สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้วครับ ครั้งที่แล้วผมเล่าเรื่องที่มาที่ไปเกี่ยวกับคาราโอเกะไปนิดหน่อย คาราโอเกะ カラオケ Karaoke นั้นมาจากรากศัพท์คำว่า Kara 空 หรือ カラ หมายถึง ว่างเปล่า และ Oke オーケ ซึ่งย่อจากคำว่า Orchestra オーケストラ หมายถึง ออร์เคสตร้า ตีความได้ว่า "วงออร์เคสตร้าที่เสมือนของจริง" เพราะแม้จะมีแค่คนคนเดียวก็สามารถใช้ทำนองดนตรีและเริ่มต้นร้องไปได้โดยไม่ต้องมีวงดนตรีใดๆ ส่วนใหญ่น่าจะรู้จักกันดีเพราะมีเกือบทุกที่แพร่หลายไปทั่วโลก รวมทั้งที่เมืองไทยด้วย
อาทิตย์ก่อนผมนึกอยากอ่านหนังสือใหม่เล่มหนึ่ง เพิ่งตีพิมพ์ได้ไม่นานเท่าใดนัก ชื่อเรื่อง ダブルマリッジ The Double Marriage เขียนโดย 橘玲 Akira Tachibana เล่มนี้กำลังเป็นหนังสือขายดีที่ญี่ปุ่นครับ ผมอ่านรวดเร็วจบในคืนที่ซื้อมาเลยทีเดียว พอดีกับที่ผมเขียนเรื่องคาระโอเกะพอดี ถ้าใครพอรู้จักสภาพสังคมญี่ปุ่นจะรู้ว่าหนุ่มๆ รุ่นลุงชาวญี่ปุ่นมักจะมีอารมณ์เหงาเปล่าเปลี่ยว เพราะคนช่วงอายุ 50-60 ปีเป็นวัยที่ต้องทำงานหนักมาตลอดจนเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวแม้แต่คนที่แต่งงานแล้วก็ตาม เหตุที่คนสมัยนั้นอดทนได้แม้จะเจอสภาพกดดันเพียงใดเพราะใช้หลักความคิดที่ว่าวันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวานและวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้จึงอดทนเรื่อยมา แต่เด็กๆ รุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยได้คิดเช่นนี้แล้ว ปัจจุบันคนรุ่นอายุ 50 กว่านี้ส่วนใหญ่ไต่เต้าจนเป็นหัวหน้างาน งานอดิเรกที่ลุงๆ พอจะทำได้อย่างหนึ่งอย่างเดียวคงจะเป็นการเล่นกอล์ฟ ซึ่งถ้าคุณเป็นลูกน้องเขาแล้วอยากให้เขาชอบและสนับสนุนคุณ คงต้องทำตามที่เขาชี้แนะและเดินตามทางที่เขาบอก แต่มันก็คือความฝืนใจของเด็กรุ่นใหม่ครับที่เกิดและเติบโตมาคนละเจเนอเรชั่น ทำให้หลายๆ คนไม่ชอบหัวหน้ารุ่นลุงพวกนี้ เป็นอีกประเด็นที่ทำให้หัวหน้าพวกนี้ต้องเหงาใจจริงๆ คือมีความห่างเหินจากคนรอบข้าง ห่างเหินเพราะตัวเองก็ทำงานหนักและไม่ได้ใส่ใจสิ่งอื่นด้วย
พวกเขาจึงพยายามหาที่ หาคนที่คุยกับเขาได้ นั่นคือสาวๆ ในบาร์เบียร์ ซึ่งที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นสาวฟิลิปปินส์ครับ ชาติอื่นๆ ก็มีบ้าง แต่ที่เยอะหน่อยก็สาวจีน ฟิลิปปินส์ เมื่อก่อนผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมลุงๆ จึงชอบไปบาร์เบียร์นัก แต่อาจจะเป็นเพราะลุงมีความเหงาเปล่าเปลี่ยวในใจมากอย่างที่บอกไป แม้ว่าสาวต่างชาติจะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เหมือนคนญี่ปุ่น อาจจะพูดได้แค่ 社長! Shachou, すごい!! Sugoi , 上手!!! Jouzu , หรือคำชมง่ายๆ แต่คุณลุงฟังแล้วมีกำลังใจ คำเดียวกันนี้ถ้าให้คนญี่ปุ่นพูดบางทีลุงอาจจะไม่เชื่อด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่เล่าไปว่าคนเจเนอเรชั่นนี้รักงาน รักบริษัทเป็นชีวิตจิตใจ อุทิศตนเพื่องาน แทบจะเรียกได้ว่าอยู่กับงานจนชีวิตด้านอื่นเกือบจะหายไป รวมทั้งชีวิตครอบครัว แม่บ้านของเลี้ยงลูก ทำงานบ้าน แทบจะไม่ได้เห็นหน้าสามี บางครอบครัวลูกๆ โตขึ้นมาแบบห่างเหินกับพ่อมาก ยิ่งนานวันเข้าลุงก็แทบไม่เหลือความใกล้ชิดหรือคนใกล้ชิด จิตใจก็คูลขึ้นเรื่อยๆ เด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาทำงานก็ไม่ได้สนิทสนมอย่างจริงใจ ลุงก็มีทางเลือกสำหรับตนเองคือ ทนทำงานและอยู่กับงานต่อไป
ดังนั้นในชีวิตการทำงาน ถ้าหัวหน้าชวนไปปาร์ตี้หมายถึงไปทานอาหาร อาจจะไปเป็นกลุ่มหลายๆ คน ไปกินเหล้ากินสาเกก็ให้ไปนะครับ ห้ามปฏิเสธเพราะจะได้เกิดความสนิทสนม และถ้าเขาชวนไปต่อร้านอื่น หลังจากคนส่วนหนึ่งทานร้านแรกเสร็จแล้ว อาจจะชวนไปดื่มสาเก ไปคาราโอเกะหรือบาร์ที่ไหนก็ตามให้ไปเช่นกัน เพราะการไปต่อร้านที่สองคนที่ไปจะเริ่มคุยเรื่องที่ลงลึก หรือเปิดเผยมากกว่าตอนที่คนอยู่เยอะๆ ก็จะยิ่งทำให้สนิทกันมากขึ้นไปอีก
งานที่ผมเคยทำที่ญี่ปุ่นจะต้องคอยซัพพอร์ทการศึกษาของจังหวัด จึงต้องทำงานที่ติดต่อประสานงานกับครูอาจารย์ค่อนข้างเยอะ ตอนที่ผมเข้าทำงานใหม่ๆ เป็นเด็กใหม่หน้าใสอายุยี่สิบต้นๆ ที่ต้องทำงานท่ามกลางลุงที่มีอายุห้าสิบกว่าๆ หลายคน ลุงหลายคนเป็นราชการครู มีพนักงานรุ่นยี่สิบปีแค่ผมคนเดียว ตอนแรกผมก็รู้สึกไม่ดี รู้สึกตัวเล็ก แต่เมื่อไปปาร์ตี้ไปดื่มด้วยกันบ่อยๆ เข้าก็คุยกันได้มากขึ้น เวลาไปดื่มกับพวกลุงๆ ร้านแรกที่ไปจะยังไม่ค่อยสตาร์ทนัก ตอนแรกๆ มีแต่คนชมกันไปมาจนบางทีก็ไม่รู้ว่าที่ชมนั้นจริงใจหรือเปล่า บางทีก็กร่อยๆ ไม่ค่อยสนุก แต่พอไปต่อคาราโอเกะอีกที่ก็เริ่มคุยกันมากขึ้น หัวหน้าที่เป็นคุณครูคนหนึ่งเล่าให้ฟังเรื่องระบำเปลื้องผ้า สมัยที่หัวหน้ายังละอ่อนเพิ่งเข้างานใหม่ๆ เคยถูกชวนไปสปอร์ทคลับ คนที่ชวนไปเป็นรุ่นพี่ จึงปฏิเสธไม่ได้ พอเข้าไปดันบังเอิญเจอครูใหญ่ที่โรงเรียนเดียวกัน ต่างคนต่างตกใจ ครูใหญ่ตอนนั้นบอกหัวหน้าว่า เอ็งดูแค่พอประมาณก็พอนะ อย่าเยอะ ปัจจุบันเขาเองก็เป็นครูใหญ่ แล้วนึกถึงเรื่องสมัยก่อน
และใกล้ๆ สำนักงานที่ผมเคยทำงานอยู่ แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ที่จังหวัดไม่ใหญ่ใกล้ๆโตเกียว ที่นั่นก็มีคนทำอาชีพ 流し Nagashi อยู่บ้างเหมือนกัน คนที่เล่น ดนตรีส่วนใหญ่ร้องเพลงเพราะ และอาชีพพวกนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องหรือมีพรรคมีพวกเป็นยากุซ่าอยู่ด้วย เพราะผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมเคยรู้จักลุงที่เล่น アコーディオン Accordion แล้วแกเล่าว่ามีพวกยากุซ่าชวนไปทำงานด้วยก็งานร้องเพลงงานเล่นเครื่องดนตรีเปิดหมวกนี่แหละ นั่นแสดงให้เห็นอีกอย่างหนึ่งว่าพวกนักร้องนักดนตรีอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องหรือรู้จักมักจี่กับยากุซ่าไม่มากก็น้อย แต่แปลกที่มีบางรายการอย่างรายการเพลง 紅白歌合戦 Kouhaku ที่ญี่ปุ่นงานเพลงช่วงส่งท้ายปีเก่าต้องรับปีใหม่ จัดทุกปียิ่งใหญ่ระดับประเทศ ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม จะแบ่งเป็นทีมหญิง สีแดง และทีมชาย สีขาว นักร้องที่มาออกรายการล้วนแต่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักดีระดับประเทศ คนที่ได้ออกรายการถือว่าได้รับเกียรติมาก ปีก่อนมีเอ็กซ์เจแปนออกด้วย บางปีมีคนบอกนักร้องที่มีความสัมพันธ์กับยากุซ่าจะไม่ได้รับการอนุญาตให้ออกอากาศ แต่อย่างที่บอกครับดารานักร้องกับพวกยากุซ่ามีความสัมพันธ์กันอยู่แล้ว เช็คอย่างไรได้ว่าไม่มี
กลับมาประเด็นที่ว่า ทำไมสาวฟิลิปปินส์เยอะ เมื่อก่อนมีการปล่อยวีซ่าเข้าญี่ปุ่นประเภท เอ็นเตอร์เทนเมนท์วีซ่าให้ชาวฟิลิปปินส์เพื่อเข้ามาทำอาชีพเกี่ยวกับร้องรำทำเพลงหรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์ต่างๆ ผมเรียกว่ามหรสพวีซ่าละครับ เหตุนี้จึงทำให้มีคนฟิลิปินส์ขอวีซ่าและเข้ามาอาศัยทำงานที่ญี่ปุ่นจำนวนมาก จากสถิติสมัยก่อนนะครับปีที่มีคนฟิลิปปินส์เข้ามาอยู่ญี่ปุ่นสูงมากที่สุดเมื่อปี 2004 เป็นปีที่มีคนฟิลิปปินส์เยอะมาก มากถึง 8 หมื่นคน แต่ปัจจุบันคงหลักหลายแสน และเมื่อเข้ามาทำงานก็มีลูกมีหลานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องมีการเลี้ยงดู ต้องมีสวัสดิการ ต้องให้การศึกษา ต้องมีเรื่องรักษาพยาบาลและอื่นๆ อีกมากมายทำให้เริ่มมีปัญหาตามมา ภายหลังจึงยกเลิกการให้วีซ่าประเภทนี้ไป จะมีบ้างก็อาจจะเป็นนักร้องดังระดับโลกที่ต้องการมาอยู่ญี่ปุ่นระยะยาวกระมังครับ แล้วทำไมสาวฟิลิปปินส์จึงช่วยคลายความเหงาลุงๆ ได้ คงเพราะสาวๆ มีความสนุกสนาน เป็นกันเอง เอ็นเตอร์เทนเก่งแม้จะใช้ภาษาง่ายๆ แต่ดูเปิดเผย ร่าเริงเข้ากับลุงได้ดี ทำให้ลูกค้าเข้าร้านกันมาก ช่วยคลายเหงาลุงๆ ได้ นั่นเอง
เมื่อก่อนช่วงที่ผมทำงานฝ่ายทะเบียนคนต่างชาติประจำจังหวัดหนึ่งที่ญี่ปุ่น พบว่ามีคนฟิลิปปินส์มีปัญหาเยอะมาก เช่น บางคนหนีวีซ่าต้องอยู่อย่างผิดกฏหมาย พอมีลูก (ไม่ใช่ลูกครึ่งญี่ปุ่น) ลูกก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปด้วย เด็กๆ ก็ไม่มีโอกาสเหมือนเด็กอื่นๆ ทั่วไป เป็นเรื่องน่าสงสารมาก บางเคสพอรู้จักมักคุ้นกับคนญี่ปุ่นดีก็ใช้ความไว้วางใจให้เพื่อนคนญี่ปุ่นช่วยเซ็นชื่อเป็นคนค้ำประกันเช่าบ้านบ้าง ซื้อของบ้างแต่สุดท้ายก็หนีไป ทิ้งปัญหาไว้ให้คนข้างหลัง อีกเคสเป็นเรื่องที่ผมแปลกใจมากที่มีคู่รักต่างชาติมาขอลงทะเบียนบ้านโดยสาวท้องแก่ชาวฟิลิปปินส์ มากับหนุ่มชาติทางเอเซียใต้ที่หนีวีซ่ามากว่าสิบปี ผมงงมากว่าเค้าหลบอยู่ได้อย่างไรที่ไหน พอจะมีลูกจึงจำเป็นต้องมาแสดงตัวแต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ข่าวคราวของทั้งคู่อีก
เมื่อพูดถึงคาราโอเกะ ที่ญี่ปุ่นทำไมนึกถึงบาร์เบียร์ฟิลิปปินส์? เพราะสาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในร้านคาราโอเกะส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ ร้องเพลงฝรั่งเก่าๆ คลาสสิคที่คนญี่ปุ่นฟังแล้วซาบซึ้งได้เพราะ หลากหลายเพลง นอกจากนิสัยช่างพูดช่างเอาใจ ยังเต้นเก่ง ร่าเริงจึงเป็นที่ถูกใจลุงๆ ผู้ที่มีความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวใจเป็นอย่างมาก
แต่ส่วนตัวผมเองผมไม่ค่อยชอบไปร้านคาราโอเกะที่มีสาวฟิลิปปินส์มาคอยเทคแคร์เพราะผมขี้เกียจมีคนอื่นๆ มาเจ๊าะแจ๊ะแถมยังต้องจ่ายเงินมากขึ้นด้วย อาหารต่างๆ ในบาร์ที่มีสาวอยู่ด้วยก็แพงกว่าร้านทั่วไปมาก
แต่ถ้าเพื่อนๆ ไปญี่ปุ่นหรือทำงานที่ญี่ปุ่น ถ้าหัวหน้าชวนไปเที่ยวบาร์เบียร์สาวฟิลิปปินส์ก็ให้ไปกับเขานะครับ ไม่ใช่ไปดูสาวนะครับไปดูแลหัวหน้าคุณครับ (´ω`●)วันนี้สวัสดีครับ
อาทิตย์ก่อนผมนึกอยากอ่านหนังสือใหม่เล่มหนึ่ง เพิ่งตีพิมพ์ได้ไม่นานเท่าใดนัก ชื่อเรื่อง ダブルマリッジ The Double Marriage เขียนโดย 橘玲 Akira Tachibana เล่มนี้กำลังเป็นหนังสือขายดีที่ญี่ปุ่นครับ ผมอ่านรวดเร็วจบในคืนที่ซื้อมาเลยทีเดียว พอดีกับที่ผมเขียนเรื่องคาระโอเกะพอดี ถ้าใครพอรู้จักสภาพสังคมญี่ปุ่นจะรู้ว่าหนุ่มๆ รุ่นลุงชาวญี่ปุ่นมักจะมีอารมณ์เหงาเปล่าเปลี่ยว เพราะคนช่วงอายุ 50-60 ปีเป็นวัยที่ต้องทำงานหนักมาตลอดจนเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเวลาส่วนตัวแม้แต่คนที่แต่งงานแล้วก็ตาม เหตุที่คนสมัยนั้นอดทนได้แม้จะเจอสภาพกดดันเพียงใดเพราะใช้หลักความคิดที่ว่าวันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวานและวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้จึงอดทนเรื่อยมา แต่เด็กๆ รุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยได้คิดเช่นนี้แล้ว ปัจจุบันคนรุ่นอายุ 50 กว่านี้ส่วนใหญ่ไต่เต้าจนเป็นหัวหน้างาน งานอดิเรกที่ลุงๆ พอจะทำได้อย่างหนึ่งอย่างเดียวคงจะเป็นการเล่นกอล์ฟ ซึ่งถ้าคุณเป็นลูกน้องเขาแล้วอยากให้เขาชอบและสนับสนุนคุณ คงต้องทำตามที่เขาชี้แนะและเดินตามทางที่เขาบอก แต่มันก็คือความฝืนใจของเด็กรุ่นใหม่ครับที่เกิดและเติบโตมาคนละเจเนอเรชั่น ทำให้หลายๆ คนไม่ชอบหัวหน้ารุ่นลุงพวกนี้ เป็นอีกประเด็นที่ทำให้หัวหน้าพวกนี้ต้องเหงาใจจริงๆ คือมีความห่างเหินจากคนรอบข้าง ห่างเหินเพราะตัวเองก็ทำงานหนักและไม่ได้ใส่ใจสิ่งอื่นด้วย
พวกเขาจึงพยายามหาที่ หาคนที่คุยกับเขาได้ นั่นคือสาวๆ ในบาร์เบียร์ ซึ่งที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นสาวฟิลิปปินส์ครับ ชาติอื่นๆ ก็มีบ้าง แต่ที่เยอะหน่อยก็สาวจีน ฟิลิปปินส์ เมื่อก่อนผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมลุงๆ จึงชอบไปบาร์เบียร์นัก แต่อาจจะเป็นเพราะลุงมีความเหงาเปล่าเปลี่ยวในใจมากอย่างที่บอกไป แม้ว่าสาวต่างชาติจะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เหมือนคนญี่ปุ่น อาจจะพูดได้แค่ 社長! Shachou, すごい!! Sugoi , 上手!!! Jouzu , หรือคำชมง่ายๆ แต่คุณลุงฟังแล้วมีกำลังใจ คำเดียวกันนี้ถ้าให้คนญี่ปุ่นพูดบางทีลุงอาจจะไม่เชื่อด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่เล่าไปว่าคนเจเนอเรชั่นนี้รักงาน รักบริษัทเป็นชีวิตจิตใจ อุทิศตนเพื่องาน แทบจะเรียกได้ว่าอยู่กับงานจนชีวิตด้านอื่นเกือบจะหายไป รวมทั้งชีวิตครอบครัว แม่บ้านของเลี้ยงลูก ทำงานบ้าน แทบจะไม่ได้เห็นหน้าสามี บางครอบครัวลูกๆ โตขึ้นมาแบบห่างเหินกับพ่อมาก ยิ่งนานวันเข้าลุงก็แทบไม่เหลือความใกล้ชิดหรือคนใกล้ชิด จิตใจก็คูลขึ้นเรื่อยๆ เด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาทำงานก็ไม่ได้สนิทสนมอย่างจริงใจ ลุงก็มีทางเลือกสำหรับตนเองคือ ทนทำงานและอยู่กับงานต่อไป
ดังนั้นในชีวิตการทำงาน ถ้าหัวหน้าชวนไปปาร์ตี้หมายถึงไปทานอาหาร อาจจะไปเป็นกลุ่มหลายๆ คน ไปกินเหล้ากินสาเกก็ให้ไปนะครับ ห้ามปฏิเสธเพราะจะได้เกิดความสนิทสนม และถ้าเขาชวนไปต่อร้านอื่น หลังจากคนส่วนหนึ่งทานร้านแรกเสร็จแล้ว อาจจะชวนไปดื่มสาเก ไปคาราโอเกะหรือบาร์ที่ไหนก็ตามให้ไปเช่นกัน เพราะการไปต่อร้านที่สองคนที่ไปจะเริ่มคุยเรื่องที่ลงลึก หรือเปิดเผยมากกว่าตอนที่คนอยู่เยอะๆ ก็จะยิ่งทำให้สนิทกันมากขึ้นไปอีก
งานที่ผมเคยทำที่ญี่ปุ่นจะต้องคอยซัพพอร์ทการศึกษาของจังหวัด จึงต้องทำงานที่ติดต่อประสานงานกับครูอาจารย์ค่อนข้างเยอะ ตอนที่ผมเข้าทำงานใหม่ๆ เป็นเด็กใหม่หน้าใสอายุยี่สิบต้นๆ ที่ต้องทำงานท่ามกลางลุงที่มีอายุห้าสิบกว่าๆ หลายคน ลุงหลายคนเป็นราชการครู มีพนักงานรุ่นยี่สิบปีแค่ผมคนเดียว ตอนแรกผมก็รู้สึกไม่ดี รู้สึกตัวเล็ก แต่เมื่อไปปาร์ตี้ไปดื่มด้วยกันบ่อยๆ เข้าก็คุยกันได้มากขึ้น เวลาไปดื่มกับพวกลุงๆ ร้านแรกที่ไปจะยังไม่ค่อยสตาร์ทนัก ตอนแรกๆ มีแต่คนชมกันไปมาจนบางทีก็ไม่รู้ว่าที่ชมนั้นจริงใจหรือเปล่า บางทีก็กร่อยๆ ไม่ค่อยสนุก แต่พอไปต่อคาราโอเกะอีกที่ก็เริ่มคุยกันมากขึ้น หัวหน้าที่เป็นคุณครูคนหนึ่งเล่าให้ฟังเรื่องระบำเปลื้องผ้า สมัยที่หัวหน้ายังละอ่อนเพิ่งเข้างานใหม่ๆ เคยถูกชวนไปสปอร์ทคลับ คนที่ชวนไปเป็นรุ่นพี่ จึงปฏิเสธไม่ได้ พอเข้าไปดันบังเอิญเจอครูใหญ่ที่โรงเรียนเดียวกัน ต่างคนต่างตกใจ ครูใหญ่ตอนนั้นบอกหัวหน้าว่า เอ็งดูแค่พอประมาณก็พอนะ อย่าเยอะ ปัจจุบันเขาเองก็เป็นครูใหญ่ แล้วนึกถึงเรื่องสมัยก่อน
และใกล้ๆ สำนักงานที่ผมเคยทำงานอยู่ แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ที่จังหวัดไม่ใหญ่ใกล้ๆโตเกียว ที่นั่นก็มีคนทำอาชีพ 流し Nagashi อยู่บ้างเหมือนกัน คนที่เล่น ดนตรีส่วนใหญ่ร้องเพลงเพราะ และอาชีพพวกนี้อาจจะมีความเกี่ยวข้องหรือมีพรรคมีพวกเป็นยากุซ่าอยู่ด้วย เพราะผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ผมเคยรู้จักลุงที่เล่น アコーディオン Accordion แล้วแกเล่าว่ามีพวกยากุซ่าชวนไปทำงานด้วยก็งานร้องเพลงงานเล่นเครื่องดนตรีเปิดหมวกนี่แหละ นั่นแสดงให้เห็นอีกอย่างหนึ่งว่าพวกนักร้องนักดนตรีอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีความเกี่ยวข้องหรือรู้จักมักจี่กับยากุซ่าไม่มากก็น้อย แต่แปลกที่มีบางรายการอย่างรายการเพลง 紅白歌合戦 Kouhaku ที่ญี่ปุ่นงานเพลงช่วงส่งท้ายปีเก่าต้องรับปีใหม่ จัดทุกปียิ่งใหญ่ระดับประเทศ ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม จะแบ่งเป็นทีมหญิง สีแดง และทีมชาย สีขาว นักร้องที่มาออกรายการล้วนแต่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักดีระดับประเทศ คนที่ได้ออกรายการถือว่าได้รับเกียรติมาก ปีก่อนมีเอ็กซ์เจแปนออกด้วย บางปีมีคนบอกนักร้องที่มีความสัมพันธ์กับยากุซ่าจะไม่ได้รับการอนุญาตให้ออกอากาศ แต่อย่างที่บอกครับดารานักร้องกับพวกยากุซ่ามีความสัมพันธ์กันอยู่แล้ว เช็คอย่างไรได้ว่าไม่มี
กลับมาประเด็นที่ว่า ทำไมสาวฟิลิปปินส์เยอะ เมื่อก่อนมีการปล่อยวีซ่าเข้าญี่ปุ่นประเภท เอ็นเตอร์เทนเมนท์วีซ่าให้ชาวฟิลิปปินส์เพื่อเข้ามาทำอาชีพเกี่ยวกับร้องรำทำเพลงหรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์ต่างๆ ผมเรียกว่ามหรสพวีซ่าละครับ เหตุนี้จึงทำให้มีคนฟิลิปินส์ขอวีซ่าและเข้ามาอาศัยทำงานที่ญี่ปุ่นจำนวนมาก จากสถิติสมัยก่อนนะครับปีที่มีคนฟิลิปปินส์เข้ามาอยู่ญี่ปุ่นสูงมากที่สุดเมื่อปี 2004 เป็นปีที่มีคนฟิลิปปินส์เยอะมาก มากถึง 8 หมื่นคน แต่ปัจจุบันคงหลักหลายแสน และเมื่อเข้ามาทำงานก็มีลูกมีหลานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องมีการเลี้ยงดู ต้องมีสวัสดิการ ต้องให้การศึกษา ต้องมีเรื่องรักษาพยาบาลและอื่นๆ อีกมากมายทำให้เริ่มมีปัญหาตามมา ภายหลังจึงยกเลิกการให้วีซ่าประเภทนี้ไป จะมีบ้างก็อาจจะเป็นนักร้องดังระดับโลกที่ต้องการมาอยู่ญี่ปุ่นระยะยาวกระมังครับ แล้วทำไมสาวฟิลิปปินส์จึงช่วยคลายความเหงาลุงๆ ได้ คงเพราะสาวๆ มีความสนุกสนาน เป็นกันเอง เอ็นเตอร์เทนเก่งแม้จะใช้ภาษาง่ายๆ แต่ดูเปิดเผย ร่าเริงเข้ากับลุงได้ดี ทำให้ลูกค้าเข้าร้านกันมาก ช่วยคลายเหงาลุงๆ ได้ นั่นเอง
เมื่อก่อนช่วงที่ผมทำงานฝ่ายทะเบียนคนต่างชาติประจำจังหวัดหนึ่งที่ญี่ปุ่น พบว่ามีคนฟิลิปปินส์มีปัญหาเยอะมาก เช่น บางคนหนีวีซ่าต้องอยู่อย่างผิดกฏหมาย พอมีลูก (ไม่ใช่ลูกครึ่งญี่ปุ่น) ลูกก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปด้วย เด็กๆ ก็ไม่มีโอกาสเหมือนเด็กอื่นๆ ทั่วไป เป็นเรื่องน่าสงสารมาก บางเคสพอรู้จักมักคุ้นกับคนญี่ปุ่นดีก็ใช้ความไว้วางใจให้เพื่อนคนญี่ปุ่นช่วยเซ็นชื่อเป็นคนค้ำประกันเช่าบ้านบ้าง ซื้อของบ้างแต่สุดท้ายก็หนีไป ทิ้งปัญหาไว้ให้คนข้างหลัง อีกเคสเป็นเรื่องที่ผมแปลกใจมากที่มีคู่รักต่างชาติมาขอลงทะเบียนบ้านโดยสาวท้องแก่ชาวฟิลิปปินส์ มากับหนุ่มชาติทางเอเซียใต้ที่หนีวีซ่ามากว่าสิบปี ผมงงมากว่าเค้าหลบอยู่ได้อย่างไรที่ไหน พอจะมีลูกจึงจำเป็นต้องมาแสดงตัวแต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ข่าวคราวของทั้งคู่อีก
เมื่อพูดถึงคาราโอเกะ ที่ญี่ปุ่นทำไมนึกถึงบาร์เบียร์ฟิลิปปินส์? เพราะสาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในร้านคาราโอเกะส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ ร้องเพลงฝรั่งเก่าๆ คลาสสิคที่คนญี่ปุ่นฟังแล้วซาบซึ้งได้เพราะ หลากหลายเพลง นอกจากนิสัยช่างพูดช่างเอาใจ ยังเต้นเก่ง ร่าเริงจึงเป็นที่ถูกใจลุงๆ ผู้ที่มีความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวใจเป็นอย่างมาก
แต่ส่วนตัวผมเองผมไม่ค่อยชอบไปร้านคาราโอเกะที่มีสาวฟิลิปปินส์มาคอยเทคแคร์เพราะผมขี้เกียจมีคนอื่นๆ มาเจ๊าะแจ๊ะแถมยังต้องจ่ายเงินมากขึ้นด้วย อาหารต่างๆ ในบาร์ที่มีสาวอยู่ด้วยก็แพงกว่าร้านทั่วไปมาก
แต่ถ้าเพื่อนๆ ไปญี่ปุ่นหรือทำงานที่ญี่ปุ่น ถ้าหัวหน้าชวนไปเที่ยวบาร์เบียร์สาวฟิลิปปินส์ก็ให้ไปกับเขานะครับ ไม่ใช่ไปดูสาวนะครับไปดูแลหัวหน้าคุณครับ (´ω`●)วันนี้สวัสดีครับ