ญี่ปุ่นเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ในเดือนเมษายน ในปีนี้แนวโน้มของเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งจากนโยบานยกระตุ้นเศรษฐกิจ "อะเบะโนมิกส์" ที่เริ่มไม่มีผลตอบรับ รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และ จีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของญี่ปุ่น
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นระบุกับสถานีโทรทัศน์ NHK ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าการส่งออกที่คึกคักจะส่งผลดีมากแค่ไหนต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวในระดับปานกลางมาประมาณหนึ่งปีแล้ว เพราะการส่งออกของภาคการผลิตเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศแข็งแกร่ง คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในจังหวะที่รวดเร็วในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2560
ปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศ คือ นโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ซึ่งเคยให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายหลายประการที่อาจส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ เช่น การลงทุนมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในสาธารณูปโภคของสหรัฐและการลดภาษีนิติบุคคล หากมีการปฏิบัติตามนโยบายเหล่านี้และเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งปัจจุบันเติบโตในอัตราประมาณร้อยละ 2 สามารถขยายตัวไปได้ถึงร้อยละ 4 ตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยประกาศเอาไว้ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็จะได้รับอานิสงส์เป็นอันมาก
อย่างไรก็ตาม นโยบายของทรัมป์หลายอย่างอาจทำให้เขามีปัญหาในการทำงานกับรัฐสภา ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถทำตามนโยบายที่เขาวางไว้ได้ และในที่สุดแล้วคำมั่นที่เขาเคยให้ไว้คงจะลงเอยด้วยความผิดหวัง
ส่วนในยุโรป อังกฤษจะเริ่มเจรจาเพื่อถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป แต่คาดว่าปัจจัยที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมากกว่า คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม
ทั้งนี้ หากนางมารีน เลอ เป็น หัวหน้าพรรคแนวร่วมแห่งชาติซึ่งมีแนวนโยบายขวาจัดชนะเลือกตั้ง และดำเนินนโยบายคุ้มครองทางการค้า มีความกังวลกันว่าไม่เพียงแต่เฉพาะฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ชาติอื่น ๆ ในยุโรปก็จะมีท่าทีลังเลที่จะดำเนินมาตรการการค้าเสรีด้วย
ด้านความเปลี่ยนแปลงในประเทศจีน บรรดาสมาชิกคณะกรมการเมืองหรือโปลิตบูโรและคณะกรรมการประจำของสภาประชาชนแห่งชาติจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกโฉมเมื่อมีการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงปลายปีนี้ โดยจะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมด ยกเว้นประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของจีน
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า สถานการณ์ทางการเมืองในต่างประเทศจะมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปีงบประมาณ 2560 สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้น เขาชี้ว่าจะมีการเจรจาเรื่องค่าจ้างของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม หากการปรับขึ้นค่าจ้างสูงกว่าตัวเลขการขึ้นค่าจ้างเมื่อปีที่แล้ว การเติบโตของการใช้จ่ายส่วนบุคคลอาจจะเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราประกอบไปด้วย และว่าหากเงินเยนแข็งค่าขึ้นไปอีกจะส่งผลต่อการส่งออกของญี่ปุ่น และถ้าเงินเยนอ่อนค่าลงไปก็จะทำให้ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้น ทำให้อัตราการเพิ่มของราคาปรับตัวขึ้นไปและส่งผลกระทบต่อความรู้สึกต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ผู้เชี่ยวชาญเสนอว่า หากต้องการสร้างหลักประกันว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเติบโตต่อไปได้อย่างมีเสถียรภาพ ก็จะต้องมีการดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการเพิ่มการผลิตต่อหัว ซึ่งจะเพิ่มรายรับของบริษัท และจะนำไปสู่การขึ้นค่าจ้างต่อไป