พรรคการเมืองใหม่ของนางยุริโกะ โคะอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว ชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งสมาชิกสภามหานครโตเกียว ขณะที่พรรค LDP ของนายกฯชินโซ อะเบะ สูญเสียที่นั่งมากกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุด
การเลือกตั้งสมาชิกสภามหานครโตเกียวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคมถึงแม้จะเป็นศึกเลือกตั้งท้องถิ่น แต่มีความหมายอย่างยิ่งยวด ไม่เพียงเพราะเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น แต่ยังเป็นการวัดกระแสความนิยมของนายกรัฐมนตรีชินโซะ อะเบะ ซึ่งฝันจะเป็นผู้นำญี่ปุ่นที่ยาวนานที่สุดอีกด้วย
พรรคโทะมิงเฟิสต์ ที่แปลว่า “ชาวเมืองต้องมาก่อน” ของนางโคะอิเกะกวาดที่นั่ง 55 ที่และกลายเป็นพรรคใหญ่ที่สุดในสภามหานครโตเกียว โดยเมื่อรวมกับบรรดาพันธมิตร กลุ่มของนางโคะอิเกจะมีที่นั่ง 79 ที่นั่งจากทั้งหมด 127 ที่นั่ง หรือเกินครึ่งของสภาทำให้เธอผลักดันนโยบายต่างๆได้อย่างไม่มีปัญหา
ถึงแม้จะมีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าพรรคของนางโคะอิเกะจะชนะเลือกตั้ง แต่พรรครัฐบาลของนายอะเบะคาดไม่ถึงว่าเธอจะได้ที่นั่งมากถึงเพียงนี้ ขณะที่พรรค LDP ที่เคยมี 57 ที่นั่งก่อนการเลือกตั้ง ต้องสูญเสียที่นั่งมากกว่าครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 23 ที่นั่งเท่านั้น
สถานการณ์ในขณะนี้คือ พรรคLDP ที่มีคะแนนเสียงมากถึง 2 ใน3 ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในระดับชาติ และเคยช่วยนายอะเบะผลักดันชุดกฎหมายความมั่นคงที่ถูกต่อต้านอย่างหนักมาแล้วหลายครั้ง กลับต้องพ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งท้องถิ่นในเมืองหลวงของญี่ปุ่น
นายอะเบะถึงกับต้องยอมรับว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้บ่งชี้ถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรงของผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่มีต่อพรรคของเขา โดยประชาชนอาจคิดว่ารัฐบาลของเขากำลังเกียจคร้าน เนื่องจากได้บริหารประเทศมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว
แพ้ใครไม่เจ็บใจเท่าแพ้ให้คนกันเอง
ความจริงแล้ว ความพ่ายแพ้ของพรรค LDP ไม่ได้เกิดจากประชาชนคิดว่ารัฐบาลขี้เกียจเหมือนที่นายอะเบะว่า แต่เพราะพรรค LDP ถูกรุมเร้าด้วยประเด็นอื้อฉาวเรื่องการเปิดโรงเรียน 2แห่ง ซึ่งมีข้อสงสัยว่าเอื้อประโยชน์แก่เพื่อนของนายอะเบะ นอกจากนี้ พรรค LDP ยัง “ขุดหลุมฝังตัวเอง” เมื่อนางโทะโมะมิ อินะดะ รัฐมนตรีกระทรวงการป้องกันประเทศ กล่าวในการหาเสียงว่าขอให้สมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองสนับสนุนผู้สมัครของพรรค LDP ซึ่งถือเป็นการผิดกฎหมายอย่างชัดเจนในเรื่องที่กองกำลังป้องกันตนเองต้องเป็นกลางทางการเมือง
แกนนำพรรค LDP ยังต้องเจ็บใจดั่งไฟสุมทรวง เมื่อต้องพ่ายแพ้ให้กับนางโคะอิเกะ ที่เคยเป็นสมาชิกพรรค LDP แต่จำต้องลาออกจากพรรคเมื่อเธอไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯโตเกียว และทางพรรค LDP ยังคาดโทษสมาชิกพรรคที่ไปช่วยหาเสียงให้กับนางโคะอิเกะอีกด้วย
แม้แต่พรรคโคเมโตะ พันธมิตรร่วมรัฐบาลตลอดกาลของพรรค LDP แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังต้อง “ลู่ตามลม” เป็นพันธมิตรกับนางโคะอิเกะ
สะเทือนแผนแก้รัฐธรรมนูญ ระวังหอกข้างแคร่ แทงข้างหลัง
ความพ่ายแพ้ของพรรค LDP ทำให้มีกระแสข่าวว่านายอะเบะจำต้องปรับคณะรัฐมนตรีอย่างเร็วที่สุดเพื่อกู้คะแนนนิยม เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อน ที่พรรคฝ่ายค้านสามารถชนะการเลือกตั้งระดับประเทศได้ หลังพรรค LDPปราชัยในการเลือกตั้งสภามหานครโตเกียว
ยิ่งไปกว่านั้น ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของนายอะเบะที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งสะเทือนบัลลังก์อำนาจของนายอะเบะที่กุมอำนาจสูงสุดในพรรค และฝันจะเป็นนายกฯที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของญี่ปุ่นไปจนถึงปี 2020
แกนนำพรรค LDP ต้องไม่ลืมว่านางโคะอิเกะก็คืออดีตสมาชิกพรรคฯ ส่วนนายกฯอะเบะก็ต้องไม่ลืมว่าในพรรคของตัวเองก็มีคนอยากนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเช่นกัน คนเหล่านี้คือคนใกล้ตัวทั้งสิ้น เช่น นายฟุมิโอะ คิชิดะ รมต.ต่างประเทศ และ นายชิเกรุ อิชิบะ อดีตเลขาธิการพรรค LDP
หากนายชินโซ อะเบะ สนใจการเมืองไทยสักนิดจะรู้ว่าในอดีต เมืองไทยก็เคยมีพรรคการเมืองหนึ่งที่กุมอำนาจท่วมท้นในสภา แต่สุดท้ายก็ต้อง “แพ้ภัยตัวเอง” ทั้งด้วยนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง และการถูก “แทงข้างหลัง” ด้วยคนใกล้ชิดของตัวเอง เพราะเมื่อยามตกต่ำ คนที่ใกล้ชิดไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเหลือ แต่จะช่วยย้ำมีดให้ทะลุถึงขั้วหัวใจ.