คนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเกือบทุกคน ต้องมีภูเขาไฟฟูจิเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปให้ได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องเห็นฟูจิด้วยตาตัวเองสักครั้ง อย่าว่าแต่ชาวต่างชาติเลย คนญี่ปุ่นเองเขาก็อยากเห็นกันเหมือนกัน เพราะไม่ใช่ว่าฟูจังซังจะมองเห็นได้จากทุกจังหวัดของประเทศ อีกหนึ่งอย่างที่เป็นสิ่งที่ต้องทำในการมาญี่ปุ่นก็คือ การได้นั่งชินคันเซ็น หนึ่งในรถไฟความเร็วสูงที่เร็วที่สุดในโลก แต่รู้หรือเปล่าว่า เราสามารถทำทั้งสองอย่างพร้อมๆ กันได้ วันนี้เราเลยจะมาเฉลยเทคนิค ต้องนั่งชินคันเซ็นสายไหน นั่งตรงไหน แล้วจะถ่ายรูปฟูจิซังให้ออกมาสวยเป๊ะได้จากตรงไหนกันดี
นั่งตรงไหนถึงจะเห็นภูเขาไฟฟูจิ?
รถไฟชินคันเซ็นที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ก็คือ รถไฟชินคันเซ็นสาย "Tokaido" ส่วนที่นั่งที่สามารถมองเห็นได้จะเริ่มตั้งแต่ ที่นั่งแถวที่ 2 โดยที่นั่งจะไล่จากที่นั่ง A, B, C, D, E ที่นั่งที่อยู่ริมหน้าต่างก็คือ A และ E แต่ถ้าใครอยากมองเห็นฟูจิซังละก็ ต้องเลือกจองที่นั่ง E เท่านั้น ที่นั่งในรถไฟชินคันเซ็นนั้นมักจะเริ่มเต็มจากที่นั่งฝั่งหน้าต่างก่อนเสมอ ถ้าใครไม่อยากพลาดก็แนะนำให้จองกันตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าเป็นที่นั่งเบาะ E ละก็ เพื่อนๆ จะนั่งแถวไหนก็ไม่มีปัญหา ชินคันเซ็นสาย Tokaido ขาขึ้นจะวิ่งจาก (Shin Osaka→Tokyo) ส่วนขาลงจะวิ่งจาก (Tokyo→Shin Osaka) แต่ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง ที่นั่งที่จะเห็นได้ชัดสุดก็คือ E เหมือนกัน และที่สำคัญกว่าการจองที่นั่งได้ก็คือ อากาศต้องดีท้องฟ้าต้องเปิด! เพราะรถไฟชินคันเซ็นจะวิ่งด้วยความเร็วที่สูงมาก ดังนั้นถ้าหากมีเมฆ ทัศนวิสัยไม่ดี หรือมีฝนตกเพียงแค่เล็กน้อย ก็จะทำให้มองเห็นฟูจิซังได้ยากขึ้นแล้ว ส่วนถ้าใครอยากเห็นฟูจิซังที่มีหิมะปกคลุมอยู่ด้านบน ก็ต้องเลือกมาตอนช่วงฤดูหนาวถึงใบไม้ผลิของญี่ปุ่น
แล้วจะเห็นภูเขาไฟฟูจิตอนไหน
หากอากาศดีละก็ จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ทั้งจากขาขึ้นและขาลง แต่หากอยากจะถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิให้ออกมาสวยๆ แล้ว แนะนำให้เลือกถ่ายจากตอนขาขึ้น (Shin Osaka→Tokyo) จะได้รูปออกมาสวยกว่า แถมยังไม่มีอะไรมาบังอีกต่างหาก มองเห็นได้ตั้งแต่ยอดเขาจนถึงตีนเขาเลยละ แต่บอกไว้ก่อนว่าโอกาสที่จะเห็นภาพฟูจิซังสวยๆ แบบนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น!! เราจะต้องเตรียมกล้องให้พร้อม และศึกษาช่วงเวลาในการถ่ายให้ดีกันตั้งแต่ตอนขึ้นรถเลย ในกรณีของรถไฟชินคันเซ็นสาย Tokaido รุ่น Nozomi จะเริ่มมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้หลังจากออกจากสถานี Shin Osaka มาแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ตอนผ่านสถานี Shizuoka พอออกจากสถานี Shizuoka มาแล้ว หลังจากลอดผ่านอุโมงค์ ก็ให้เอาหน้าแนบหน้าต่างรอไว้ได้เลย เพราะตอนนี้เราจะผ่านแม่น้ำฟูจิ ซึ่งตรงนี้จะสามารถมองเห็นฟูจิซังได้สวยพอสมควร
แต่หลังจากออกจากสถานี Shin Osaka มาแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที แถวๆ สถานี Shin Fuji ตรงนี้แหละจะเป็นจุดที่เหมาะกับการกดชัตเตอร์ที่สุด!! ตรงบริเวณสถานี Shin Fuji จะมีผนังกันเสียงและโซนโรงงานอยู่ซึ่งจะบังสายตาทำให้มองไม่เห็นทิวทัศน์ของฟูจิซังอยู่ แต่จะมีเพียงแค่แว็บเดียวเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นฟูจิซังได้แบบชัดๆ เต็มๆ ซึ่งก็คือช่วงเวลาหลังจากออกจากสถานี Shin Osaka มาแล้วได้ประมาณ 1 ชั่วโมง 40-45 นาที ต้องบอกเลยว่าต้องจับตามองเตรียมตัวกันให้พร้อมจริงๆ เพราะช่วงเวลาที่จะมองเห็นได้เต็มๆ แบบไม่มีอะไรมากั้นนั้นมีเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
จะเตรียมตัวได้โดยดูจากอะไรละ?
ตอนขาลง (Tokyo→Shin Osaka) ถ้าเราอยากเห็นฟูจิซังแล้วละก็ หลังจากออกจากสถานีโตเกียวมาได้ประมาณ 35 นาที จะเป็นช่วงที่จะผ่านสถานี Atami พอถึงตอนนี้เราก็เตรียมสแตนด์บายไว้ได้เลย ตรงหัวและท้ายขบวนจะมีป้ายไฟแนะนำสถานีถัดไปใช่มั้ยละ
เราสามารถเตรียมตัวได้โดยดูจากป้ายไฟแนะนำนี้เลย เมื่อเราเริ่มมองเห็นฟูจิซังจากด้านหน้าก็ให้เตรียมกล้องพร้อมถ่ายได้เลย หลังจากออกจากสถานีโตเกียวมาได้ประมาณ 45 นาที ก็จะเป็นช่วงที่จะผ่านสถานี Shin Fuji รถไฟขาลงนี้มีที่กั้นต่างๆ เยอะมาก หาจังหวะถ่ายรูปได้ยากกว่าขาขึ้นเสียอีก ยังไงก็เตรียมกล้องรอกันให้ดี
ใช้มือถือก็ถ่ายได้เหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นกล้อง DSLR กล้องคอมแพ็ค หรือกล้องจากมือถือ ก็สามารถถ่ายรูปฟูจิซังได้เหมือนกัน เพียงแต่มีเคล็ดลับอยู่ที่จะต้องถ่ายโดยเอาเลนส์แนบไปที่กระจกให้แนบสนิท หากมีช่องว่างระหว่างตัวเลนส์กับกระจกเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้รูปของเรามีเงาสะท้อนของกระจกติดมาด้วยนั่นเอง อีกหนึ่งเคล็ดลับก็คือ ให้ใช้โหมดถ่ายภาพต่อเนื่องในการถ่าย เพราะช่วงเวลาที่จะเห็นฟูจิซังได้นั้นมีแค่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ถ่ายมาหลายๆ รูปไว้เลย รับรองว่ามันต้องมีสักรูปแล้วที่ออกมาสวยถูกใจ และถ้าหากกล้องใครสามารถเซ็ต exposure ได้ ก็ให้ปรับให้ต่ำไว้สักเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่อากาศดี ถ้าหากไม่ปรับกล้องไว้ให้มืดสักนิดนึง ภาพที่ได้จะออกมาสว่างขาวจนเกินไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ anngle.org