงานไปเรื่อยๆ ตามปัจจัยหรือเหตุผลของแต่ละคน ซึ่งตรงนี้จะตรงข้ามกับญี่ปุ่นที่จะทำที่เดิมตลอด ทุกคนมักจะยอมรับคำสั่งจากบริษัท และทำตามนั้นแม้จะฝืนทนและกล้ำกลืนมากแค่ไหน ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่หล่อหลอมและผลักดันให้เกิดสภาพเช่นนี้ คนญี่ปุ่นหลายคนที่ถูกส่งตัวมาจากสำนักงานใหญ่ที่ญี่ปุ่น เพื่อประจำการตามฐานการผลิตนอกประเทศ บางคนก็ต้องทิ้งลูกทิ้งเมียมา บางคนก็ขนกันมาหมด แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการค่อนข้างดีมากก็จริง เช่น มีที่อยู่ดีๆ ให้ มีคนขับรถและรถยนต์ส่วนตัว เป็นต้น แต่หลายๆ คนที่สูงวัยมากับสังคมญี่ปุ่นบอกว่า ปรับตัวยากมาก ความคิด ระบบการทำงานต่างกันมาก ภาษาก็ต่าง คนญี่ปุ่นเองก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เหนื่อยและเหงามาก หลายๆ อย่าง แต่เพราะคำสั่งบริษัทยังไงก็ต้องทำตาม เป็นแบบนี้แหละครับองค์กรญี่ปุ่น

ตอนที่ผมจะลาออกจากราชการ ก่อนมาอยู่เมืองไทย เริ่มมีข่าวจะขึ้นภาษีที่ญี่ปุ่น เงินเดือนพนักงานหลายส่วนถูกตัดลดลงทุกคน และเสียภาษีหลายอย่าง หักลบแล้วยิ่งทำงานหลายปีแทนทีเงินเดือนจะเพิ่ม กับลด แล้วยังต้องเจอสภาพเศรษฐกิจแย่ ของหลายอย่างแพงขึ้น เป็นต้น แต่ก็ทุกคนก็ต้องรับสภาพที่เกิดขึ้น ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เหมือนเดิม วันนี้สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น