บทประพันธ์ของ คิคุฉิ คัน* (ค.ศ.1888-1948)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
6
คำบอกเล่าของนักศึกษาที่เขาตัดสินใจเอ่ยทักยืนยันว่าโฉมงามผู้มาถึงฌาปนสถานสายกว่ากำหนดการชื่อรุริโกะจริง ๆ ดังที่ชินอิชิโรคิดในแวบแรกที่เห็น เขาจึงซักต่อ
“คุณนายรุริโกะคนนี้คงจะไม่ค่อยสนิทสนมกับอะโอะมากนักซินะครับ”
“อะไรได้ คุณไม่รู้อะไร สองคนนั่นสนิทกันยังกับอะไรดีมาสักครึ่งปีได้ แต่ก็นั่นแหละ วงสมาคมของคุณนายคนนี้กว้างขวางจะตาย ผมเองก็สนิทกับเธอพอ ๆ กับอะโอะกินั่นแหละครับ”
นักศึกษาหนุ่มตอบด้วยท่าทีภูมิอกภูมิใจที่ได้ชื่อว่าอยู่กลุ่มเพื่อนที่คบหากันสนิทสนมกับสุภาพสตรีโฉมงามผู้นี้
“อย่างนี้ทางครอบครัวคงให้อิสระเธอพอดูเลยนะครับ”
“อิสระเต็มที่เลยละคุณ หลังจากที่คุณโจเฮตายไป คุณนายก็ทำอะไร ๆ ได้ตามใจชอบทุกอย่าง”
“อ้าว เธอเป็นแม่ม่ายหรอกหรือครับ” ชินอิชิโรเพราะเป็นเรื่องเกินความคาดหมายไปมาก
“ใช่ครับ แต่งกันสักราวครึ่งปี สามีก็ตายจาก ลูกชายคนโตที่เกิดจากภรรยาคนแรกก็ ขอโทษเถอะครับ... บ้า ๆ บอ ๆ ตอนนี้ครอบครัวโชดะก็เลยมีแต่คุณนายคนนี้ กับลูกเลี้ยงอายุ 19 ปีที่ชื่อมินะโกะเท่านั้น คุณนายเธอไม่ได้หย่า จึงตกที่นั่งต้องดูแลทรัพย์สมบัติของครอบครัวและลูกสาวของสามีในฐานะผู้มีสิทธิเป็นแม่”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง คุณรุริโกะแต่งงานเข้าไปภรรยาคนที่สองของบ้าน ทั้ง ๆ ที่งามและสาวพริ้งอย่างนั้น” ชินอิชิโรพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
นักศึกษาหนุ่มตั้งท่าจะอธิบายอะไรเพิ่มตรงจุดนี้ แต่ก็พอดีทั้งสองเดินมาถึงที่จอดรถไฟอะโอะยะมะ อิจโจเมะเสียก่อน ชายหนุ่มแสดงให้เห็นว่าอยากขึ้นรถไฟฟ้าที่กำลังจะออกจากสถานีไปยังชิโอะมะจิคันนี้โดยเร่งฝีเท้าเดินดุ่มไปข้างหน้า
ชินอิชิโรใช้โอกาสในวินาทีสุดท้าย ก้าวเข้าไปประชิดตัวแล้วบอกตัดสินใจขอร้องว่า
“ขอโทษนะครับที่ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย คือผมมีธุระบางอย่างกับคุณนายคนนี้จึงอยากพบเธอสักครั้ง คุณจะช่วยแนะนำให้เธอรู้จักผมหน่อยได้ไหม”
นักศึกษาเกือบจะปล่อยยิ้มเชิงดูหมิ่นชินอิชิโรเจ้าของคำขออย่างทื่อ ๆ คนนี้ว่า นายนี่ก็เหมือนกับหนุ่มหน้ามลคนอื่น ๆ ที่อยากเข้าไปอยู่ในแวดวงคนใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่ม่ายโฉมงามนั่นแหละ แต่ก็กัดริมฝีปากยั้งไว้ได้ทัน
“ผมแนะนำไม่ได้หรอกครับถ้าไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร และไม่รู้รายละเอียดว่าคุณมีจุดประสงค์อะไร แต่ทว่า คุณนายโชดะเธอไม่เหมือนคุณนายธรรมดา ๆ บ้านอื่น อย่างคุณถ้าเข้าไปขอพบโดยไม่บอกกล่าว เธอก็คงให้พบหรอก บ้านเธออยู่โคจิมะจิ โกะบันโจ นี่เองครับ”
ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนกระโดดขึ้นรถไฟฟ้าไปอย่างคล่องแคล่วทันเวลารถออกจากสถานีพอดี
ชินอิชิโรรู้สึกเคืองไม่น้อยที่คู่สนทนาพูดทิ้งท้ายอย่างไม่ใยดีเช่นนั้น เขายืนนิ่งคิดทบทวนอยู่ตรงนั้น แล้วก็นึกอายที่ตนเองผลีผลามเข้าไปทักนักศึกษาคนนั้นด้วยท่าทางที่อาจถูกมองว่าเป็นนักข่าวมารยาททรามหรืออะไรสักอย่างประมาณนั้น โทษตัวเองว่าถึงอยากจะรู้ชื่อเจ้าหล่อนสักเพียงไรก็น่าจะทำอะไรให้ดูดีกว่านี้
แต่ไม่นานความขัดเคืองค่อย ๆ จางหายไป และมีความพึงพอใจที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงที่ชื่อขึ้นมาบ้าง เข้ามาแทนที่
ยิ่งคิดว่า ผู้หญิงที่ชื่อรุริโกะผู้นี้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมกับการน่าจะเจ้าของนาฬิกาข้อมือที่ยังอยู่ในห่อผ้าเช็ดหน้าที่เขาซุกไว้ก้นกระเป๋าเรือนนี้ด้วยแล้วชินอิชิโรก็ยิ่งปิติยินดียิ่งนัก
นาฬิกาเรือนทองคำขาวสลักลวดลายมีดสั้นช่างเหมาะเหลือเกินกับรูปลักษณ์ของคุณนายรุริโกะที่เขาเห็นวันนี้ หากวันนี้เขานำนาฬิกาเรือนนี้ไปคืน เธอผู้เป็นเจ้าของคงจะรับคืนไปด้วยน้ำตาแห่งความอาลัยถึงผู้ตายเป็นแน่
คงจะกล่าวคำแสดงความซาบซึ้งตรึงใจไปกับดวงชะตาที่ชักจูงเขากับชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายให้มาพบกันอย่างน่าประหลาด คิดขึ้นมาถึงตรงนี้ ภาพของคุณนายในอากัปกิริยาอันสง่างามก็ค่อย ๆ ผ่านเข้ามาในห้วงคิดของชินอิชิโรเป็นฉาก ๆ ทำให้อยากพบเธอโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ รถไฟฟ้าสายคุดัน-เรียวโคะกุที่แล่นเข้ามาเทียบสถานีช่วยให้เขาตัดสินใจได้ในทันทีนั้น รถไฟฟ้าคันนี้จะพาเขาตรงไปถึงโคจิมะจิ โกะบันโจโดยไม่ต้องต่อรถสักครั้งเดียว
7
รถไฟฟ้าแล่นผ่านอะกะซะกะมิสึเกะ มิยะเกะซะกะ ใกล้โคจิมะจิ โกะบันโจ เข้าไปเพียงไร ภาพทุกอิริยาบทที่งานพิธีศพของรุริโกะในห้วงคิดของเขาก็ยิ่งชัดเจนงดงามขึ้นเพียงนั้น ไม่นานชินอิชิโรก็เริ่มรู้สึกว่าภาพเงาของคุณนายโฉมงามผู้นี้ได้เข้าไปจับจองครองใจเขามากไปกว่านาฬิกาที่ต้องคืนเจ้าของเรือนนั้นเสียแล้ว เหมือนมีอะไรที่ไม่บริสุทธิ์แอบแฝงเข้ามา มโนธรรมเตือนเสียงฝาด
“เจ้าอยากพบคุณนายคนนั้นไม่ใช่เพราะจะเอานาฬิกาไปคืน แต่เอาเรื่องนาฬิกาบังหน้าเพราะอยากพบหน้าคุณนายหรือมิใช่”
ความงามของผู้หญิงชื่อรุริโกะดึงดูดใจในเวลาเดียวกันก็ทรมานใจชินอิชิโรจนร้อนรนไปหมด เขาพยายามสลัดภาพเจ้าหล่อนออกจากห้วงคิดแต่ก็ยากยิ่ง พร่ำบอกตัวเองว่าเรามีหน้าที่แค่เอานาฬิกามาคืนเจ้าของตามคำสั่งเสียของหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้น เท่านั้นเอง คุณนายโชดะ รุริโอะจะเป็นผู้หญิงแบบไหน สวยหรือไม่เพียงไรไม่ใช่ปัญหาที่เขาจะต้องใส่ใจ ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณนายคนนี้เป็นเจ้าของนาฬิกาจริงหรือไม่เท่านั้นเอง ไปพบและไต่ถามให้แน่ใจ ถ้าเจ้าหล่อนเป็นเจ้าของตัวจริง ก็คืนนาฬิกาให้ไปก็เป็นอันหมดหน้าที่รับผิดชอบเพียงเท่านั้น แต่ยิ่งตัดอกตัดใจจากภาพคุณนายวัยงามแสนสวยที่ย่างกรายงามสง่าราวนางพญานกยูงขาวบริสุทธิ์เพียงไร ภาพนั้นก็ยิ่งชัดเจนและฝังลงไปสลักแน่นอยู่ในเบื้องลึกของดวงตายิ่งขึ้นเพียงนั้น
รถไฟฟ้าแล่นผ่านป่าซากุระหน้าสถานทูตอังกฤษ หมู่ไม้ผลิใบอ่อนเล่นลมฤดูร้อนสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ เรียบไปตามคันคูรอบพระราชวังหลวงที่ปกคลุมด้วยหญ้าเขียวขจีสวยสด ชินอิชิโรกระโดดลงทันทีที่รถจอด ลงไปยืนสงบสติอารมณ์ที่ออกจะสั่นไหวเพราะความตื่นเต้นนิด ๆ เป็นครู่ ตรงริมถนนใหญ่ของย่านโกะบันโจที่กระทบแสงแดดจัดดูขาวโพลนอยู่ตรงหน้า เขารู้ทั้งรู้ว่าการไปเยือนใครสักคนโดยไม่บอกกล่าวนั้นเป็นการเสียมารยาทของสุภาพบุรุษเพียงใด อย่างน้อยก็ควรส่งจดหมายไปขอนัดล่วงหน้าอย่างที่ใคร ๆ เขาทำกันเป็นปกติ แต่ทว่าถ้ามาตามขั้นตอนที่ถูกต้องเป็นทางการเช่นนั้นแล้วถูกปฏิเสธก็เป็นอันว่าไม่ต้องมาพูดกันอีก การมาอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้กลับทำให้มีโอกาสพบง่าย ๆ กว่าที่คิดก็ได้ ยิ่งเพิ่งกลับจากงานพิธีศพอย่างตอนนี้ เจ้าหล่อนคงจะยังคิดถึงชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายอยู่เป็นแน่ และเมื่อรู้ว่าเขามาด้วยธุระของผู้ตาย ก็คงจะให้การต้อนรับด้วยดี คิดได้ดังนั้นชินอิชิโรก็รวบรวมความกล้าที่ทำท่าว่าจะถดถอยไปขึ้นมาอีกครั้ง แล้วออกเดินจากถนนใหญ่มองหาบ้านของครอบครัวโชดะไปตามถนนซอยและละแวกบ้านบริเวณนั้น แต่เดินหาอย่างละเอียดยิบไปจนทั่วย่านโกะบันโจครึ่งชั่วโมงก็ปรากฏว่าคว้าน้ำเหลวเพราะไม่พบป้ายชื่อโชดะที่บ้านไหนสักหลังเดียว ในที่สุดก็ตัดสินใจถามเด็กหนุ่มที่ที่ทางเป็นพนักงานร้านค้าที่ให้บริการรับสั่งของตามบ้านคนหนึ่งที่พอดีเดินสวนมา
“อ๋อ คุณโชดะหรือครับ คฤหาสน์แบบฝรั่งก่ออิฐสีขาวที่อยู่ตรงหน้าสถานีนั่นเลยละครับ”
เด็กหนุ่มตอบทันทีอย่างคนที่รู้จักพื้นที่นี้เป็นอย่างดี
ความจริงชินอิชิโรเห็นคฤหาสน์หลังนั้นแล้วทันทีที่ลงจากรถไฟ แต่ไม่คิดฝันเลยว่า ตึกฝรั่งหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้ร่มครึ้มเขียวขจี อยู่ลึกเข้าไปสุดถนนที่ทอดผ่านระหว่างแนวต้นเมเปิลสองข้างทางจากประตูหินแกรนิตใหญ่โตน่าเกรงขามเข้าไปถึงตัวบ้าน ตึกฝรั่งสง่างามที่ข่มคฤหาสน์ที่ล้วนแล้วแต่ใหญ่โตในละแวกบ้านให้เล็กลงถนัดใจหลังนั้น คือบ้านของคุณนายโชดะ
ชินอิชิโรตื่นตาตื่นใจกับความหรูหราใหญ่โตโอฬารเกินคาดจนต้องหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่เป็นครู่ แม้จะมองไม่เห็นทางที่ทอดผ่านสนามหญ้าเขียวขจีเลี้ยวเข้าไปเทียบจอดที่หน้าตัวตึก แต่อาคารก่อด้วยอิฐสีขาวแบบโกธิคของยุโรปโบราณก็ยังเป็นที่ตะลึงลานแก่ผู้พบเห็น ผ้าบังตาสีฟ้าที่หน้าต่างชั้นบนที่เปิดทิ้งไว้ไหวไปตามแรงลมน่าสบาย แค่เห็นเก้าอี้หวายบุนวมสีสดที่วางอยู่บนระเบียงชั้นบนเท่านั้นก็พอจะรู้ว่าเจ้าของคฤหาสถ์เป็นสุภาพสตรีเลอโฉมเพียงใด
ชินอิชิโรลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ดี จะส่งจดหมายขอนัดล่วงหน้าดีไหมหรือไม่ต้อง ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับเพราะยังทำใจกล้าให้เข้าไปในคฤหาสน์ใหญ่โตหลังนี้ไม่ได้นั้นเอง เขาแว่วเสียงเปียนโนดังกังวานหวานจับใจราวสายน้ำบริสุทธิ์ที่พุพ้นผิวดินผ่านมาตามแมกไม้
ความงามสง่าทรงเสน่ห์ของคุณนายรุริโกะจับใจชินอิชิโรจนไม่อาจรอวันเวลาที่จะไปพบเจ้าหล่อนให้ได้โดยเร็ว มิใยว่ามโนธรรมจะร้องเตือนว่า“เจ้าอยากพบคุณนายคนนั้นไม่ใช่เพราะจะเอานาฬิกาไปคืน แต่เอาเรื่องนาฬิกาบังหน้าเพราะอยากพบหน้าคุณนายหรือมิใช่” แว่วเสียงเปียนโนแล้วคงไม่นานคงได้เจอกัน...เชิญติดตาม
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
"คุณนายไข่มุก เธอทั้งสวยและสูงศักดิ์ สวรรค์ให้เธอมามาก แต่ถึงเวลาเอาคืน....?"
6
คำบอกเล่าของนักศึกษาที่เขาตัดสินใจเอ่ยทักยืนยันว่าโฉมงามผู้มาถึงฌาปนสถานสายกว่ากำหนดการชื่อรุริโกะจริง ๆ ดังที่ชินอิชิโรคิดในแวบแรกที่เห็น เขาจึงซักต่อ
“คุณนายรุริโกะคนนี้คงจะไม่ค่อยสนิทสนมกับอะโอะมากนักซินะครับ”
“อะไรได้ คุณไม่รู้อะไร สองคนนั่นสนิทกันยังกับอะไรดีมาสักครึ่งปีได้ แต่ก็นั่นแหละ วงสมาคมของคุณนายคนนี้กว้างขวางจะตาย ผมเองก็สนิทกับเธอพอ ๆ กับอะโอะกินั่นแหละครับ”
นักศึกษาหนุ่มตอบด้วยท่าทีภูมิอกภูมิใจที่ได้ชื่อว่าอยู่กลุ่มเพื่อนที่คบหากันสนิทสนมกับสุภาพสตรีโฉมงามผู้นี้
“อย่างนี้ทางครอบครัวคงให้อิสระเธอพอดูเลยนะครับ”
“อิสระเต็มที่เลยละคุณ หลังจากที่คุณโจเฮตายไป คุณนายก็ทำอะไร ๆ ได้ตามใจชอบทุกอย่าง”
“อ้าว เธอเป็นแม่ม่ายหรอกหรือครับ” ชินอิชิโรเพราะเป็นเรื่องเกินความคาดหมายไปมาก
“ใช่ครับ แต่งกันสักราวครึ่งปี สามีก็ตายจาก ลูกชายคนโตที่เกิดจากภรรยาคนแรกก็ ขอโทษเถอะครับ... บ้า ๆ บอ ๆ ตอนนี้ครอบครัวโชดะก็เลยมีแต่คุณนายคนนี้ กับลูกเลี้ยงอายุ 19 ปีที่ชื่อมินะโกะเท่านั้น คุณนายเธอไม่ได้หย่า จึงตกที่นั่งต้องดูแลทรัพย์สมบัติของครอบครัวและลูกสาวของสามีในฐานะผู้มีสิทธิเป็นแม่”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง คุณรุริโกะแต่งงานเข้าไปภรรยาคนที่สองของบ้าน ทั้ง ๆ ที่งามและสาวพริ้งอย่างนั้น” ชินอิชิโรพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
นักศึกษาหนุ่มตั้งท่าจะอธิบายอะไรเพิ่มตรงจุดนี้ แต่ก็พอดีทั้งสองเดินมาถึงที่จอดรถไฟอะโอะยะมะ อิจโจเมะเสียก่อน ชายหนุ่มแสดงให้เห็นว่าอยากขึ้นรถไฟฟ้าที่กำลังจะออกจากสถานีไปยังชิโอะมะจิคันนี้โดยเร่งฝีเท้าเดินดุ่มไปข้างหน้า
ชินอิชิโรใช้โอกาสในวินาทีสุดท้าย ก้าวเข้าไปประชิดตัวแล้วบอกตัดสินใจขอร้องว่า
“ขอโทษนะครับที่ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย คือผมมีธุระบางอย่างกับคุณนายคนนี้จึงอยากพบเธอสักครั้ง คุณจะช่วยแนะนำให้เธอรู้จักผมหน่อยได้ไหม”
นักศึกษาเกือบจะปล่อยยิ้มเชิงดูหมิ่นชินอิชิโรเจ้าของคำขออย่างทื่อ ๆ คนนี้ว่า นายนี่ก็เหมือนกับหนุ่มหน้ามลคนอื่น ๆ ที่อยากเข้าไปอยู่ในแวดวงคนใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่ม่ายโฉมงามนั่นแหละ แต่ก็กัดริมฝีปากยั้งไว้ได้ทัน
“ผมแนะนำไม่ได้หรอกครับถ้าไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร และไม่รู้รายละเอียดว่าคุณมีจุดประสงค์อะไร แต่ทว่า คุณนายโชดะเธอไม่เหมือนคุณนายธรรมดา ๆ บ้านอื่น อย่างคุณถ้าเข้าไปขอพบโดยไม่บอกกล่าว เธอก็คงให้พบหรอก บ้านเธออยู่โคจิมะจิ โกะบันโจ นี่เองครับ”
ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนกระโดดขึ้นรถไฟฟ้าไปอย่างคล่องแคล่วทันเวลารถออกจากสถานีพอดี
ชินอิชิโรรู้สึกเคืองไม่น้อยที่คู่สนทนาพูดทิ้งท้ายอย่างไม่ใยดีเช่นนั้น เขายืนนิ่งคิดทบทวนอยู่ตรงนั้น แล้วก็นึกอายที่ตนเองผลีผลามเข้าไปทักนักศึกษาคนนั้นด้วยท่าทางที่อาจถูกมองว่าเป็นนักข่าวมารยาททรามหรืออะไรสักอย่างประมาณนั้น โทษตัวเองว่าถึงอยากจะรู้ชื่อเจ้าหล่อนสักเพียงไรก็น่าจะทำอะไรให้ดูดีกว่านี้
แต่ไม่นานความขัดเคืองค่อย ๆ จางหายไป และมีความพึงพอใจที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงที่ชื่อขึ้นมาบ้าง เข้ามาแทนที่
ยิ่งคิดว่า ผู้หญิงที่ชื่อรุริโกะผู้นี้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมกับการน่าจะเจ้าของนาฬิกาข้อมือที่ยังอยู่ในห่อผ้าเช็ดหน้าที่เขาซุกไว้ก้นกระเป๋าเรือนนี้ด้วยแล้วชินอิชิโรก็ยิ่งปิติยินดียิ่งนัก
นาฬิกาเรือนทองคำขาวสลักลวดลายมีดสั้นช่างเหมาะเหลือเกินกับรูปลักษณ์ของคุณนายรุริโกะที่เขาเห็นวันนี้ หากวันนี้เขานำนาฬิกาเรือนนี้ไปคืน เธอผู้เป็นเจ้าของคงจะรับคืนไปด้วยน้ำตาแห่งความอาลัยถึงผู้ตายเป็นแน่
คงจะกล่าวคำแสดงความซาบซึ้งตรึงใจไปกับดวงชะตาที่ชักจูงเขากับชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายให้มาพบกันอย่างน่าประหลาด คิดขึ้นมาถึงตรงนี้ ภาพของคุณนายในอากัปกิริยาอันสง่างามก็ค่อย ๆ ผ่านเข้ามาในห้วงคิดของชินอิชิโรเป็นฉาก ๆ ทำให้อยากพบเธอโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ รถไฟฟ้าสายคุดัน-เรียวโคะกุที่แล่นเข้ามาเทียบสถานีช่วยให้เขาตัดสินใจได้ในทันทีนั้น รถไฟฟ้าคันนี้จะพาเขาตรงไปถึงโคจิมะจิ โกะบันโจโดยไม่ต้องต่อรถสักครั้งเดียว
7
รถไฟฟ้าแล่นผ่านอะกะซะกะมิสึเกะ มิยะเกะซะกะ ใกล้โคจิมะจิ โกะบันโจ เข้าไปเพียงไร ภาพทุกอิริยาบทที่งานพิธีศพของรุริโกะในห้วงคิดของเขาก็ยิ่งชัดเจนงดงามขึ้นเพียงนั้น ไม่นานชินอิชิโรก็เริ่มรู้สึกว่าภาพเงาของคุณนายโฉมงามผู้นี้ได้เข้าไปจับจองครองใจเขามากไปกว่านาฬิกาที่ต้องคืนเจ้าของเรือนนั้นเสียแล้ว เหมือนมีอะไรที่ไม่บริสุทธิ์แอบแฝงเข้ามา มโนธรรมเตือนเสียงฝาด
“เจ้าอยากพบคุณนายคนนั้นไม่ใช่เพราะจะเอานาฬิกาไปคืน แต่เอาเรื่องนาฬิกาบังหน้าเพราะอยากพบหน้าคุณนายหรือมิใช่”
ความงามของผู้หญิงชื่อรุริโกะดึงดูดใจในเวลาเดียวกันก็ทรมานใจชินอิชิโรจนร้อนรนไปหมด เขาพยายามสลัดภาพเจ้าหล่อนออกจากห้วงคิดแต่ก็ยากยิ่ง พร่ำบอกตัวเองว่าเรามีหน้าที่แค่เอานาฬิกามาคืนเจ้าของตามคำสั่งเสียของหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้น เท่านั้นเอง คุณนายโชดะ รุริโอะจะเป็นผู้หญิงแบบไหน สวยหรือไม่เพียงไรไม่ใช่ปัญหาที่เขาจะต้องใส่ใจ ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณนายคนนี้เป็นเจ้าของนาฬิกาจริงหรือไม่เท่านั้นเอง ไปพบและไต่ถามให้แน่ใจ ถ้าเจ้าหล่อนเป็นเจ้าของตัวจริง ก็คืนนาฬิกาให้ไปก็เป็นอันหมดหน้าที่รับผิดชอบเพียงเท่านั้น แต่ยิ่งตัดอกตัดใจจากภาพคุณนายวัยงามแสนสวยที่ย่างกรายงามสง่าราวนางพญานกยูงขาวบริสุทธิ์เพียงไร ภาพนั้นก็ยิ่งชัดเจนและฝังลงไปสลักแน่นอยู่ในเบื้องลึกของดวงตายิ่งขึ้นเพียงนั้น
รถไฟฟ้าแล่นผ่านป่าซากุระหน้าสถานทูตอังกฤษ หมู่ไม้ผลิใบอ่อนเล่นลมฤดูร้อนสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ เรียบไปตามคันคูรอบพระราชวังหลวงที่ปกคลุมด้วยหญ้าเขียวขจีสวยสด ชินอิชิโรกระโดดลงทันทีที่รถจอด ลงไปยืนสงบสติอารมณ์ที่ออกจะสั่นไหวเพราะความตื่นเต้นนิด ๆ เป็นครู่ ตรงริมถนนใหญ่ของย่านโกะบันโจที่กระทบแสงแดดจัดดูขาวโพลนอยู่ตรงหน้า เขารู้ทั้งรู้ว่าการไปเยือนใครสักคนโดยไม่บอกกล่าวนั้นเป็นการเสียมารยาทของสุภาพบุรุษเพียงใด อย่างน้อยก็ควรส่งจดหมายไปขอนัดล่วงหน้าอย่างที่ใคร ๆ เขาทำกันเป็นปกติ แต่ทว่าถ้ามาตามขั้นตอนที่ถูกต้องเป็นทางการเช่นนั้นแล้วถูกปฏิเสธก็เป็นอันว่าไม่ต้องมาพูดกันอีก การมาอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้กลับทำให้มีโอกาสพบง่าย ๆ กว่าที่คิดก็ได้ ยิ่งเพิ่งกลับจากงานพิธีศพอย่างตอนนี้ เจ้าหล่อนคงจะยังคิดถึงชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายอยู่เป็นแน่ และเมื่อรู้ว่าเขามาด้วยธุระของผู้ตาย ก็คงจะให้การต้อนรับด้วยดี คิดได้ดังนั้นชินอิชิโรก็รวบรวมความกล้าที่ทำท่าว่าจะถดถอยไปขึ้นมาอีกครั้ง แล้วออกเดินจากถนนใหญ่มองหาบ้านของครอบครัวโชดะไปตามถนนซอยและละแวกบ้านบริเวณนั้น แต่เดินหาอย่างละเอียดยิบไปจนทั่วย่านโกะบันโจครึ่งชั่วโมงก็ปรากฏว่าคว้าน้ำเหลวเพราะไม่พบป้ายชื่อโชดะที่บ้านไหนสักหลังเดียว ในที่สุดก็ตัดสินใจถามเด็กหนุ่มที่ที่ทางเป็นพนักงานร้านค้าที่ให้บริการรับสั่งของตามบ้านคนหนึ่งที่พอดีเดินสวนมา
“อ๋อ คุณโชดะหรือครับ คฤหาสน์แบบฝรั่งก่ออิฐสีขาวที่อยู่ตรงหน้าสถานีนั่นเลยละครับ”
เด็กหนุ่มตอบทันทีอย่างคนที่รู้จักพื้นที่นี้เป็นอย่างดี
ความจริงชินอิชิโรเห็นคฤหาสน์หลังนั้นแล้วทันทีที่ลงจากรถไฟ แต่ไม่คิดฝันเลยว่า ตึกฝรั่งหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้ร่มครึ้มเขียวขจี อยู่ลึกเข้าไปสุดถนนที่ทอดผ่านระหว่างแนวต้นเมเปิลสองข้างทางจากประตูหินแกรนิตใหญ่โตน่าเกรงขามเข้าไปถึงตัวบ้าน ตึกฝรั่งสง่างามที่ข่มคฤหาสน์ที่ล้วนแล้วแต่ใหญ่โตในละแวกบ้านให้เล็กลงถนัดใจหลังนั้น คือบ้านของคุณนายโชดะ
ชินอิชิโรตื่นตาตื่นใจกับความหรูหราใหญ่โตโอฬารเกินคาดจนต้องหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่เป็นครู่ แม้จะมองไม่เห็นทางที่ทอดผ่านสนามหญ้าเขียวขจีเลี้ยวเข้าไปเทียบจอดที่หน้าตัวตึก แต่อาคารก่อด้วยอิฐสีขาวแบบโกธิคของยุโรปโบราณก็ยังเป็นที่ตะลึงลานแก่ผู้พบเห็น ผ้าบังตาสีฟ้าที่หน้าต่างชั้นบนที่เปิดทิ้งไว้ไหวไปตามแรงลมน่าสบาย แค่เห็นเก้าอี้หวายบุนวมสีสดที่วางอยู่บนระเบียงชั้นบนเท่านั้นก็พอจะรู้ว่าเจ้าของคฤหาสถ์เป็นสุภาพสตรีเลอโฉมเพียงใด
ชินอิชิโรลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ดี จะส่งจดหมายขอนัดล่วงหน้าดีไหมหรือไม่ต้อง ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับเพราะยังทำใจกล้าให้เข้าไปในคฤหาสน์ใหญ่โตหลังนี้ไม่ได้นั้นเอง เขาแว่วเสียงเปียนโนดังกังวานหวานจับใจราวสายน้ำบริสุทธิ์ที่พุพ้นผิวดินผ่านมาตามแมกไม้
ความงามสง่าทรงเสน่ห์ของคุณนายรุริโกะจับใจชินอิชิโรจนไม่อาจรอวันเวลาที่จะไปพบเจ้าหล่อนให้ได้โดยเร็ว มิใยว่ามโนธรรมจะร้องเตือนว่า“เจ้าอยากพบคุณนายคนนั้นไม่ใช่เพราะจะเอานาฬิกาไปคืน แต่เอาเรื่องนาฬิกาบังหน้าเพราะอยากพบหน้าคุณนายหรือมิใช่” แว่วเสียงเปียนโนแล้วคงไม่นานคงได้เจอกัน...เชิญติดตาม