สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบนักเรียนชาวต่างชาติ ที่จะเดินทางมาเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น หลังพบนักเรียนทำงานและพำนักอย่างผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคนไทยลักลอบอาศัยในญี่ปุ่นมากเป็นอันดับที่ 3 ถึงเกือบ 6,000 คน
สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นเปิดเผยสถิติพบว่า มีคนไทย 5,959 คนลักลอบหนีวีซ่า พำนักในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมาย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 12.9% และมากเป็นอันดับที่ 3 ของผู้ที่ทำผิดกฎหมายคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น
อันดับที่ 1 ได้แก่ ชาวเกาหลีหนีวีซ่า 13,412 คน อันดับที่ 2 ชาวจีน 8,741 คน, อันดับที่ 3 คนไทย 5,959 คน อันดับที่ 4 ฟิลิปปินส์ 5,240 คน และอันดับที่ 5 เวียดนาม 3,809 คน ส่วนอินโดนีเซียมีอัตราผู้หนีวีซ่าเพิ่มคนสูงที่สุด 77.1% เป็นจำนวน 2,228 คน
ผลจากการที่มีผู้ลักลอบพำนักอย่างผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นจะตรวจสอบนักเรียนชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเข้มงวดให้มากขึ้น โดยเฉพาะ 5 ประเทศเป้าหมาย คือ จีน เวียดนาม เนปาล พม่า และศรีลังกา
นักเรียนชาวต่างชาติที่เดินทางมายังญี่ปุ่นโดยวีซ่านักเรียนหลายคนมุ่งแต่ทำงาน ไม่ยอมไปโรงเรียนบางคนลาออกจากโรงเรียนกลางคัน และลักลอบทำงานและอาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมายทั้งๆที่วีซ่าหมดอายุแล้ว รวมทั้งทำงานเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนดสัปดาห์ละ 28ชั่วโมงอีกด้วย
ในกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเพิ่มกฎเกณฑ์ให้โรงเรียนสอนภาษาต้องจัดเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อตรวจสอบประวัติของนักเรียนชาวต่างชาติที่สมัครเรียนอย่างเข้มงวด เช่น ให้สถาบันการเงินประเทศประเทศบ้านเกิดต้องทำเอกสารรับรองสถานะทางการเงินของผู้ปกครองนักเรียนอย่างเข้มงวด ทั้งจำนวนเงินคงเหลือในบัญชีและกระแสเงินสดหมุนเวียนเข้าออก เพื่อป้องกันการแต่งบัญชีเพื่อขอวีซ่านักเรียน แล้วมาทำงานหาเงินที่ญี่ปุ่นเป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการคาดโทษโรงเรียนที่มีนักเรียนขาดเรียน หรือลาออกกลางคันเกินกว่า 10 คน โดยไม่มีเหตุผล เช่น เจ็บป่วย หรือ ลาออกไปดูแลพ่อแม่ โดยมีสถาบันการศึกษาเกินกว่าครึ่งที่เข้าข่ายต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด.
