xs
xsm
sm
md
lg

แผนสังหารใต้หลังคา(ตอนที่ 7)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บทประพันธ์ของ เอะโดะงะวะ รัมโปะ
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

ตอนที่ 7

ในที่สุด แผนสังหารของซะบุโรก็บรรลุเป้าหมายอย่างที่เจ้าตัวคิดว่างดงาม

เมื่อกลับเข้าหอพักราวเที่ยงก็พบว่าศพของนายเอ็นโดถูกเก็บไปเรียบร้อยและตำรวจก็ตรวจทุกอย่างตามกระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นไปนานแล้วด้วย ลองเลียบเคียงถามดูก็จริงดังคาดคือไม่มีใครสักคนสงสัยว่าการตายของนายเอ็นโดไม่ใช่อัตวินิบาตกรรม ตำรวจที่รับผิดชอบคดีมาสอบปากคำผู้คนรอบข้างพอเป็นพิธีแล้วก็กลับไป

แม้จะยังไม่รู้สาเหตุนายเอ็นโดที่แท้จริงว่าทำไมนายเอ็นโดถึงฆ่าตัวตาย แต่ในชั้นต้นทุกคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าอาจเป็นเพราะอกหักก็ได้ อะไรนะ...อกหักรึ ใคร ๆ ก็รู้ว่านายคนนี้บ่นว่า “อกหัก อกหัก” จนติดปากโดยไม่ได้มีความหมายจริงจังอะไร แต่ในเมื่อไม่มีสาเหตุอื่นนอกจากนี้ ในที่สุดก็เลยสรุปกันว่า “อกหัก” คือสาเหตุที่ทำให้เขาฆ่าตัวตาย

ไม่ใช่เท่านั้น แม้จะรู้หรือไม่รู้สาเหตุ แต่ที่แน่ ๆ คือนายเอ็นโดฆ่าตัวตายอย่างไม่มีข้อสงสัยแม้แต่นิดเดียว ประตูทางเข้าและหน้าต่างปิดสนิทจากข้างใน และเมื่อตำรวจรู้ว่าขวดยาพิษที่กลิ้งอยู่ข้างหมอนเป็นของเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสงสัยอะไรอีก ไม่มีใครสักคนที่ตั้งข้อสงสัยบ้า ๆ ขึ้นมาว่าอาจมีคนหยดยาพิษลงมาจากเพดาน

ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็มีอะไรสักอย่างที่สะกิดเตือนอยู่ตลอดเวลาว่ายังวางใจไม่ได้ วันนั้นทั้งวันซะบุโรจึงใจเต้นโครมครามผุดลุกผุดนั่งบางครั้งก็ตัวสั่นด้วยความหวาดหวั่นไม่เป็นอันทำอะไร แต่พอเวลาผ่านไปวันสองวันจิตใจของเขานอกจากจะเริ่มสงบลงตามลำดับแล้ว ยังเหลิงลำพองไปกับพฤติกรรมอุบาทของตนเองยิ่งขึ้นไปอีก

“ฮะ ฮ้า เห็นฝีมือข้ารึยังว่าเด็ดแค่ไหน ไม่มีใครสักคนสงสัยใช่ไหมล่ะว่าฆาตกรใจโหดจะเป็นคนที่นี่ เป็นชาวหอเดียวกัน”

แล้วยังเหิมเกริมถึงกับคิดเลยเถิดไปอีก...นี่ไม่รู้ว่ามีอาชญากรรมที่ยังหาตัวฆาตกรไม่ได้แบบเรานี่อยู่ไม่รู้อีกเท่าไรในโลก คำพูดประมาณว่า “สวรรค์อาจลงโทษช้าแต่ก็ไม่เคยปล่อยให้คนบาปหลุดรอดบ่วงแห่งกรรมไปได้” นั้นมันก็แค่คำโฆษณาชวนเชื่อของพวกรัฐบุรุษสมัยโบราณ หรือไม่ก็ความเชื่องมงายของพวกชาวบ้าน ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมประเภทไหน ถ้าเราทำตามแผนที่วางไว้อย่างแยบยลแล้วละก็ จะไม่มีใครจับได้ตลอดกาล แต่ถึงอย่างนั้น พอตกค่ำก็ชักใจไม่ค่อยดี บางครั้งรู้สึกเหมือนมีหน้าตอนตายของนายเอ็นโดแวบผ่านเข้ามาในสายตาทำเอาขนลุกซู่ และจากคืนเกิดเหตุเป็นต้นมาซะบุโรก็ไม่ขึ้นไป “เดินเล่นใต้หลังคา” อีก เขาบอกตนเองว่านั้นเป็นปัญหาทางใจไม่นานก็ลืม แค่ไม่มีใครค้นพบความจริงของฆาตกรรมครั้งนี้เท่านั้นก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ

นายเอ็นโดตายไปได้สามวันพอดี วันนั้นซะบุโรกินอาหารเช้าเสร็จ กำลังจิ้มฟันพลางฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ อะเกะชิ โคะโงะโรที่หายหน้าหายตาไปนานก็โผล่เข้ามาทักทาย
“หวัดดีคุณ”

“เอ้อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

สองหนุ่มทักทายกันอย่างคนคุ้นเคย แต่สำหรับซะบุโร การมาปรากฏตัวของนักสืบสมัครเล่นผู้นี้ในเวลาเช่นนี้ ทำให้เขาอดสะดุ้งอยู่ในใจไม่ได้

“ได้ข่าวว่าที่หอคุณนี่มีคนกินยาพิษตาย”

พอนั่งลงได้อะเกะชิก็เริ่มเข้าเรื่องที่ซะบุโรอยากหลีกเลี่ยงเป็นที่สุด แต่ก็คิดว่านายนี่ต้องไปได้ข่าวคนฆ่าคนตายมาจากใครสักคนแน่ พอดีหอพักที่เกิดเหตุเป็นแห่งเดียวกับที่เขาอาศัยอยู่ ก็เลยมาหาด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาคนชอบทำตัวเป็นนักสืบ

“ก็ใช่น่ะซี ซัดมอร์ฟีนเข้าไป พอดีตอนเกิดเหตุผมไม่อยู่ ก็เลยไม่รู้รายละเอียด ดูเหมือนจะเป็นเรื่องรักไม่สมหวัง หรืออะไรทำนองนั้น”

ซะบุโรตีสีหน้าให้ดูเหมือนว่าตัวเองก็สนใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพื่ออำพรางความรู่สึกไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาอยากหนีให้พ้นหัวข้อสนทนานี้จะตายอยู่แล้ว

“นายนี่เค้าเป็นคนยังไงนะคุณ”

อะเกะชิถามต่อทันทีที่ซะบุโรพูดจบ หลังจากนั้นทั้งสองก็ถามตอบกันอยู่ครู่หนึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ว่านายเอ็นโดเป็นคนยังไง สาเหตุการตายและวิธีฆ่าตัวตาย แรก ๆ ซะบุโรตอบคำถามของอะเกะชิด้วยความหวาดหวั่น แต่พอชินเข้าจิตใจก็สงบลงตามลำดับ ถึงกับคิดอยากลองดีนักสืบสมัครเล่นคนนี้ขึ้นมา

“คุณคิดว่ายังไง บางทีนะบางที คดีนี้อาจเป็นคดีฆาตกรรมก็ได้ ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่ามีหลักฐานอะไรหรอกนะ แต่ก็มีให้เห็นกันบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ คดีที่เชื่อกันว่าเป็นอัตวินิบาตกรรมแน่ ๆ กลับกลายเป็นฆาตกรรมน่ะ”

ว่ายังไงล่ะ นักสืบสมัครเล่นเก่งกาจขนาดไหนก็คิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ ซะบุโรลองพูดเชิงท้าทายออกไปพลางหัวเราะเยาะอยู่ในใจ รู้สึกอิ่มเอมเปรมปรีดิ์จนพูดไม่ถูก

“นั่นน่ะซี ไม่รู้จะว่ายังไงเหมือนกัน ความจริงตอนผมได้ยินเรื่องนี้จากเพื่อนก็รู้สึกว่าสาเหตุการตายของนายเอ็นโดมีอะไรไม่ค่อยจะชัดเจน เอายังไงดีล่ะ เราจะเข้าไปดูห้องนายเอ็นโดคนนี้กันได้ไหม”

“ง่ายมาก” ซะบุโรตอบเป็นเชิงอวด “เพื่อนข้างห้องผมเป็นคนบ้านเดียวกับนายเอ็นโด พ่อของนายนั่นขอให้เขาช่วยดูแลข้าวของในห้องลูกชายไว้ให้ ถ้าผมบอกเขาเรื่องคุณเขาคงเต็มใจเปิดห้องให้ดู”

จากนั้นทั้งสองจึงพากันไปที่ห้องนายเอ็นโด ระหว่างที่เดินนำหน้าไปตามระเบียงซะบุโรรู้สึกแปลก ๆ

“เออแน่ะ จะเคยมีฆาตกรคนไหนพานักสืบไปดูสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมที่ตนก่อขึ้นเองอย่างข้าบ้างไหมนี่”

คิดแล้วก็ต้องกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ซะบุโรไม่เคยรู้สึกเป็นต่ออย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต “ต้องยังงั้นซิลูกพี่” เขาอยากส่งเสียงเชียร์ตัวเองซึ่งมีท่าทีเหมือนผู้ร้ายที่กำลังแสดงบทบาทเสี่ยงอันตรายหน้าสิ่วหน้าขวานบนเวทีละคร

เพื่อนนายเอ็นโดที่มาจากจังหวัดเดียวกันชื่อคิตะมุระผู้ให้การเป็นพยานว่านายเอ็นโดอกหัก นายคนนี้รู้จักชื่อของอะเกะชิดีและช่วยเปิดห้องของผู้ตายให้โดยไม่มีข้อแม้อะไร พ่อของนายเอ็นโดมาจากต่างจังหวัดและเพิ่งจะจัดการงานศพแบบง่าย ๆ เสร็จวันนี้เอง ในห้องยังมีข้าวของส่วนตัวของผู้ตายที่ยังไม่ได้เก็บลงหีบห่อวางอยู่ตามที่ของมัน

ตอนพบศพนายเอ็นโด คิตะมุระออกไปทำงานแล้วจึงไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับการพบศพและการสอบสวนของตำรวจ และเล่าเท่าที่ได้ฟังมาจากคนอื่น ส่วนซะบุโรก็เช่นกันเขาเล่าเหตุการณ์อย่างคล่องปากในฐานะคนนอกที่ได้ยินได้ฟังเรื่องที่เขาเล่าลือกัน

อะเกะชิฟังคนทั้งสองเล่าเรื่องพลางมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยสายตาเฉียบคมของนักสืบอาชีพ เขาชะงักทันทีที่เห็นนาฬิกาปลุกบนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วหยุดจ้องมองอยู่เป็นนานโดยไม่มีใครล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ บางทีอาจเป็นรูปแบบของนาฬิกาเรือนนั้นที่ดูแปลกตาก็เป็นได้

“นั่นมันนาฬิกาปลุกนี่คุณ”

“ใช่ครับ” คิตะมุระตอบแล้วเล่าต่อตามประสาคนช่างพูด “เอ็นโดภูมิใจมากที่ได้เป็นเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้ เพื่อนข้างห้องของผมคนนี้เป็นคนมีระเบียบเคร่งครัดมาก เขาจะตั้งนาฬิกาให้ส่งเสียงปลุกหกโมงตรงทุกเช้า ผมที่อยู่ข้างห้องพลอยได้ยินเสียงปลุกและตื่นตามไปด้วย เช้าวันนั้นนาฬิกาก็ปลุกเช่นเคย ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเหตุรายแรงถึงชีวิตอย่างนั้น คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ “

พอได้ฟังอะเกะชิก็เกาหัวที่ยุ่งเหยิงของเขาแกรก ๆ แสดงท่าทีจริงจังกับเรื่องที่ได้ฟังมาก

“เช้าวันนั้น นาฬิกาส่งเสียงปลุกแน่นะครับ”

“ครับ ผมได้ยินกับหู ไม่มีพลาด”

“แล้วคุณบอกตำรวจหรือเปล่า”

“ไม่ได้บอก ทำไมหรือครับ”

“ที่ผมถามก็เพราะอยากรู้ว่าคุณไม่สงสัยบ้างหรือไงว่า ทำไมคนที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายคืนนั้น ถึงอุตส่าห์ตั้งนาฬิกาปลุกให้เขาตื่นหกโมงเช้าวันรุ่งขึ้น”

“จริงด้วย พอคุณพูดขึ้นอย่างนี้ ผมก็เห็นด้วยเลยว่ามันแปลกอยู่เหมือนกัน”

เห็นได้ชัดว่าคิตะมุระไม่ได้ฉุกคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ยังไม่สู้เข้าใจความหมายในคำพูดของอะเกะชิมากนัก แต่จะไปโทษว่าเขาไม่มีไหวพริบก็ไม่ได้เพราะ ภาวะแวดล้อมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นห้องที่อยู่ในสภาพปิดตาย ขวดยาพิษที่ตกอยู่ข้างผู้ตาย บ่งชี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ซะบุโรที่นิ่งฟังคำถามตอบของคนทั้งสองรู้สึกเหมือนกับว่าฐานดินที่อยู่ใต้เท้าของเขาเริ่มทรุดลงไปอย่างไม่รู้ตัว และนึกโกรธความโง่เขลาของตัวเองที่พาอะเกะชิมาที่นี่

จากนั้นอะเกะชิได้เริ่มตรวจตราไปรอบ ๆ ห้องอย่างละเอียดถี่ถ้วนยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่เพดาน เขาใช้ไม้ยาว ๆ กระทุ้งไม้ฝ้าเพดานดูทีละแผ่นทีละแผ่น เพื่อดูว่ามีร่องรอยของคนร้ายที่ลอบเข้ามาหรือไม่ แต่ที่ทำให้ซะบุโรโล่งใจก็คืออะเกะชิไม่มีทีท่าว่าจะสังเกตเห็นรอยตาไม้ที่ถูกเปิดออกหยอดยาพิษลงมาเข้าปากนายเอ็นโดแล้วปิดไว้ดังเดิม เขาตรวจดูจนแน่ใจว่าไม่มีไม้ฝ้าเพดานแผ่นไหนหลุดออกไปเป็นช่องให้คนเข้ามาได้แล้ว ก็ไม่ติดใจอะไรอีก

เป็นอันว่าไม่มีการค้นพบอะไรที่มีความสำคัญไปกว่านั้น พอตรวจดูห้องนายเอ็นโดจนพอใจแล้วอะเกะชิก็กลับไปที่ห้องของซะบุโรพูดคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่งก็กลับไป การพูดคุยเรื่องสัพเพเหระของคนทั้งสองนี้แม้จะเป็นฟังดูเป็นเรื่องไม่มีสาระอะไรแต่ก็จะละเลยไม่พูดถึงเสียมิได้ เพราะมีความเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับจุดจบของเรื่องนี้

ตอนนั้นอะเกะชิหยิบบุหรี่แอร์ชิพออกมาจุดสูบ แล้วพูดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ว่า

“ผมสังเกตมาตั้งแต่เจอกันแล้วว่าคุณไม่ได้สูบบุหรี่เลยสักตัว เลิกแล้วรึ”

นึกดูก็จริงอย่างที่อะเกะชิว่า ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ซะบุโรไม่ได้แตะต้องบุหรี่ที่เคยเป็นของโปรดสักตัวเดียว ราวกับลืมมันไปแล้ว

“ตลกนะ ผมลืมเรื่องสูบบุหรี่ไปเลย นี่ขนาดเห็นคุณสูบยังไม่นึกอยาก”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ไม่ได้สูบมาได้ราวสองสามวันแล้ว บุหรี่ชิกิชิมะซองนั้นผมซื้อมาเมื่อวันอาทิตย์ นี่ก็สามวันแล้วยังอยู่เต็มซองเลย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน”

“พอดีกับวันที่นายเอ็นโดตายเลยนะ”

พอได้ยินอะเกะชิพูดเช่นนั้นซะบุโรถึงกับสะดุ้ง แต่ก็ไม่คิดว่าการที่เขาไม่สูบบุหรี่จะเกี่ยวข้องเป็นเหตุเป็นผลอะไรกับการตายของนายเอ็นโด ก็เลยได้แต่หัวเราะแก้เก้อไป แต่พอมาคิดดูภายหลัง นั่นไม่ใช่เรื่องน่าขัน ไม่ใช่เรื่องที่ไร้ความหมายแต่อย่างใด และน่าแปลกที่ซะบุโรกลายเป็นคนเกลียดบุหรี่มาตั้งแต่ครั้งนั้น
ภาพโฆษณาบุหรี่บลูชิพสมัยตันโชวะ
กำลังโหลดความคิดเห็น