สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้วครับ อาทิตย์ก่อนผมพูดเรื่องเบาๆ พาเที่ยวเมืองนางาซากิ จังหวัดหนึ่งในภูมิภาคคิวชูของญี่ปุ่น คิวชูเป็นอีกภูมิภาคที่มีธรรมชาติสวยงามมากครับ ที่ญี่ปุ่นเองหลายๆ ท่านคงทราบกันอยูแล้วว่ามีภูเขาไฟเยอะ ทำให้มีแหล่งน้ำพุร้อนหรือน้ำแร่ออนเซ็นเยอะ แทบทุกจังหวัดในญี่ปุ่นจะมีน้ำแร่น้ำพุร้อน จัดออกแบบตามสไตล์ของเมืองนั้นๆ
เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่าน้ำแร่ออนเซ็นที่มีแร่ธาตุจากธรรมชาติแท้ๆ นั้นเมื่อแช่แล้วจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการแช่น้ำร้อนจากน้ำธรรมดาทั่วไปอย่างไร ถ้าใครมีโอกาสลองสังเกตุดูนะครับว่าน้ำร้อนที่เราๆ แช่พอเราลุกขึ้นเราจะรู้สึกหนาว แต่ถ้าเราแช่น้ำแร่จากธรรมชาติหรือออนเซ็นแท้ๆ เนี่ยพอเราลุกขึ้นร่างกายเราจะอุ่น แม้ว่าเราแช่ในที่อากาศหนาวแต่ร่างกายเราจะอบอุ่นไปพักใหญ่ๆ เลยเชียว นอกจากนั้นแร่ธาตุต่างๆ ยังช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยให้เราผ่อนคลาย และบำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่องแบบนี้สาวๆ น่าจะชอบนะครับ หลายๆ ท่านคงเคยแช่ออนเซ็นกันบ้างแล้วและน่าจะพอรู้จักกฏการใช้ออนเซ็นกันบ้างแล้ว แต่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ ผมแนะนำคร่าวๆ ครับ
♨ส่วนใหญ่จะแยกบ่อน้ำแร่ระหว่างชายหญิงชัดเจนดังนั้นเข้าให้ถูกนะครับ และอาจจะมีการสลับกันตามวันด้วยดังนั้นอย่าเผลอเข้าตามความเคยชินล่ะ ถ้าหนุ่มๆ เข้าผิดห้องแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็อาจจะโดนจับได้นะเออ ดังนั้นอยากให้เพื่อนๆ มาจำตัวอักษรคันจิญี่ปุ่น กันสักหน่อยครับกันพลาด
「男」Otoko คือ ผู้ชาย และ「女」Onna คือ ผู้หญิง
♨ เมื่อถอดเสื้อผ้าเก็บในล็อกเกอร์แล้ว เราต้องทำการชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนลงแช่ออนเซ็น ถือเป็นมารยาทที่ดีและเป็นการปรับอุณหภูมิร่างกายก่อนจะลงแช่ออนเซ็นด้วยครับ เพราะหากลงแช่ออนเซ็นทันทีเลยด้วยความที่น้ำมันค่อนข้างร้อนมากอาจจะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและถึงขั้นช็อกได้แต่ก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ
♨ขณะลงแช่ออนเซ็นควรค่อยๆ ลงแช่ครึ่งตัวก่อนเพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิ แล้วค่อยหย่อนตัวทั้งตัว ไม่ควรลงแช่อย่างรวดเร็วทั้งตัวนะครับร่างกายจะปรับอุณหภูมิไม่ทัน
♨ส่วนเรื่องข้อห้ามข้อควรระวังก็มีหลายเรื่องก่อนนี้ผมก็เคยเขียนเรื่องออนเซ็นไปบ้างเหมือนกันเพื่อนๆ ลองอ่านที่นี่ครับ ( แช่ออนเซ็นกินซูชิ กับ Mr.Leon )
ทีนี้ที่คิวชูเองก็มีออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแหล่งมาก ทั้งเบบปุ ยูฟูอิน หรือแหล่งแช่น้ำแร่ออนเซ็นที่จังหวัดคุมาโมโต้ แต่อย่างที่เล่าไปอาทิตย์ที่แล้วว่าผมไปพักที่จังหวัดนางาซากิ และฟุกุโอกะ จังหวัดระหว่างทางไปนางาซากิและฟุกุโอกะคือผ่านจังหวัด Saga ที่นี่ก็มีเมืองน้ำแร่ออนเซ็นเช่นกันแถมยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมาก ชนบทๆ แต่มีกลิ่นอายธรรมชาติมากๆ ด้วยครับเมืองนี้ชื่อว่าเมืองออนเซ็น อุเรชิโนะ (嬉野温泉 URESHINO ONSEN) เป็นเมืองออนเซ็นที่มีน้ำแร่ธรรมชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะคิวชู (九州 Kyushu) และเป็นหนึ่งใน 3 ออนเซ็นในญี่ปุ่น ที่มีความเชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำแร่ที่ดีที่สุดสำหรับการฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณ (日本三大美肌の湯・Top 3 Bihada Hot Spring) ที่นี่มีแหล่งน้ำแร่มากถึง 17 แหล่งที่มีน้ำมากตลอดเวลา และออริจินอลน้ำพุร้อนอาจจะมีอุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส เลยครับ
เมื่อ 1,800 ปีก่อนมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีจิงงุ 神功皇后 Jingū Kougou พระองค์เป็นหนึ่งในจักรพรรดินีในตำนานของญี่ปุ่นด้วยครับ พระองค์เป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิชูไอ ที่สวรรคตก่อนพระมเหสี โดยไม่มีรัชทายาท จึงทำให้จักรพรรดินีจิงงุซึ่งขณะนั้นกำลังทรงพระครรภ์อยู่ ต้องขึ้นว่าราชการแทนในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไปจนพระองค์เสด็จสวรรคต
ในรัชสมัยของพระองค์นั้นยังคงมีการทำสงครามระหว่างเมืองอยู่ ช่วงนั้นพระองค์ได้ใช้เวลา 3 ปีในการพิชิตแว่นแคว้นหนึ่งซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์คาดว่าน่าจะเป็นเกาหลี เล่ากันว่าครั้งหนึ่งหลังจากเสร็จภาระกิจสงคราม กองทัพของพระองค์ได้มีการเคลื่อนทัพผ่านมาที่เมืองนี้ ( อุเรชิโนะ) ตอนนั้นระหว่างที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ก็เห็นนกกระเรียนขาวที่ได้รับบาดเจ็บมาบินร่อนลงแช่ตัวในบ่อน้ำร้อนบริเวณนั้น พอนกกระเรียนบินขึ้นจากน้ำกลับมีเรี่ยวแรงกระปี้กระเปร่า แผลก็ถูกสมานให้หายไปได้ ท่านเห็นดังนั้นแล้วจึงลงแช่น้ำบ้าง ก็พบว่าผิวพรรณสวยสดใสขึ้นโดยพลัน ท่านสั่งให้เหล่าทหารที่บาดเจ็บมีบาดแผลแช่น้ำก็มีอาการดีขึ้นกันทุกคน จึงพูดกันว่า Ureshiino → " ดีใจมากเลย เยี่ยมมาก " เรื่องเล่าขานกันมาแบบนี้ฟังดูเหมือนนิยายนะครับ แต่ที่ผมไปลองแช่ดูก็ไม่ต่างจากคำบรรยายเลย ผิวผมผุดผ่องเป็นสาวใสเลยทีเดียว คิดว่าถ้าพอมีเวลาต้องหาโอกาสไปอีกแน่ๆ (´ ∀` ; )
種田山頭火 Taneda Santōka เป็นนักประพันธ์ที่ถือว่ามีชื่อเสียงมากๆ ของญี่ปุ่น ถ้าเทียบกับเมืองไทยอาจจะประมาณสุนทรภู่กระมังครับ ท่านเป็นนักกวีไฮกุ ที่เขียนบทกวีมากกว่า 80,000 บท Mr.Taneda Santōka เกิดวันที่ 3 ธันวาคม 1882 อย่างที่บอกไปว่าเขาได้แต่งบทกวีที่มีชื่อเสียงไว้มากมาย บทกวีไฮกุ รูปแบบใหม่ๆ ที่ต้องเขียนแนวธรรมชาติและฤดูกาลก็บรรยายได้อย่างสละสลวยกินใจ เช่น บทกวีไฮกุต่อไปนี้เขาเขียนตอนที่เขามาเยือน อุเรชิโนะ บทกวีนี้คือ 湯壺から 桜ふくらんだ Yutsubo kara sakura fukuranda ความหมายของไฮกุบางครั้งแปลออกมาตรงๆ ยากมาก จากความหมายของกวีข้างต้นที่กล่าวถึง " จากบ่อน้ำแร่ ซากุระดอกตูม " พอจะตีความหมายได้ประมาณว่า ได้ชื่นชมความสวยงามของดอกซากุระกับบรรยากาศอันสุนทรีในบ่อน้ำพุร้อน แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ช่วงนั้นมีความสุขสนุกมากทีเดียว พอดีช่วงที่ผมไปดอกซากุระยังคงบานสวยสะพรั่ง ผมเดินไปเจอป้ายหินแกะสลักบทกวีนี้ไว้ที่หน้าร้านด้วย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีใจเพราะผมรู้สึกชื่นชอบเขามาก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยความที่บทกวีเขากินใจ แล้วชีวิตและไลฟสไตล์เขาคล้ายผมเลย
Taneda Santōka เขาเคยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวาเซดะ แต่ช่วงอายุสัก 19-20 ปี ฐานะทางบ้านของเขาที่เคยร่ำรวยมากกลับล้มละลายจากเรื่องทางธุรกิจของที่บ้าน ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วกลับบ้านเกิด จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ได้แต่ขีดๆ เขียนๆ และรับแปลเอกสารบ้าง ช่วงอายุเกือบๆ 33 ปี เขาเปิดร้านขายเหล้ากับพ่อแต่ก็ไปไม่รอด จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่คิวชูที่จังหวัดคุมาโมโต้กับภรรยาและพยายามทำธุรกิจหลายอย่างก็เจ๊งเกือบหมด จนเมื่อเขาอายุเกือบๆ 40 ปี ก็คิดสั้นไปกระโดรถไฟฆ่าตัวตายแต่รถไฟหยุดทัน จึงไม่ตายครับ วันนั้นเขาถูกรุมเลยก็ว่าได้ที่ตัดสินใจทำแบบนั้น แต่ในวันนั้นเองคนที่มามุงดูด้วยเป็นเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ซึ่งภายหลังเพื่อนฝากให้เขาได้บวชเป็นพระ ได้สักสองปีก็อยู่ไม่ได้อีก หนีจากชีวิตพระ เป็นวนิพกพเนจรไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่นเขียนกลอนไฮคุ นั่นเองคือจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาที่ทำให้เขากลายเป็นนักกวีที่มีชื่อเสียงมากในเวลาต่อมา
Taneda Santōka เขียนบรรยายความสวยงามของอุเรชิโนะในบทกวีไฮคุข้างต้นเป็นอีกเหตหนึ่งที่ผมอยากมาที่นี่ครับ บ่อน้ำแร่ออนเซ็นของเมืองนี้สามารถพักค้างคืนหรือแช่แบบไม่ต้องค้างก็ได้ เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นนอกจากจะชำระเงินเมื่อจะใช้บริการแล้วที่นี่จะมีตั๋วสำหรับเข้าเรียวกังที่เปิดให้แช่น้ำแร่โดยไม่ต้องค้างคืนก็ได้ แพ็กเกจหนึ่งชุดมีตั๋วใบเล็กๆ 12 ใบให้มาพร้อมลิสรายการและสถานที่สำหรับแช่น้ำแร่ บางสำนักอาจต้องใช้ตั๋วใบเล็กๆ 5 ใบหรือ 6 ใบแล้วแต่สถานที่ ดังนั้นถ้าเรามี 12 ใบอย่างน้อยเราก็เข้าเรียวกังที่เราสนใจได้ 2 ที่ ซึ่งการซื้อตั๋วแบบแพ็กเกจนี้จะถูกกว่าไปชำระเงินที่เรียวกัง (โรงแรมแบบญี่ปุ่น)นั้นๆ อยู่นิดหน่อยครับ
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีชื่อเสียงเพราะเป็นแหล่งผลิตชาเขียวอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย ท่านจะเห็นไร่ชา และร้านขายชาเขียวหลายร้านเลยล่ะครับ หรือถ้าท่านใดอยากจะไปเดินกินลมชมบรรยากาศธรรมชาติๆ ดูภูเขาต้นไม้ดอกไม้ โดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำ Ureshino-gawa ก็สวยงาม แถมที่นี่มีบริการบ่อน้ำแร่สำหรับแช่เท้า 足湯 Ashiyu ฟรีหลายจุด ที่นอกจากฟรีแล้วบางแห่งเปิด 24 ชั่วโมงอีกด้วยล่ะครับ ใครเดินมาเมื่อยๆ ก็นั่งพักหย่อนเท้าลงแช่สบายใจเลยครับ สำหรับอาหารขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นที่นี่ก็ยังเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ คือเมนูเต้าหู้ที่ทำจากน้ำแร่ที่แหล่งน้ำแร่อุเรชิโนะนี่เอง รสชาติจืดแต่ทานแล้วแบบรู้เลยว่าของดีมีประโยชน์ ท่านใดไม่ชอบจืดๆ เขาก็มีน้ำจิ้มรสชาติดีให้ทานคู่กันครับ
เพื่อนๆ อยากไปลองแช่ออนเซ็นดูไหมครับ ถ้ายังไม่กล้าถอดทั้งหมดลองแช่เฉพาะเท้าดูก่อนก็ได้นะ ถ้าใครได้ไปเที่ยวแถวคิวชูอย่าลืมลองแวะเที่ยวอุเรชิโนะดูนะครับวันนี้สวัสดีครับ
เพื่อนๆ รู้ไหมครับว่าน้ำแร่ออนเซ็นที่มีแร่ธาตุจากธรรมชาติแท้ๆ นั้นเมื่อแช่แล้วจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการแช่น้ำร้อนจากน้ำธรรมดาทั่วไปอย่างไร ถ้าใครมีโอกาสลองสังเกตุดูนะครับว่าน้ำร้อนที่เราๆ แช่พอเราลุกขึ้นเราจะรู้สึกหนาว แต่ถ้าเราแช่น้ำแร่จากธรรมชาติหรือออนเซ็นแท้ๆ เนี่ยพอเราลุกขึ้นร่างกายเราจะอุ่น แม้ว่าเราแช่ในที่อากาศหนาวแต่ร่างกายเราจะอบอุ่นไปพักใหญ่ๆ เลยเชียว นอกจากนั้นแร่ธาตุต่างๆ ยังช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยให้เราผ่อนคลาย และบำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่องแบบนี้สาวๆ น่าจะชอบนะครับ หลายๆ ท่านคงเคยแช่ออนเซ็นกันบ้างแล้วและน่าจะพอรู้จักกฏการใช้ออนเซ็นกันบ้างแล้ว แต่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ ผมแนะนำคร่าวๆ ครับ
♨ส่วนใหญ่จะแยกบ่อน้ำแร่ระหว่างชายหญิงชัดเจนดังนั้นเข้าให้ถูกนะครับ และอาจจะมีการสลับกันตามวันด้วยดังนั้นอย่าเผลอเข้าตามความเคยชินล่ะ ถ้าหนุ่มๆ เข้าผิดห้องแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็อาจจะโดนจับได้นะเออ ดังนั้นอยากให้เพื่อนๆ มาจำตัวอักษรคันจิญี่ปุ่น กันสักหน่อยครับกันพลาด
「男」Otoko คือ ผู้ชาย และ「女」Onna คือ ผู้หญิง
♨ เมื่อถอดเสื้อผ้าเก็บในล็อกเกอร์แล้ว เราต้องทำการชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนลงแช่ออนเซ็น ถือเป็นมารยาทที่ดีและเป็นการปรับอุณหภูมิร่างกายก่อนจะลงแช่ออนเซ็นด้วยครับ เพราะหากลงแช่ออนเซ็นทันทีเลยด้วยความที่น้ำมันค่อนข้างร้อนมากอาจจะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและถึงขั้นช็อกได้แต่ก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ
♨ขณะลงแช่ออนเซ็นควรค่อยๆ ลงแช่ครึ่งตัวก่อนเพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิ แล้วค่อยหย่อนตัวทั้งตัว ไม่ควรลงแช่อย่างรวดเร็วทั้งตัวนะครับร่างกายจะปรับอุณหภูมิไม่ทัน
♨ส่วนเรื่องข้อห้ามข้อควรระวังก็มีหลายเรื่องก่อนนี้ผมก็เคยเขียนเรื่องออนเซ็นไปบ้างเหมือนกันเพื่อนๆ ลองอ่านที่นี่ครับ ( แช่ออนเซ็นกินซูชิ กับ Mr.Leon )
ทีนี้ที่คิวชูเองก็มีออนเซ็นที่มีชื่อเสียงอยู่หลายแหล่งมาก ทั้งเบบปุ ยูฟูอิน หรือแหล่งแช่น้ำแร่ออนเซ็นที่จังหวัดคุมาโมโต้ แต่อย่างที่เล่าไปอาทิตย์ที่แล้วว่าผมไปพักที่จังหวัดนางาซากิ และฟุกุโอกะ จังหวัดระหว่างทางไปนางาซากิและฟุกุโอกะคือผ่านจังหวัด Saga ที่นี่ก็มีเมืองน้ำแร่ออนเซ็นเช่นกันแถมยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมาก ชนบทๆ แต่มีกลิ่นอายธรรมชาติมากๆ ด้วยครับเมืองนี้ชื่อว่าเมืองออนเซ็น อุเรชิโนะ (嬉野温泉 URESHINO ONSEN) เป็นเมืองออนเซ็นที่มีน้ำแร่ธรรมชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะคิวชู (九州 Kyushu) และเป็นหนึ่งใน 3 ออนเซ็นในญี่ปุ่น ที่มีความเชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำแร่ที่ดีที่สุดสำหรับการฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณ (日本三大美肌の湯・Top 3 Bihada Hot Spring) ที่นี่มีแหล่งน้ำแร่มากถึง 17 แหล่งที่มีน้ำมากตลอดเวลา และออริจินอลน้ำพุร้อนอาจจะมีอุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส เลยครับ
เมื่อ 1,800 ปีก่อนมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีจิงงุ 神功皇后 Jingū Kougou พระองค์เป็นหนึ่งในจักรพรรดินีในตำนานของญี่ปุ่นด้วยครับ พระองค์เป็นพระอัครมเหสีในสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิชูไอ ที่สวรรคตก่อนพระมเหสี โดยไม่มีรัชทายาท จึงทำให้จักรพรรดินีจิงงุซึ่งขณะนั้นกำลังทรงพระครรภ์อยู่ ต้องขึ้นว่าราชการแทนในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไปจนพระองค์เสด็จสวรรคต
ในรัชสมัยของพระองค์นั้นยังคงมีการทำสงครามระหว่างเมืองอยู่ ช่วงนั้นพระองค์ได้ใช้เวลา 3 ปีในการพิชิตแว่นแคว้นหนึ่งซึ่งจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์คาดว่าน่าจะเป็นเกาหลี เล่ากันว่าครั้งหนึ่งหลังจากเสร็จภาระกิจสงคราม กองทัพของพระองค์ได้มีการเคลื่อนทัพผ่านมาที่เมืองนี้ ( อุเรชิโนะ) ตอนนั้นระหว่างที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ก็เห็นนกกระเรียนขาวที่ได้รับบาดเจ็บมาบินร่อนลงแช่ตัวในบ่อน้ำร้อนบริเวณนั้น พอนกกระเรียนบินขึ้นจากน้ำกลับมีเรี่ยวแรงกระปี้กระเปร่า แผลก็ถูกสมานให้หายไปได้ ท่านเห็นดังนั้นแล้วจึงลงแช่น้ำบ้าง ก็พบว่าผิวพรรณสวยสดใสขึ้นโดยพลัน ท่านสั่งให้เหล่าทหารที่บาดเจ็บมีบาดแผลแช่น้ำก็มีอาการดีขึ้นกันทุกคน จึงพูดกันว่า Ureshiino → " ดีใจมากเลย เยี่ยมมาก " เรื่องเล่าขานกันมาแบบนี้ฟังดูเหมือนนิยายนะครับ แต่ที่ผมไปลองแช่ดูก็ไม่ต่างจากคำบรรยายเลย ผิวผมผุดผ่องเป็นสาวใสเลยทีเดียว คิดว่าถ้าพอมีเวลาต้องหาโอกาสไปอีกแน่ๆ (´ ∀` ; )
種田山頭火 Taneda Santōka เป็นนักประพันธ์ที่ถือว่ามีชื่อเสียงมากๆ ของญี่ปุ่น ถ้าเทียบกับเมืองไทยอาจจะประมาณสุนทรภู่กระมังครับ ท่านเป็นนักกวีไฮกุ ที่เขียนบทกวีมากกว่า 80,000 บท Mr.Taneda Santōka เกิดวันที่ 3 ธันวาคม 1882 อย่างที่บอกไปว่าเขาได้แต่งบทกวีที่มีชื่อเสียงไว้มากมาย บทกวีไฮกุ รูปแบบใหม่ๆ ที่ต้องเขียนแนวธรรมชาติและฤดูกาลก็บรรยายได้อย่างสละสลวยกินใจ เช่น บทกวีไฮกุต่อไปนี้เขาเขียนตอนที่เขามาเยือน อุเรชิโนะ บทกวีนี้คือ 湯壺から 桜ふくらんだ Yutsubo kara sakura fukuranda ความหมายของไฮกุบางครั้งแปลออกมาตรงๆ ยากมาก จากความหมายของกวีข้างต้นที่กล่าวถึง " จากบ่อน้ำแร่ ซากุระดอกตูม " พอจะตีความหมายได้ประมาณว่า ได้ชื่นชมความสวยงามของดอกซากุระกับบรรยากาศอันสุนทรีในบ่อน้ำพุร้อน แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ช่วงนั้นมีความสุขสนุกมากทีเดียว พอดีช่วงที่ผมไปดอกซากุระยังคงบานสวยสะพรั่ง ผมเดินไปเจอป้ายหินแกะสลักบทกวีนี้ไว้ที่หน้าร้านด้วย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีใจเพราะผมรู้สึกชื่นชอบเขามาก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยความที่บทกวีเขากินใจ แล้วชีวิตและไลฟสไตล์เขาคล้ายผมเลย
Taneda Santōka เขาเคยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวาเซดะ แต่ช่วงอายุสัก 19-20 ปี ฐานะทางบ้านของเขาที่เคยร่ำรวยมากกลับล้มละลายจากเรื่องทางธุรกิจของที่บ้าน ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วกลับบ้านเกิด จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ได้แต่ขีดๆ เขียนๆ และรับแปลเอกสารบ้าง ช่วงอายุเกือบๆ 33 ปี เขาเปิดร้านขายเหล้ากับพ่อแต่ก็ไปไม่รอด จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่คิวชูที่จังหวัดคุมาโมโต้กับภรรยาและพยายามทำธุรกิจหลายอย่างก็เจ๊งเกือบหมด จนเมื่อเขาอายุเกือบๆ 40 ปี ก็คิดสั้นไปกระโดรถไฟฆ่าตัวตายแต่รถไฟหยุดทัน จึงไม่ตายครับ วันนั้นเขาถูกรุมเลยก็ว่าได้ที่ตัดสินใจทำแบบนั้น แต่ในวันนั้นเองคนที่มามุงดูด้วยเป็นเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ซึ่งภายหลังเพื่อนฝากให้เขาได้บวชเป็นพระ ได้สักสองปีก็อยู่ไม่ได้อีก หนีจากชีวิตพระ เป็นวนิพกพเนจรไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่นเขียนกลอนไฮคุ นั่นเองคือจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาที่ทำให้เขากลายเป็นนักกวีที่มีชื่อเสียงมากในเวลาต่อมา
Taneda Santōka เขียนบรรยายความสวยงามของอุเรชิโนะในบทกวีไฮคุข้างต้นเป็นอีกเหตหนึ่งที่ผมอยากมาที่นี่ครับ บ่อน้ำแร่ออนเซ็นของเมืองนี้สามารถพักค้างคืนหรือแช่แบบไม่ต้องค้างก็ได้ เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นนอกจากจะชำระเงินเมื่อจะใช้บริการแล้วที่นี่จะมีตั๋วสำหรับเข้าเรียวกังที่เปิดให้แช่น้ำแร่โดยไม่ต้องค้างคืนก็ได้ แพ็กเกจหนึ่งชุดมีตั๋วใบเล็กๆ 12 ใบให้มาพร้อมลิสรายการและสถานที่สำหรับแช่น้ำแร่ บางสำนักอาจต้องใช้ตั๋วใบเล็กๆ 5 ใบหรือ 6 ใบแล้วแต่สถานที่ ดังนั้นถ้าเรามี 12 ใบอย่างน้อยเราก็เข้าเรียวกังที่เราสนใจได้ 2 ที่ ซึ่งการซื้อตั๋วแบบแพ็กเกจนี้จะถูกกว่าไปชำระเงินที่เรียวกัง (โรงแรมแบบญี่ปุ่น)นั้นๆ อยู่นิดหน่อยครับ
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีชื่อเสียงเพราะเป็นแหล่งผลิตชาเขียวอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วย ท่านจะเห็นไร่ชา และร้านขายชาเขียวหลายร้านเลยล่ะครับ หรือถ้าท่านใดอยากจะไปเดินกินลมชมบรรยากาศธรรมชาติๆ ดูภูเขาต้นไม้ดอกไม้ โดยเฉพาะบริเวณริมแม่น้ำ Ureshino-gawa ก็สวยงาม แถมที่นี่มีบริการบ่อน้ำแร่สำหรับแช่เท้า 足湯 Ashiyu ฟรีหลายจุด ที่นอกจากฟรีแล้วบางแห่งเปิด 24 ชั่วโมงอีกด้วยล่ะครับ ใครเดินมาเมื่อยๆ ก็นั่งพักหย่อนเท้าลงแช่สบายใจเลยครับ สำหรับอาหารขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นที่นี่ก็ยังเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ คือเมนูเต้าหู้ที่ทำจากน้ำแร่ที่แหล่งน้ำแร่อุเรชิโนะนี่เอง รสชาติจืดแต่ทานแล้วแบบรู้เลยว่าของดีมีประโยชน์ ท่านใดไม่ชอบจืดๆ เขาก็มีน้ำจิ้มรสชาติดีให้ทานคู่กันครับ
เพื่อนๆ อยากไปลองแช่ออนเซ็นดูไหมครับ ถ้ายังไม่กล้าถอดทั้งหมดลองแช่เฉพาะเท้าดูก่อนก็ได้นะ ถ้าใครได้ไปเที่ยวแถวคิวชูอย่าลืมลองแวะเที่ยวอุเรชิโนะดูนะครับวันนี้สวัสดีครับ
