การเสด็จฯเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระจักรพรรดิ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น อาจเป็นพระราชภารกิจครั้งสุดท้ายในสถานะพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น และพระองค์ปรารถนาจะเดินทางมาประเทศไทย เพราะความรักและผูกพัน
หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชินบุน รายงานข่าวการเสด็จฯ กลับถึงญี่ปุ่นของสมเด็จพระจักรพรรดิ และ สมเด็จพระจักรพรรดินี เมื่อค่ำวันที่ 6 มีนาคม หลังจากทั้งสองพระองค์เสด็จฯ เยือนเวียดนาม และ ไทย รวมเวลา 7 วัน
สื่อมวลชนญี่ปุ่น ระบุว่า ทั้งสองพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอย่างเต็มความสามารถ จนอาจถือได้ว่า เป็น “ภารกิจที่สำคัญที่สุดในการเสด็จฯเยือนต่างประเทศ” เนื่องจากคาดกันว่า ภารกิจครั้งนี้อาจเป็นพระราชภารกิจครั้งสุดท้ายในสถานะพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น เพราะสมเด็จพระจักรพรรดิได้แสดงพระราชประสงค์ที่จะสละราชสมบัติในปีหน้า และรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังหารือเรื่องนี้อยู่
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักพระราชวังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทั้งสองพระองค์กำหนดภารกิจครั้งนี้ “ด้วยรักและผูกพัน” โดยทรงปรารถนาที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับไทย และ เวียดนาม
พระองค์ทรงทุ่มเทกับพระราชภารกิจครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยที่เวียดนามได้ทรงพบกับแกนนำรัฐบาลและบุคคลสำคัญจำนวนมาก และยังพบกับครอบครัวชาวเวียดนามที่ถูกทอดทิ้งโดยทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลก
ส่วนที่ประเทศไทย ทรงได้พบกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ ทั้ง 2 พระองค์ยังทรงร่วมในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ฝ่ายไทยได้อำนวยความสะดวกให้สมเด็จพระจักรพรรดิ และ สมเด็จพระจักรพรรดินี ทรงมีเวลาแสดงความอาลัยต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอย่างเต็มที่ และยังใช้รถยนต์พระที่นั่งของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นรถพระที่นั่งของสมเด็จพระจักรพรรดิ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีด้วย
สื่อมวลชนญี่ปุ่น ระบุว่า ถึงแม้ทั้ง 2 พระองค์จะมีความเหน็ดเหนื่อยปรากฏบนพระพักตร์ แต่พระองค์ทรงแสดงถึงไมตรีจิตต่อทุกคนที่ใกล้ชิด โดยทรงโบกพระหัตถ์ให้กับองครักษ์จนถึงประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จฯ ตั้งแต่วันแรกจวบจนถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง