รัฐบาลญี่ปุ่นใช้งบประมาณ 3,200 ล้านเยน ติดตั้งอินเทอร์เน็ต Wi-Fi 30,000 จุดทั่วประเทศ ภายในปี 2020 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และเตือนภัยยามเกิดภัยพิบัติ
กระทรวงการสื่อสารและกิจการภายในของญี่ปุ่น ระบุว่า อินเทอร์เน็ตมีบทบาทเพิ่มขึ้นในการท่องเที่ยวและการศึกษา รวมทั้งกิจกรรมในชีวิตประจำวัน จึงจำเป็นที่ต้องลงทุนติดตั้งระบบ Wi-Fi ให้แพร่หลายทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยว, โรงเรียน, สถานที่ราชการ, สวนสาธารณะ, พิพิธภัณฑ์ รวมทั้งพื้นที่ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นศูนย์อพยพเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ
อินเทอร์เน็ต Wi-Fi นอกจากจะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถแบ่งปันภาพถ่าย และเรื่องราวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้ทันที และอำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูลและแผนที่ แต่ในยามภัยพิบัติ เช่น เหตุแผ่นดินไหวที่จังหวัดคุมะโมโตเมื่อปีที่แล้ว เครือข่าย Wi-Fi สามารถช่วยแจ้งข่าวให้กับประชาชนได้ในยามที่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือต่างๆ พบปัญหาเนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก
นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ต Wi-Fi ในโรงเรียนยังช่วยให้ครูสามารถใช้สื่อออนไลน์ในการเรียนการสอนได้อย่างสะดวกมากขึ้นด้วย
กระทรวงการสื่อสารและกิจการภายในของญี่ปุ่น พบว่า ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นมีบริการ Wi-Fi เพียง 14,000 แห่งทั่วประเทศ ทั้งจากหน่วยราชการท้องถิ่นและร้านค้าต่างๆ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้
รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายให้มี Wi-Fi ครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2020 ซึ่งกรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก โดยทุ่มงบประมาณ 3,200ล้านเยน ในปี 2017 เพิ่มขึ้น 10 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และจะสนับสนุนงบประมาณต่อเนื่องไปอีก 3 ปี
ในส่วนของความปลอดภัย ผู้ใช้ Wi-Fi ในญี่ปุ่นจะต้องลงทะเบียนด้วยอีเมลและกรอกข้อมูลพื้นฐานก่อนเข้าใช้งาน และใช้ระบบเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันข้อมูลส่วนตัวถูกโจรกรรม