บทประพันธ์ของ เอะโดะงะวะ รัมโปะ
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
ความเดิมของเมื่อตอนที่แล้ว
และแล้วจุดจบของแผนสังหารใต้หลังคาของซะบุโรซึ่งตนเองคิดว่าสมบูรณ์แบบที่สุดไม่มีใครสามารถจับได้ก็มาถึงเมื่อ:
อะเกะชิหยิบบุหรี่แอร์ชิพออกมาจุดสูบ แล้วพูดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ว่า
“ผมสังเกตมาตั้งแต่เจอกันแล้วว่าคุณไม่ได้สูบบุหรี่เลยสักตัว เลิกแล้วรึ”
นึกดูก็จริงอย่างที่อะเกะชิว่า ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ซะบุโรไม่ได้แตะต้องบุหรี่ที่เคยเป็นของโปรดสักตัวเดียว ราวกับลืมมันไปแล้ว
“ตลกนะ ผมลืมเรื่องสูบบุหรี่ไปเลย นี่ขนาดเห็นคุณสูบยังไม่นึกอยาก”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่ได้สูบมาได้ราวสองสามวันแล้ว บุหรี่ชิกิชิมะซองนั้นผมซื้อมาเมื่อวันอาทิตย์ ที่ก็สามวันแล้วยังอยู่เต็มซองเลย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน”
“พอดีกับวันที่นายเอ็นโดตายเลยนะ”
พอได้ยินอะเกะชิพูดเช่นนั้นซะบุโรถึงกับสะดุ้ง แต่ก็ไม่คิดว่าการที่เขาไม่สูบบุหรี่จะเกี่ยวข้องเป็นเหตุเป็นผลอะไรกับการตายของนายเอ็นโด ก็เลยได้แต่หัวเราะแก้เก้อไป แต่พอมาคิดดูภายหลัง นั่นไม่ใช่เรื่องน่าขัน ไม่ใช่เรื่องที่ไร้ความหมายแต่อย่างใด และน่าแปลกที่ซะบุโรกลายเป็นคนเกลียดบุหรี่มาตั้งแต่ครั้งนั้น

ตอนที่ 8 (ตอนจบ)
หลังจากที่ได้พูดคุยกับอะเกะชิ ซะบุโรก็พกเอาเรื่องนาฬิกาปลุกกลับมาเป็นกังวลถึงกับนอนไม่หลับ ความจริงก็ไม่น่าห่วงอะไรเพราะถึงจะสืบรู้ทีหลังว่านายเอ็นโดไม่ได้ฆ่าตัวตาย ก็ไม่ใช่ว่าจะมีหลักฐานอะไรสักอย่างที่จะสาวมาถึงตัวเขาให้ตกเป็นผู้สงสัยได้ แต่พอคิดว่าคนที่รู้ความจริงคืออะเกะชิ เขาก็ไม่อาจทำใจให้สบายได้
ครึ่งเดือนผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหลังจากวันนั้นอะเกะชิที่เขาหวาดกังวลก็ไม่ได้เยี่ยมหน้ามาให้เห็นอีก
“โล่งอกไปที จบบริบูรณ์แล้วทีนี้”
ซะบุโรรู้สึกปลอดโปร่งใจยิ่งนัก เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นเดิมแม้บางครั้งจะต้องหวาดผวากับฝันร้ายบ้างก็ตาม และสิ่งที่ทำให้ซะบุโรมีความสุขอย่างประหลาดก็คือหลังก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนั้นแล้วเขากลับหันไปหาการเที่ยวสนุกที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เขาออกจากหอพักทุกวันและสนุกกับการแวะเวียนไปตามที่เที่ยวต่าง ๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ซะบุโรออกไปเที่ยวเช่นเคยและกลับหอเมื่อราวสี่ทุ่ม พอเข้าห้องได้ก็เตรียมตัวนอนทันที เขาเลื่อนประตูตู้เก็บที่นอนเพื่อดึงที่นอนลงมาปูอย่างที่เคยทำตามปกติ
“จ๊าก” ซะบุโรร้องลั่นตาถลนด้วยความตกใจสุดขีด เซผงะออกมาสองสามก้าว นี่เราฝันไปหรือว่าเป็นบ้าไปแล้ว
ก็...ก็ในตู้เก็บที่นอนนั่น หัวของนายเอ็นโด...นายเอ็นโดที่ตายไปแล้วห้อยร่องแร่งลงมาจากช่องเพดานที่มืดสลัว แกว่งไกวไปมาผมเผ้าฟูเป็นกระเซิง ไม่กลัวจนขนหัวลุกก็ไม่รู้จะว่ายังไง
ซะบุโรเซหลุน ๆ หนีไปจนถึงประตู แต่ก็ได้สติคิดว่าตนเองอาจตาฝาดจึงค่อย ๆ ย่องกลับไปอีกทีอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปในตู้เก็บที่นอน คราวนี้นอกจากจะตาไม่ฝาดแล้วหัวที่ห้อยลงมายังแสยะยิ้มให้เสียด้วย
“จ๊าก” ซะบุโรแผดเสียงดังกว่าเดิม เผ่นทีเดียวถึงประตูห้อง เลื่อนออกแล้วทำท่าจะพุ่งตัวออกไป
“โกดะ โกดะ คุณจะไปไหน”
เสียงเรียกชื่อของซะบุโรดังออกมาจากตู้เก็บที่นอน
“ผมเอง ผมเอง ไม่ต้องหนีไปไหน”
ซะบุโรจำได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของนายเอ็นโดแต่เป็นของใครคนหนึ่งที่ออกจะคุ้นหู ซะบุโรชะงักเท้าที่กำลังจะหนีพ้นออกมาอยู่แล้วเอาไว้ แล้วหันกลับไปมองอย่างหวาด ๆ
“โทษที โทษทีนะ”
คนที่เลื่อนตัวลงมาจากช่องเพดานของตู้เก็บที่นอนเช่นเดียวกับที่ซะบุโรเคยทำอยู่เสมอมาคือคนที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกันตรงนี้...อะเกะชิ โคะโงะโร
“ขอโทษนะที่ทำให้คุณตกใจ” อะเกะชิในชุดเสื้อกางเกงไม่ใช่กิโมโนเช่นเคยก้าวลงมาจากตู้เก็บที่นอน พูดพลางยิ้มกับเจ้าของห้อง “ผมลองแค่อยากทำเอาอย่างคุณดูนิดนึง”
สำหรับซะบุโร นั่นเป็นความจริงที่น่ากลัวกว่าถูกผีหลอกเสียอีก อย่างนี้หมายความว่าอะเกะชิต้องรู้ไม่ว่าอะไรต่ออะไรหมดแล้วแน่ ๆ
ความรู้สึกของซะบุโรตอนนั้นไม่อาจหาดำใดมาบรรยายได้ถูก อะไร ๆ ทุกอย่างหมุนคว้างหมือนกังหันลมอยู่ในสมอง ทำให้จับต้นชนปลายไม่ถูก ทำได้อย่างเดียวคือมองหน้าอะเกะชิค้างอยู่อย่างนั้น
“เอาละ ไม่ต้องอารัมภบทละนะ นี่คงเป็นกระดุมเสื้อเชิ้ตคุณ”
อะเกะชิเริ่มพูดด้วยท่าทีเอาการเอางาน แบมือที่มีกระดุมเปลือกหอยเล็ก ๆ วางอยู่มาตรงหน้าคู่สนทนาพลางบอกว่า
“ผมตรวจสอบกับชาวหอคนอื่น ๆ ดูแล้วไม่มีใครทำกระดุมแบบนี้หลุดหายสักคนเดียว โอ๊ะ นั่นไงเสื้อตัวนี้เอง ดูสิ กระดุมเม็ดที่สองหลุดไปใช่ไหมล่ะนั่น”
ซะบุโรสะดุ้ง มองลงไปก็เห็นว่ากระดุมหายไปเม็ดหนึ่งจริง ๆ ด้วย เขาคิดทบทวนอย่างเร่งด่วนแต่ก็นึกไม่ออกจนนิดเดียวส่าหลุดหายไปตอนไหน
“รูปร่างเหมือนกันเลยไม่ผิดแน่ แต่รู้ไหมว่าผมเก็บกระดุมเม็ดนี้ได้ที่ไหน บอกให้ก็ได้ ที่ใต้หลังคาเหนือห้องของนาย เอ็นโดนั่นพอดี”
ถึงอะเกะชิจะว่าอย่างนั้นแต่ซะบุโรถามตัวเองว่าทำไมเขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าทำกระดุมตกไว้ตรงนั้น อีกทั้งตอนนั้นเขาก็ใช้ไฟฉายส่องดูอย่างรอบคอบที่สุดแล้ว...เป็นไปได้อย่างไรกัน
อะเกะชิยิ้มอ่อน ๆ อย่างไม่แสดงว่ามีพิษสงเคลือบแฝง...แต่ในกรณีเช่นนี้เห็นแล้วยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกขนลุก นักสืบสมัครเล่นปัญญาเฉียบคมจ้องลงไปในดวงตาของซะบุโรผู้ที่กำลังวางหน้าวางตาหน้าไม่ถูก แล้วปล่อยคำพูดตรงเผงเหมือนพุ่งมีดเข้าเป้าสังหารว่า
“คุณเป็นคนฆ่านายเอ็นโดใช่ไหม”
จบกัน...ซะบุโรใจหายวูบ ถ้าเป็นแค่การสันนิษฐานคดีก็ยังพอทำเนา ยังพอหาเหตุผลมาแก้ต่างได้ แต่นี่เขามีพยานหลักฐานมายื่นใส่ต่อหน้าอย่างนี้เห็นทีจะไปไม่รอด สีหน้าของซะบุโรตอนนี้เหยเกเหมือนเด็กที่กำลังเบะก่อนร้องไห้ออกมา เขายืนนิ่งขึงอยู่ตรงนั้นนานเท่านาน น่าแปลกที่มีภาพในอดีตเนิ่นนานมาแล้ว อย่างเหตุการณ์สมัยยังเป็นนักเรียนประถมผุดผ่านสมองขึ้นมาที่ม่านตาราวภาพหลอนจาง ๆ แล้วเลือนหายไปเป็นช่วง ๆ
ชายทั้งสองเผชิญหน้ากันอยู่ในท่าเช่นนั้นโดยแทบไม่เคลื่อนไหวเนิ่นนานราวสองชั่วโมงภายในห้องของซะบุโร
“ขอบใจนะที่เผยความจริงทั้งหมดให้ผมฟัง” อะเกะชิพูดขึ้นในที่สุด “ผมไม่เอาเรื่องของคุณไปแจ้งตำรวจแน่ ที่มาพูดกับคุณก็เพราะอยากแน่ใจว่าผมมองรูปคดีถูกต้องเท่านั้นเอง คุณก็รู้ว่าความสนใจของผมอยู่ที่การรู้ความจริงเท่านั้นเอง อะไรที่เหนือไปกว่านั้นจะเป็นยังไงก็ชั่งผมไม่รู้ด้วย แต่ผมจะบอกให้ว่าอาชญากรรมคดีนี้ไม่มีพยานหลักฐานเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
...กระดุมเสื้อน่ะหรือ...
นั่นเป็นกลอุบายของผมเอง เพราะคิดว่าถ้าไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างก็คงไม่มีทางต้อนคุณให้ยอมจนมุมได้ ตอนที่มาหาคุณวันนั้น ผมสังเกตเห็นกระดุมเสื้อคุณเม็ดที่สองหลุดหายไปก็เลยคิดลองใช้กลอุบายนี้ดู กระดุมเม็ดนี้นะรึ...โธ่เอ๋ย ผมเป็นคนไปซื้อมาจากร้านกระดุมเองแหละ ตามปกติคนเราส่วนใหญ่ไม่รู้สึกตัวหรอกว่าทำกระดุมตกหายที่ไหนเมื่อไหร่อยู่แล้ว และคุณก็กำลังตื่นตระหนกตกใจอยู่ด้วย ผมก็เลยคิดว่าน่าจะได้ผล
ผมเริ่มสงสัยว่านายเอ็นโดไม่ได้ฆ่าตัวตายตั้งแต่เห็นนาฬิกาปลุกเรือนนั้น คุณก็รู้นี่ใช่ไหม และตั้งแต่นั้นผมก็ไปหาสารวัตรผู้กำกับการสถานีตำรวจท้องที่นี้ และได้ฟังรายละเอียดจากตำรวจนักสืบที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ก็เลยรู้ว่าขวดยาพิษกลิ้งเข้าไปในซองบุหรี่ทำให้ยาพิษที่ค้างขวดอยู่หกเปื้อนบุหรี่ในซอง ตำรวจไม่ได้สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษแต่ผมเก็บมาคิดพิจารณาดูก็ยิ่งเห็นว่าแปลกเอามาก ๆ เท่าที่ได้ฟังมานายเอ็นโดคนนี้เป็นคนระเบียบจัดที่สุดขนาดจะฆ่าตัวตายทั้งทียังเตรียมตัวปูที่หลับที่นอนเสียเรียบกริบ แต่ทำไมคนอย่างเขาถึงเอาขวดยาพิษที่ดื่มแล้วใส่ลงไปในซองบุหรี่แถมยังทำหกเปื้อนอีก ดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเลย
เรื่องนี้ทำให้ผมยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก ระหว่างที่คิดโน่นคิดนี่อยู่นั้นผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าคุณไม่ได้สูบบุหรี่มาตั้งแต่วันที่นายเอ็นโดตาย เรื่องสองเรื่องมาประจวบกันพอดีโดยบังเอิญอย่างน่าแปลก ผมนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้คุณเคยสนุกสนานกับการจำลองเหตุการณ์ฆาตกรรมอยู่พักหนึ่ง และรู้ว่าคุณเป็นคนบ้าเรื่องอาชญากรรมเอามาก ๆ
หลังจากคิดได้้อย่างนั้น ผมจึงมาที่หอนี้หลายครั้งโดยไม่ให้คุณรู้ แล้วเข้าไปตรวจดูห้องของนายเอ็นโด ผมพบว่าทางผ่านของฆาตกรไม่มีทางอื่นนอกจากทางเพดาน ผมจึงอาศัยทาง “เดินเล่นบนหลังคา”ของคุณขึ้นไปสอดแนมพฤติกรรมของชาวหอ โดยเฉพาะบนเพดานห้องคุณบางครั้งผมจะซุ่มดูอยู่นาน ๆ จากรอยแยก และได้เห็นอาการหงุดหงิดทุรนทุรายของคุณเต็มตาเลยทีเดียว
ยิ่งสืบลึกลงไปทุกอย่างดูเหมือนจะชี้มาที่คุณ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันความผิดเลยสักอย่างเดียว ผมก็เลยคิดเล่นละครอย่างที่เห็นขึ้นมา ฮะ ฮะ ฮะ ผมเห็นจะต้องขอตัวแค่นี้ และคงไม่ได้พบกันอีก เพราะคุณตัดสินใจไปมอบตัวกับตำรวจแล้ว”
ซะบุโรไม่รู้สึกรู้สมกับอะไรแล้วแม้แต่การถูกลวงด้วยกลอุบายของอะเกะชิ ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงว่าสนใจการจากไปของอะเกะชิ เหม่อลอยอยู่ในห้วงคิดที่ว่า “ความรู้สึกตอนถูกประหารชีวิต จะเป็นอย่างไรนะ”
ตอนทิ้งขวดยาพิษลงไปจากรูตาไม้นั้นซะบุโรคิดไปเองว่าเขาไม่เห็นว่าขวดยาพิษตกลงไปตรงไหน แต่ในความเป็นจริงเขาเห็นโดยตลอดจนกระทั่งยาพิษหกลงไปเปื้อนมวนบุหรี่ ภาพนั้นถูกกักขังอยู่ใต้จิตสำนึกและส่งผลกระทบไปยังจิตใจทำให้เขากลายเป็นคนเกลียดบุหรี่ไปโดยไม่รู้ตัว
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
ความเดิมของเมื่อตอนที่แล้ว
และแล้วจุดจบของแผนสังหารใต้หลังคาของซะบุโรซึ่งตนเองคิดว่าสมบูรณ์แบบที่สุดไม่มีใครสามารถจับได้ก็มาถึงเมื่อ:
อะเกะชิหยิบบุหรี่แอร์ชิพออกมาจุดสูบ แล้วพูดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ว่า
“ผมสังเกตมาตั้งแต่เจอกันแล้วว่าคุณไม่ได้สูบบุหรี่เลยสักตัว เลิกแล้วรึ”
นึกดูก็จริงอย่างที่อะเกะชิว่า ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ซะบุโรไม่ได้แตะต้องบุหรี่ที่เคยเป็นของโปรดสักตัวเดียว ราวกับลืมมันไปแล้ว
“ตลกนะ ผมลืมเรื่องสูบบุหรี่ไปเลย นี่ขนาดเห็นคุณสูบยังไม่นึกอยาก”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่ได้สูบมาได้ราวสองสามวันแล้ว บุหรี่ชิกิชิมะซองนั้นผมซื้อมาเมื่อวันอาทิตย์ ที่ก็สามวันแล้วยังอยู่เต็มซองเลย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน”
“พอดีกับวันที่นายเอ็นโดตายเลยนะ”
พอได้ยินอะเกะชิพูดเช่นนั้นซะบุโรถึงกับสะดุ้ง แต่ก็ไม่คิดว่าการที่เขาไม่สูบบุหรี่จะเกี่ยวข้องเป็นเหตุเป็นผลอะไรกับการตายของนายเอ็นโด ก็เลยได้แต่หัวเราะแก้เก้อไป แต่พอมาคิดดูภายหลัง นั่นไม่ใช่เรื่องน่าขัน ไม่ใช่เรื่องที่ไร้ความหมายแต่อย่างใด และน่าแปลกที่ซะบุโรกลายเป็นคนเกลียดบุหรี่มาตั้งแต่ครั้งนั้น
ตอนที่ 8 (ตอนจบ)
หลังจากที่ได้พูดคุยกับอะเกะชิ ซะบุโรก็พกเอาเรื่องนาฬิกาปลุกกลับมาเป็นกังวลถึงกับนอนไม่หลับ ความจริงก็ไม่น่าห่วงอะไรเพราะถึงจะสืบรู้ทีหลังว่านายเอ็นโดไม่ได้ฆ่าตัวตาย ก็ไม่ใช่ว่าจะมีหลักฐานอะไรสักอย่างที่จะสาวมาถึงตัวเขาให้ตกเป็นผู้สงสัยได้ แต่พอคิดว่าคนที่รู้ความจริงคืออะเกะชิ เขาก็ไม่อาจทำใจให้สบายได้
ครึ่งเดือนผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหลังจากวันนั้นอะเกะชิที่เขาหวาดกังวลก็ไม่ได้เยี่ยมหน้ามาให้เห็นอีก
“โล่งอกไปที จบบริบูรณ์แล้วทีนี้”
ซะบุโรรู้สึกปลอดโปร่งใจยิ่งนัก เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นเดิมแม้บางครั้งจะต้องหวาดผวากับฝันร้ายบ้างก็ตาม และสิ่งที่ทำให้ซะบุโรมีความสุขอย่างประหลาดก็คือหลังก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนั้นแล้วเขากลับหันไปหาการเที่ยวสนุกที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เขาออกจากหอพักทุกวันและสนุกกับการแวะเวียนไปตามที่เที่ยวต่าง ๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ซะบุโรออกไปเที่ยวเช่นเคยและกลับหอเมื่อราวสี่ทุ่ม พอเข้าห้องได้ก็เตรียมตัวนอนทันที เขาเลื่อนประตูตู้เก็บที่นอนเพื่อดึงที่นอนลงมาปูอย่างที่เคยทำตามปกติ
“จ๊าก” ซะบุโรร้องลั่นตาถลนด้วยความตกใจสุดขีด เซผงะออกมาสองสามก้าว นี่เราฝันไปหรือว่าเป็นบ้าไปแล้ว
ก็...ก็ในตู้เก็บที่นอนนั่น หัวของนายเอ็นโด...นายเอ็นโดที่ตายไปแล้วห้อยร่องแร่งลงมาจากช่องเพดานที่มืดสลัว แกว่งไกวไปมาผมเผ้าฟูเป็นกระเซิง ไม่กลัวจนขนหัวลุกก็ไม่รู้จะว่ายังไง
ซะบุโรเซหลุน ๆ หนีไปจนถึงประตู แต่ก็ได้สติคิดว่าตนเองอาจตาฝาดจึงค่อย ๆ ย่องกลับไปอีกทีอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปในตู้เก็บที่นอน คราวนี้นอกจากจะตาไม่ฝาดแล้วหัวที่ห้อยลงมายังแสยะยิ้มให้เสียด้วย
“จ๊าก” ซะบุโรแผดเสียงดังกว่าเดิม เผ่นทีเดียวถึงประตูห้อง เลื่อนออกแล้วทำท่าจะพุ่งตัวออกไป
“โกดะ โกดะ คุณจะไปไหน”
เสียงเรียกชื่อของซะบุโรดังออกมาจากตู้เก็บที่นอน
“ผมเอง ผมเอง ไม่ต้องหนีไปไหน”
ซะบุโรจำได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของนายเอ็นโดแต่เป็นของใครคนหนึ่งที่ออกจะคุ้นหู ซะบุโรชะงักเท้าที่กำลังจะหนีพ้นออกมาอยู่แล้วเอาไว้ แล้วหันกลับไปมองอย่างหวาด ๆ
“โทษที โทษทีนะ”
คนที่เลื่อนตัวลงมาจากช่องเพดานของตู้เก็บที่นอนเช่นเดียวกับที่ซะบุโรเคยทำอยู่เสมอมาคือคนที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เจอกันตรงนี้...อะเกะชิ โคะโงะโร
“ขอโทษนะที่ทำให้คุณตกใจ” อะเกะชิในชุดเสื้อกางเกงไม่ใช่กิโมโนเช่นเคยก้าวลงมาจากตู้เก็บที่นอน พูดพลางยิ้มกับเจ้าของห้อง “ผมลองแค่อยากทำเอาอย่างคุณดูนิดนึง”
สำหรับซะบุโร นั่นเป็นความจริงที่น่ากลัวกว่าถูกผีหลอกเสียอีก อย่างนี้หมายความว่าอะเกะชิต้องรู้ไม่ว่าอะไรต่ออะไรหมดแล้วแน่ ๆ
ความรู้สึกของซะบุโรตอนนั้นไม่อาจหาดำใดมาบรรยายได้ถูก อะไร ๆ ทุกอย่างหมุนคว้างหมือนกังหันลมอยู่ในสมอง ทำให้จับต้นชนปลายไม่ถูก ทำได้อย่างเดียวคือมองหน้าอะเกะชิค้างอยู่อย่างนั้น
“เอาละ ไม่ต้องอารัมภบทละนะ นี่คงเป็นกระดุมเสื้อเชิ้ตคุณ”
อะเกะชิเริ่มพูดด้วยท่าทีเอาการเอางาน แบมือที่มีกระดุมเปลือกหอยเล็ก ๆ วางอยู่มาตรงหน้าคู่สนทนาพลางบอกว่า
“ผมตรวจสอบกับชาวหอคนอื่น ๆ ดูแล้วไม่มีใครทำกระดุมแบบนี้หลุดหายสักคนเดียว โอ๊ะ นั่นไงเสื้อตัวนี้เอง ดูสิ กระดุมเม็ดที่สองหลุดไปใช่ไหมล่ะนั่น”
ซะบุโรสะดุ้ง มองลงไปก็เห็นว่ากระดุมหายไปเม็ดหนึ่งจริง ๆ ด้วย เขาคิดทบทวนอย่างเร่งด่วนแต่ก็นึกไม่ออกจนนิดเดียวส่าหลุดหายไปตอนไหน
“รูปร่างเหมือนกันเลยไม่ผิดแน่ แต่รู้ไหมว่าผมเก็บกระดุมเม็ดนี้ได้ที่ไหน บอกให้ก็ได้ ที่ใต้หลังคาเหนือห้องของนาย เอ็นโดนั่นพอดี”
ถึงอะเกะชิจะว่าอย่างนั้นแต่ซะบุโรถามตัวเองว่าทำไมเขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าทำกระดุมตกไว้ตรงนั้น อีกทั้งตอนนั้นเขาก็ใช้ไฟฉายส่องดูอย่างรอบคอบที่สุดแล้ว...เป็นไปได้อย่างไรกัน
อะเกะชิยิ้มอ่อน ๆ อย่างไม่แสดงว่ามีพิษสงเคลือบแฝง...แต่ในกรณีเช่นนี้เห็นแล้วยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกขนลุก นักสืบสมัครเล่นปัญญาเฉียบคมจ้องลงไปในดวงตาของซะบุโรผู้ที่กำลังวางหน้าวางตาหน้าไม่ถูก แล้วปล่อยคำพูดตรงเผงเหมือนพุ่งมีดเข้าเป้าสังหารว่า
“คุณเป็นคนฆ่านายเอ็นโดใช่ไหม”
จบกัน...ซะบุโรใจหายวูบ ถ้าเป็นแค่การสันนิษฐานคดีก็ยังพอทำเนา ยังพอหาเหตุผลมาแก้ต่างได้ แต่นี่เขามีพยานหลักฐานมายื่นใส่ต่อหน้าอย่างนี้เห็นทีจะไปไม่รอด สีหน้าของซะบุโรตอนนี้เหยเกเหมือนเด็กที่กำลังเบะก่อนร้องไห้ออกมา เขายืนนิ่งขึงอยู่ตรงนั้นนานเท่านาน น่าแปลกที่มีภาพในอดีตเนิ่นนานมาแล้ว อย่างเหตุการณ์สมัยยังเป็นนักเรียนประถมผุดผ่านสมองขึ้นมาที่ม่านตาราวภาพหลอนจาง ๆ แล้วเลือนหายไปเป็นช่วง ๆ
ชายทั้งสองเผชิญหน้ากันอยู่ในท่าเช่นนั้นโดยแทบไม่เคลื่อนไหวเนิ่นนานราวสองชั่วโมงภายในห้องของซะบุโร
“ขอบใจนะที่เผยความจริงทั้งหมดให้ผมฟัง” อะเกะชิพูดขึ้นในที่สุด “ผมไม่เอาเรื่องของคุณไปแจ้งตำรวจแน่ ที่มาพูดกับคุณก็เพราะอยากแน่ใจว่าผมมองรูปคดีถูกต้องเท่านั้นเอง คุณก็รู้ว่าความสนใจของผมอยู่ที่การรู้ความจริงเท่านั้นเอง อะไรที่เหนือไปกว่านั้นจะเป็นยังไงก็ชั่งผมไม่รู้ด้วย แต่ผมจะบอกให้ว่าอาชญากรรมคดีนี้ไม่มีพยานหลักฐานเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
...กระดุมเสื้อน่ะหรือ...
นั่นเป็นกลอุบายของผมเอง เพราะคิดว่าถ้าไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่างก็คงไม่มีทางต้อนคุณให้ยอมจนมุมได้ ตอนที่มาหาคุณวันนั้น ผมสังเกตเห็นกระดุมเสื้อคุณเม็ดที่สองหลุดหายไปก็เลยคิดลองใช้กลอุบายนี้ดู กระดุมเม็ดนี้นะรึ...โธ่เอ๋ย ผมเป็นคนไปซื้อมาจากร้านกระดุมเองแหละ ตามปกติคนเราส่วนใหญ่ไม่รู้สึกตัวหรอกว่าทำกระดุมตกหายที่ไหนเมื่อไหร่อยู่แล้ว และคุณก็กำลังตื่นตระหนกตกใจอยู่ด้วย ผมก็เลยคิดว่าน่าจะได้ผล
ผมเริ่มสงสัยว่านายเอ็นโดไม่ได้ฆ่าตัวตายตั้งแต่เห็นนาฬิกาปลุกเรือนนั้น คุณก็รู้นี่ใช่ไหม และตั้งแต่นั้นผมก็ไปหาสารวัตรผู้กำกับการสถานีตำรวจท้องที่นี้ และได้ฟังรายละเอียดจากตำรวจนักสืบที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ก็เลยรู้ว่าขวดยาพิษกลิ้งเข้าไปในซองบุหรี่ทำให้ยาพิษที่ค้างขวดอยู่หกเปื้อนบุหรี่ในซอง ตำรวจไม่ได้สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษแต่ผมเก็บมาคิดพิจารณาดูก็ยิ่งเห็นว่าแปลกเอามาก ๆ เท่าที่ได้ฟังมานายเอ็นโดคนนี้เป็นคนระเบียบจัดที่สุดขนาดจะฆ่าตัวตายทั้งทียังเตรียมตัวปูที่หลับที่นอนเสียเรียบกริบ แต่ทำไมคนอย่างเขาถึงเอาขวดยาพิษที่ดื่มแล้วใส่ลงไปในซองบุหรี่แถมยังทำหกเปื้อนอีก ดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเลย
เรื่องนี้ทำให้ผมยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก ระหว่างที่คิดโน่นคิดนี่อยู่นั้นผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าคุณไม่ได้สูบบุหรี่มาตั้งแต่วันที่นายเอ็นโดตาย เรื่องสองเรื่องมาประจวบกันพอดีโดยบังเอิญอย่างน่าแปลก ผมนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้คุณเคยสนุกสนานกับการจำลองเหตุการณ์ฆาตกรรมอยู่พักหนึ่ง และรู้ว่าคุณเป็นคนบ้าเรื่องอาชญากรรมเอามาก ๆ
หลังจากคิดได้้อย่างนั้น ผมจึงมาที่หอนี้หลายครั้งโดยไม่ให้คุณรู้ แล้วเข้าไปตรวจดูห้องของนายเอ็นโด ผมพบว่าทางผ่านของฆาตกรไม่มีทางอื่นนอกจากทางเพดาน ผมจึงอาศัยทาง “เดินเล่นบนหลังคา”ของคุณขึ้นไปสอดแนมพฤติกรรมของชาวหอ โดยเฉพาะบนเพดานห้องคุณบางครั้งผมจะซุ่มดูอยู่นาน ๆ จากรอยแยก และได้เห็นอาการหงุดหงิดทุรนทุรายของคุณเต็มตาเลยทีเดียว
ยิ่งสืบลึกลงไปทุกอย่างดูเหมือนจะชี้มาที่คุณ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันความผิดเลยสักอย่างเดียว ผมก็เลยคิดเล่นละครอย่างที่เห็นขึ้นมา ฮะ ฮะ ฮะ ผมเห็นจะต้องขอตัวแค่นี้ และคงไม่ได้พบกันอีก เพราะคุณตัดสินใจไปมอบตัวกับตำรวจแล้ว”
ซะบุโรไม่รู้สึกรู้สมกับอะไรแล้วแม้แต่การถูกลวงด้วยกลอุบายของอะเกะชิ ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงว่าสนใจการจากไปของอะเกะชิ เหม่อลอยอยู่ในห้วงคิดที่ว่า “ความรู้สึกตอนถูกประหารชีวิต จะเป็นอย่างไรนะ”
ตอนทิ้งขวดยาพิษลงไปจากรูตาไม้นั้นซะบุโรคิดไปเองว่าเขาไม่เห็นว่าขวดยาพิษตกลงไปตรงไหน แต่ในความเป็นจริงเขาเห็นโดยตลอดจนกระทั่งยาพิษหกลงไปเปื้อนมวนบุหรี่ ภาพนั้นถูกกักขังอยู่ใต้จิตสำนึกและส่งผลกระทบไปยังจิตใจทำให้เขากลายเป็นคนเกลียดบุหรี่ไปโดยไม่รู้ตัว