บทประพันธ์ของ เอะโดะงะวะ รัมโปะ
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
ตอนที่ 4
ขณะที่กำลังมองหน้าเอ็นโดที่กำลังหลับสบายอยู่นั้น ความคิดที่ประหลาดพิสดารอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมองของซะบุโร
นี่ถ้าเราถ่มน้ำลายลงไปในรูนี่มันจะเข้าปากอ้ากว้างของนายเอ็นโดพอดีไหมนะ...ทำไมรึ ก็มันเหมือนกับนายนั่นกำลังอ้าปากรับชวนให้ถ่มน้ำลายลงมาอยู่ข้างล่างนั่นพอดีน่ะซี ซะบุโรดึงเชือกเส้นยาวออกจากขอบกางเกงในขายาวหูรูดที่เขาชอบใส่เป็นประจำ สอดปลายข้างหนึ่งลงไปในรูตาไม้ค่อย ๆ ผ่อนเส้นเชือกลงไปในแนวดิ่ง แล้วแนบตาข้างหนึ่งลงกับรูเหมือนกำลังเล็งปืนไปให้เข้าเป้าไม่มีผิด มันช่างบังเอิญอย่างประหลาดที่เส้นเชือกกับรูตาไม้และช่องปากของนายเอ็นโดอยู่ในแนวเดียวกันอย่างเหมาะเหม็ง คือถ้าซะบุโรถ่มน้ำลายลงไปในรูจริง ๆ มันจะต้องเข้าปากนายเอ็นโดแน่นอน
แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะที่จะไปเที่ยวถ่มน้ำลายใส่ปากใครเขา ซะบุโรคิดพลางอุดรูตาไม้ไว้ดังเดิมแล้วตั้งท่าจะกลับออกไปจากจุดนั้น แต่ทันใดนั้นเองความคิดชั่วร้ายสยองขวัญก็แวบเข้ามาในใจราวสายฟ้าแลบ มันทำให้เขาถึงกับหน้าซีดตัวสั่นอยู่ในความมืดมิดใต้หลังคา เพราะมันคือแผนสังหารนายเอ็นโดผู้ที่เขาไม่ได้มีความเคียดแค้นชิงชังอะไรคนนี้นั่นเอง
อย่าว่าแต่เคียดแค้นชิงชังเลย เขากับนายเอ็นโดเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ และที่รู้จักก็เพราะบังเอิญย้ายเข้ามาอยู่หอพักนี้วันเดียวกันเท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็ไม่ได้คบหากันลึกซึ้งมากไปกว่าไปหากันที่ห้องแค่สองสามครั้ง แล้วทำไมจึงเกิดความคิดชั่วร้ายถึงขนาดจะฆ่าแกงกันเช่นนั้นขึ้นมาได้ ถึงจะไม่ชอบหน้าและท่าทางของนายเอ็นโดจนบางครั้งแทบอยากต่อยให้หน้าหงายสักที แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ถึงกับต้องคิดฆ่า ความจริงแล้วแรงจูงใจให้ซะบุโรคิดฆ่านายเอ็นโดนั้นไม่ได้อยู่ที่คน แต่อยู่ที่การกระทำคือ “การฆ่า” ต่างหาก ผู้อ่านที่ติดตามพฤติกรรมของซะบุโรมาตั้งแต่ต้นคงเข้าใจดีว่าชายผู้นี้มีสภาพจิตที่ออกจะพิลึกพิลั่นอยู่มาก และเมื่อเกิดความสนใจเรื่องฆาตกรรมขึ้นมาก็หลงไหลหัวปักหัวปำ ถึงกับลองเล่นเลียนแบบการก่ออาชญากรรมในหนังสือที่กว้านซื้อมาอ่าน ดังนั้นความคิด “ฆ่าคน” ที่แวบขึ้นมาในใจของซะบุโรจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เท่าที่ผ่านมาเขาเคยมีความคิด “ฆ่าคน” บ่อยครั้งแต่ก็กลัวถูกจับได้และไม่เคยคิดที่จะลงมือทำจริงแม้แต่ครั้งเดียว

ทว่ากรณีของนายเอ็นโดที่ซะบุโร “คิดฆ่า” นั้นน่าจะประกอบด้วยความมั่นใจที่ว่าต้องไม่มีใครสงสัยและจับได้ว่าเขาเป็นคนฆ่า ซะบุโรไม่สนใจว่าเหยื่อการกระทำของเขาเป็นใคร จะเป็นคนที่เขาไม่เคยพบหรือว่าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ได้ ตราบที่ตัวของเขาเองปลอดภัยจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัย และ “การฆ่า” นั้นยิ่งโหดเหี้ยมสะเทือนขวัญเพียงไรก็ยิ่งสนองตัณหาอันประหลาดพิสดารของเขาได้สะใจเพียงนั้น ทำไมเหยื่อจึงต้องเป็นนายเอ็นโด...ดูเหมือนซะบุโรจะเชื่อว่าถ้าเป็นนายคนนี้ละก็ต้องไม่มีใครสืบพบแน่ว่าเขาเป็นคนฆ่า มูลเหตุที่ทำให้เขาคิดเช่นนั้นมีดังนี้...
ราววันที่สี่หรือที่ห้าหลังย้ายเข้าหอพักโทเอคัง ซะบุโรออกไปหาอะไรดื่มที่คาเฟ่ใกล้ ๆ กับชาวหอที่เพิ่งรู้จักกัน ประจวบเหมาะกับนายเอ็นโดก็มาที่คาเฟ่เดียวกันด้วยทั้งสามก็เลยมานั่งร่วมโต๊ะดื่มด้วยกัน สองคนดื่มสุราส่วนซะบุโรสั่งกาแฟเพราะไม่ชอบสุรา พอดื่มจนครึ้มดีแล้วก็ชวนกันกลับหอ เอ็นโดท่าทางเมานิด ๆ ดึงตัวอีกสองคนเอาไว้ “มาคุยต่อที่ห้องผมก่อนเถอะคุณ” ว่าแล้วก็ฉุดเพื่อนร่วมหอทั้งสองเข้ามาในห้องส่วนตัวจนได้ เอ็นโดคึกอยู่คนเดียว เรียกหาหญิงรับใช้ให้เอาน้ำชาเอาอะไรต่อมิอะไรวุ่นไปหมดโดยไม่เกรงใจว่าดึกดื่นออกปานนั้น เอาเรื่องที่คุยโวโอ้อวดเอาไว้ที่คาเฟ่มาพูดต่อซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่หยุดปาก ซะบุโรเริ่มชังน้ำหน้าเอ็นโดมาตั้งแต่คืนนั้นเมื่อเห็นเอ็นโดพูดพลางเลียริมฝีปากแดงจัดด้วยเลือดฝาดแผล็บ ๆ ขณะพูดโอ้อวดเรื่องผู้หญิง
“ผมจะบอกอะไรให้ ครั้งหนึ่งผู้หญิงคนนั้นกับผมถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายด้วยกันทีเดียว ตอนนั้นผมยังเป็นนักเรียน คุณก็รู้นี่ว่าผมเรียนหมอมียาอยู่ใกล้มือออกอย่างนั้น ก็เลยหยิบมอร์ฟีนมาเตรียมไว้พอกินแล้วตายพร้อมกันทั้งสองคน เราพากันไปถึงชิโอฮะระเลยละคุณ” เอ็นโดว่าพลางลุกขึ้นเดินเซ ๆ ไปที่ตู้เก็บที่นอน เลื่อนประตูตู้เปิดออกแล้วมุดเข้าไปค้นหาอะไรกุกกักจากหีบใส่สัมภาระหนึ่งในหลายหีบที่เก็บอยู่ในนั้น จนในที่สุดก็ได้ขวดแก้วสีชาใบเล็กจิ๋วขนาดปลายนิ้วก้อยติดมือออกมา ยื่นให้คนฟังดู ที่ก้นขวดมีผงอะไรสักอย่างสะท้อนแสงระยิบระยับอยู่นิดหนึ่ง
“นี่ไง แค่นี้เองก็พอทำให้คนสองคนตายสนิท แต่คุณอย่าไปบอกใครเด็ดขาดเลยนะ”
ว่าแล้วเอ็นโดก็เล่าเรื่องของตัวเองต่อไปอีกยาวเหยียดราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด แต่สิ่งที่หวนกลับมากระทบใจซะบุโรอย่างแรงโดยไม่คาดฝัน ณ วินาทีนี้ที่ใต้หลังคาก็คือ “ยาพิษ” ที่นายเอ็นโดพูดถึงในค่ำคืนนั้นนั่นเอง
“ฆ่าคนตายโดยเอายาพิษหยอดลงไปจากรูตาไม้ที่เพดาน มันช่างเป็นแผนสังหารแสนวิเศษอะไรปานนั้น”
และแล้วจิตใจของซะบุโรเพริดไปกับความคิดพิสดารของตนเองอย่างชนิดกู่ไม่กลับ ความจริงแผนสังหารของเขานี้คนปกติอย่างเรา ๆ ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าเป็นเรื่องลม ๆ แล้ง ๆ เอามาก ๆ นอกจากจะมีทางเป็นไปได้น้อยเหลือเกินแล้ว ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้กลเม็ดพลิกแพลงยากเย็นขนาดนั้น เพราะยังมีวิธีฆ่าอื่น ๆ อีกถมไป แต่ชายผู้มีจินตนาการเพ้อฝันเรื่องอาชญากรรมเกิดขีดปกติคนนี้ไม่มีเวลาที่จะหยุดคิดไตร่ตรองอะไรอีกแล้ว สมองของเขาได้แต่โลดแล่นไปข้างหน้าคิดหาเหตุหาผลเข้าข้างตัวเองไปเสียทุกอย่างมารองรับแผนสังหารของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
ขั้นแรกสุดคือต้องขโมยยาพิษมาให้ได้เสียก่อนซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องยาก แค่เข้าไปหาเอ็นโดที่ห้องแล้วชวนคุยจนติดลมบน ระหว่างนั้นก็คอยจังหวะที่นายนั่นลุกไปเข้าห้องน้ำหรือลุกไปไหน เข้าไปหยิบขวดแก้วสีชาใบเล็กจิ๋วจากหีบใส่สัมภาระที่เขาจำได้ดีเอามาก็เป็นอันว่าเรียบร้อย นายเอ็นโดนั่นคงไม่คอยตรวจตราหีบใส่ของอย่างละเอียดถึงก้นหีบอยู่เสมอแน่ อย่างน้อยก็จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรหายไปในสองสามวันนี้ แต่ถึงจะรู้ว่าหายไปก็คงไม่กล้าเอะอะเพราะการมียาพิษอยู่ในครอบครองนั้นผิดกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าทำได้แนบเนียนดีเขาก็จะไม่มีทางรู้ว่าใครขโมยไป
แทนที่จะใช้วิธีนั้น แอบเข้าไปทางช่องเพดานไม่ง่ายกว่าหรือ ไม่...ไม่ นั่นมันเสี่ยงอันตรายเกินไป อย่างที่บอกคือเจ้าของห้องจะกลับมาเมื่อไรไม่รู้ ทั้งยังต้องกังวลว่าจะมีใครมองผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามาเห็นอีก ที่สำคัญที่สุดคือฝ้าเพดานห้องของนายเอ็นโดไม่เปิดเป็นช่อง มีฝาปิดทับไว้ด้วยก้อนหินแบบที่ห้องของเขาเสียด้วย อย่างนี้มิต้องเสี่ยงถึงขนาดเลาะฝ้าที่ตรึงไว้ด้วยตาปูลอบลงไปในห้องนายนั่นอย่างนั้นหรือ ลำบากไปหน่อยหรือเปล่า
เอาละ ขั้นต่อไปเอายาพิษมาละลายน้ำแล้วหยอดลงไปในปากของนายเอ็นโดที่นอนอ้าปากตลอดเวลาเพราะเป็นโรคจมูก ก็จบ ห่วงอยู่อย่างเดียวคือนายเอ็นโดจะกลืนยาพิษเข้าไปเรียบร้อยไหมเท่านั้น อ๋อ...เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ทำไมน่ะหรือ...ก็เพราะจะใช้ยาแค่นิดเดียวผสมน้ำให้เข้มข้นพอให้ได้ไม่กี่หยดแล้วหยอดลงไปในปากเหยื่อที่อ้ารับอยู่ตอนกำลังหลับสนิท อย่างนั้นยาก็จะถูกกลืนเข้าไปโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงจะรู้ตัวก็ไม่มีเวลาพอที่จะสำรอกมันออกมาแน่ ซะบุโรเองรู้ดีว่ามอร์ฟีนเป็นยาขมมากแต่ก็จะใช้แค่นิดเดียวหรือถ้าผสมน้ำตาลลงไปสักนิดก็ยิ่งไม่ต้องกังวลหากเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาโดยไม่คาดคิด ถึงนายเอ็นโดจะเกิดสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นมาเขาก็ไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังถูกวางยาด้วยวิธีนี้ ใครจะคิดว่ามียาพิษหยดลงมาจากเพดาน
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ยามีสรรพคุณแค่ไหน ปริมาณที่ใช้มากไปหรือน้อยไปไหมสำหรับคนที่มีโครงสร้างร่างกายอย่างนายเอ็นโด หากน้อยเกินไปอาจทำให้แค่ดิ้นรนทรมานไม่ถึงตายก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก แต่ในส่วนตัวของซะบุโรนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นอันตรายใด ๆ เพราะเมื่อเสร็จกิจก็จะอุดรูตาไม้ที่เพดานไว้ตามเดิม พื้นที่ใต้หลังคาก็ยังไม่มีฝุ่นจับหนาจึงจะไม่มีร่องรอยใด ๆ เหลือทิ้งไว้ ทั้งถุงมือยังช่วยป้องกันลายนิ้วมือด้วย สมมติว่าเกิดมีใครรู้ว่ายาพิษหยดลงมาจากเพดานแต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ว่าเป็นใครเป็นคนทำ โดยเฉพาะเขานั้นไม่มีทางตกเป็นผู้ต้องสงสัยเลยเพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าเขากับนายเอ็นโดเพิ่งรู้จักกันและไม่เคยมีเรื่องบาดหมางชิงชังกันมาก่อน แต่ไม่จำเป็นต้องสมมติเลยเถิดไปขนาดนั้นก็ได้ เพราะก่อนอื่นเขาจะต้องสืบให้ได้ก่อนว่ายาพิษเข้าไปในปากนายเอ็นโดตอนกำลังหลับสนิทได้อย่างไร นั่นแหละใครเล่าจะรู้
ทั้งหมดนั้นคือเหตุผลดี ๆ เข้าข้างตัวเองที่ซะบุโรสรรหามาสนับสนุนแผนสังหารของตนระหว่างอยู่ใต้หลังคาและเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว แต่น่าประหลาดที่เจ้าหนุ่มจิตป่วยคนนี้ไม่รู้ตัวแม้แต่นิดเดียวก่อนที่จะลงมือก่อการว่า แผนสังหารที่เขาอาจทำสำเร็จลุล่วงตามขั้นตอนไปด้วยดีดังใจนั้น มีข้อผิดพลาดอย่างฉกาจฉกรรจ์แฝงอยู่ ข้อผิดพลาดที่คิดว่าผู้อ่านคงจับได้แล้ว

ตอนที่ 5
หลังจากนั้นสี่ห้าวันซะบุโรซึ่งเฝ้าคอยโอกาสเข้าไปในห้องของนายเอ็นโดก็ได้จังหวะเหมาะ แน่นอนว่าระหว่างช่วงเวลานั้นเขาได้คิดทบทวนแผนสังหารอย่างรอบคอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมั่นใจว่าไม่มีจุดไหนที่เป็นการเสี่ยงอันตราย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเสริมขั้นตอนใหม่ ๆ ที่มีรายละเอียดแยบยลลงไปอีก อย่างเช่น วิธีกำจัดขวดใส่ยาพิษ
ซะบุโรตกลงใจว่าพอสังหารนายเอ็นโดเสร็จเขาจะทิ้งขวดยาพิษลงไปทางรูตาไม้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับเขาถึงสองต่อ อย่างแรกคือตัดภาระที่จะต้องซุกซ่อนขวดยาพิษซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดของคดี และอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อมีขวดยาพิษตกอยู่ข้างศพใคร ๆ ก็ต้องคิดว่านายเอ็นโดฆ่าตัวตาย เรื่องนี้เพื่อนชาวหอที่เคยเข้าไปในห้องนายเอ็นโดและฟังเขาเพ้อเจ้อเรื่องรักรันทดของเขา จะเป็นพยานได้เป็นอย่างดีว่าขวดยาเล็กจิ๋วนั้นเป็นของส่วนตัวของผู้ตาย นอกจากนั้นซะบุโรยังได้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งจากการที่นายเอ็นโดเป็นคนละเอียดรอบคอบในการปิดประตูดูแลความเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วก่อนเข้านอนทุกคืน เขาใส่สลักกลอนทั้งประตูและหน้าต่างอย่างแน่นหนาชนิดที่คนภายนอกไม่มีทางเข้ามาในห้องได้เด็ดขาด
วันนั้น ซะบุโรต้องใช้ความอดทนอย่างเหลือที่จะกล่าวในการเผชิญหน้าและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่เป็นเวลานานกับนายเอ็นโดซึ่งแค่เห็นหน้าเขาก็รู้สึกคลื่นไส้เป็นกำลัง หลายครั้งที่เขาต้องพยายามระงับปากระงับคำอย่างสุดกำลังไม่ให้หลุดคำขู่คุกคามเอาชีวิตออกมาซึ่ง ๆ หน้าตามใจประสงค์ร้ายที่กดดันอยู่ภายใน “อีกไม่นานหรอก กูจะฆ่ามึงด้วยวิธีที่ไม่เหลือหลักฐานไว้ให้จับกูได้สักอย่างเดียว มึงจะได้พูดจ้อย ๆ ไม่รู้จักหยุดเหมือนพวกนังผู้หญิงแบบนี้ไปได้อีกไม่นานหรอก ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่ พูดให้พอเถอะมึง” ซะบุโรทวนคำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ในใจขณะนิ่งมองริมฝีปากกว้างใหญ่ที่ขยับขึ้นลงอย่างไม่รู้จักหยุด จิตใจของเขาลิงโลดจนสุดทนเมื่อคิดว่าชายคนนี้จะกลายเป็นศพตัวเขียวขึ้นอืดในอีกไม่ช้า
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น นายเอ็นโดลุกขึันไปห้องน้ำจริงอย่างที่คิด ตอนนั้นเวลาราวสี่ทุ่มแล้ว ซะบุโรมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ตรวจดูภายนอกหน้าต่างกระจกอย่างถี่ถ้วน ก่อนเลื่อนประตูเปิดตู้เก็บที่นอนอย่างว่องไวโดยไม่ให้เกิดเสียง แล้วฉวยขวดยาพิษขวดนั้นออกมาจากหีบเก็บสัมภาระได้โดยง่าย เพราะจำที่เก็บของมันได้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในห้องนี้ครั้งก่อน ถึงกระนั้นใจก็ยังเต้นรัวราวตีกลอง เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาชุ่มรักแร้เลยทีเดียว พูดกันตามจริงแล้วการขโมยขวดยาพิษเป็นงานเสี่ยงอันตรายที่สุดในแผนสังหารชุดนี้ เป็นงานที่ต้องทำอย่างฉับพลันทันทีเพราะไม่รู้ว่านายเอ็นโดจะกลับออกมาจากห้องน้ำเมื่อไร ทั้งยังมั่นใจไม่ได้เต็มที่ด้วยว่าจะไม่มีใครลอบมองอยู่ แต่ซะบุโรคิดเอาไว้แล้วว่าจะเฝ้าระวังดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดว่ามีใครเห็นเขาหยิบขวดยาออกมาหรือไม่ หรือถึงไม่มีใครเห็นแต่พบภายหลังว่าขวดยาของนายเอ็นโดหายไป ซึ่งก็คงรู้ได้ในเวลาไม่นาน เพราะเขามีช่องรูใต้หลังคาเป็นอาวุธสอดแนมชั้นเลิศ และเมื่อเห็นท่าไม่ดีเขาก็แค่ระงับการเดินแผนสังหารเสียเท่านั้นเอง การขโมยยาพิษไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงอะไรสักหน่อย
ผลสุดท้ายปรากฏว่าซะบุโรได้ขวดยามาครอบครองทันเวลาโดยไม่มีใครเห็น ครู่หนึ่งต่อมาเมื่อนายเอ็นโดออกมาจากห้องน้ำเขาก็ตัดบทการสนทนาลากลับ ทันทีที่เข้ามาในห้องซะบุโรปราดไปปิดม่านหน้าต่างจนสนิทไม่ให้มีช่องที่ใครจะลอบมองเข้ามาได้ ตรวจดูสลักกลอนประตูให้แน่ใจว่าปิดเรียบร้อยแล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบขวดแก้วสีชาเล็กจิ๋วน่าเอ็นดูออกมาวางเพ่งพิศ ทั้ง ๆ ที่ใจยังไม่หายเต้นดี
MORPHINUM HYDROCHLORICUM (o. x g.)
ที่ขวดมีป้ายเล็ก ๆ ติดไว้ คงเป็นลายมือของนายเอ็นโด ซะบุโรรู้จักมอร์ฟีนมาบ้างจากหนังสือพิษวิทยาที่เคยอ่านแต่เพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก เขาหยิบขวดยาขึ้นส่องกับดวงไฟเห็นผงสีขาวประมาณครึ่งช้อนชาสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับสวยงามอยู่ในนั้น ซะบุโรอดประหลาดใจไม่ได้ว่าสิ่งนี้น่ะหรือที่มีฤทธิ์ขนาดคร่าชีวิตมนุษย์ได้
สำหรับปริมาณยาที่จะใช้นั้น ซะบุโรไม่มีเครื่องชั่งที่มีความละเอียดสูงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อคำพูดของนายเอ็นโด ซึ่งเขาคิดว่าไม่น่าจะเป็นการพูดออกมาชุ่ย ๆ แม้ตอนนั้นจะกำลังเมา อีกทั้งเขายังรู้ว่าตัวเลขบนป้ายแสดงปริมาณยาที่พอสำหรับฆ่าคน 2 คนตายสนิท จึงไม่น่ามีอะไรผิดพลาด
ซะบุโรเริ่มผสมยาพิษด้วยความตั้งอกตั้งใจด้วยท่าทีประณีตบรรจงราวกับเภสัชกรมืออาชีพ เขาวางขวดยาไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบน้ำตาล และน้ำบริสุทธิ์มาวางเรียงไว้ใกล้ ๆ กัน ดึกแล้วความเงียบสงัดครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ชาวหอน่าจะเข้านอนกันแล้วทุกคน ซะบุโรเอาก้านไม้ขีดจุ่มน้ำบริสุทธิ์หยดลงไปในขวดทีละหยด ๆ ด้วยความระมัดระวังเต็มที่ เสียงหายใจเข้าออกแรง ๆ ของเขาดังน่ากลัวอย่างประหลาดราวกับเสียงถอนหายใจของปีศาจ ช่างเป็นบรรยากาศที่เติมเต็มความพอใจให้แก่จิตวิปราสของซะบุโรได้อย่างเปี่ยมล้นอะไรเช่นนี้ ภาพมายาที่ผุดขึ้นมาลาง ๆ และค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเบื้องหน้าเขาคือแม่มดน่าเกลียดน่ากลัวในนิทานโบราณ กำลังแสยะยิ้มขณะจ้องตาโปนถลนลงไปในหม้อยาพิษใบใหญ่ที่กำลังเดือดปุด ๆ อยู่ในถ้ำลึกที่มืดมิด
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
ตอนที่ 4
ขณะที่กำลังมองหน้าเอ็นโดที่กำลังหลับสบายอยู่นั้น ความคิดที่ประหลาดพิสดารอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมองของซะบุโร
นี่ถ้าเราถ่มน้ำลายลงไปในรูนี่มันจะเข้าปากอ้ากว้างของนายเอ็นโดพอดีไหมนะ...ทำไมรึ ก็มันเหมือนกับนายนั่นกำลังอ้าปากรับชวนให้ถ่มน้ำลายลงมาอยู่ข้างล่างนั่นพอดีน่ะซี ซะบุโรดึงเชือกเส้นยาวออกจากขอบกางเกงในขายาวหูรูดที่เขาชอบใส่เป็นประจำ สอดปลายข้างหนึ่งลงไปในรูตาไม้ค่อย ๆ ผ่อนเส้นเชือกลงไปในแนวดิ่ง แล้วแนบตาข้างหนึ่งลงกับรูเหมือนกำลังเล็งปืนไปให้เข้าเป้าไม่มีผิด มันช่างบังเอิญอย่างประหลาดที่เส้นเชือกกับรูตาไม้และช่องปากของนายเอ็นโดอยู่ในแนวเดียวกันอย่างเหมาะเหม็ง คือถ้าซะบุโรถ่มน้ำลายลงไปในรูจริง ๆ มันจะต้องเข้าปากนายเอ็นโดแน่นอน
แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะที่จะไปเที่ยวถ่มน้ำลายใส่ปากใครเขา ซะบุโรคิดพลางอุดรูตาไม้ไว้ดังเดิมแล้วตั้งท่าจะกลับออกไปจากจุดนั้น แต่ทันใดนั้นเองความคิดชั่วร้ายสยองขวัญก็แวบเข้ามาในใจราวสายฟ้าแลบ มันทำให้เขาถึงกับหน้าซีดตัวสั่นอยู่ในความมืดมิดใต้หลังคา เพราะมันคือแผนสังหารนายเอ็นโดผู้ที่เขาไม่ได้มีความเคียดแค้นชิงชังอะไรคนนี้นั่นเอง
อย่าว่าแต่เคียดแค้นชิงชังเลย เขากับนายเอ็นโดเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ และที่รู้จักก็เพราะบังเอิญย้ายเข้ามาอยู่หอพักนี้วันเดียวกันเท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็ไม่ได้คบหากันลึกซึ้งมากไปกว่าไปหากันที่ห้องแค่สองสามครั้ง แล้วทำไมจึงเกิดความคิดชั่วร้ายถึงขนาดจะฆ่าแกงกันเช่นนั้นขึ้นมาได้ ถึงจะไม่ชอบหน้าและท่าทางของนายเอ็นโดจนบางครั้งแทบอยากต่อยให้หน้าหงายสักที แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ถึงกับต้องคิดฆ่า ความจริงแล้วแรงจูงใจให้ซะบุโรคิดฆ่านายเอ็นโดนั้นไม่ได้อยู่ที่คน แต่อยู่ที่การกระทำคือ “การฆ่า” ต่างหาก ผู้อ่านที่ติดตามพฤติกรรมของซะบุโรมาตั้งแต่ต้นคงเข้าใจดีว่าชายผู้นี้มีสภาพจิตที่ออกจะพิลึกพิลั่นอยู่มาก และเมื่อเกิดความสนใจเรื่องฆาตกรรมขึ้นมาก็หลงไหลหัวปักหัวปำ ถึงกับลองเล่นเลียนแบบการก่ออาชญากรรมในหนังสือที่กว้านซื้อมาอ่าน ดังนั้นความคิด “ฆ่าคน” ที่แวบขึ้นมาในใจของซะบุโรจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน เท่าที่ผ่านมาเขาเคยมีความคิด “ฆ่าคน” บ่อยครั้งแต่ก็กลัวถูกจับได้และไม่เคยคิดที่จะลงมือทำจริงแม้แต่ครั้งเดียว
ทว่ากรณีของนายเอ็นโดที่ซะบุโร “คิดฆ่า” นั้นน่าจะประกอบด้วยความมั่นใจที่ว่าต้องไม่มีใครสงสัยและจับได้ว่าเขาเป็นคนฆ่า ซะบุโรไม่สนใจว่าเหยื่อการกระทำของเขาเป็นใคร จะเป็นคนที่เขาไม่เคยพบหรือว่าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ได้ ตราบที่ตัวของเขาเองปลอดภัยจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัย และ “การฆ่า” นั้นยิ่งโหดเหี้ยมสะเทือนขวัญเพียงไรก็ยิ่งสนองตัณหาอันประหลาดพิสดารของเขาได้สะใจเพียงนั้น ทำไมเหยื่อจึงต้องเป็นนายเอ็นโด...ดูเหมือนซะบุโรจะเชื่อว่าถ้าเป็นนายคนนี้ละก็ต้องไม่มีใครสืบพบแน่ว่าเขาเป็นคนฆ่า มูลเหตุที่ทำให้เขาคิดเช่นนั้นมีดังนี้...
ราววันที่สี่หรือที่ห้าหลังย้ายเข้าหอพักโทเอคัง ซะบุโรออกไปหาอะไรดื่มที่คาเฟ่ใกล้ ๆ กับชาวหอที่เพิ่งรู้จักกัน ประจวบเหมาะกับนายเอ็นโดก็มาที่คาเฟ่เดียวกันด้วยทั้งสามก็เลยมานั่งร่วมโต๊ะดื่มด้วยกัน สองคนดื่มสุราส่วนซะบุโรสั่งกาแฟเพราะไม่ชอบสุรา พอดื่มจนครึ้มดีแล้วก็ชวนกันกลับหอ เอ็นโดท่าทางเมานิด ๆ ดึงตัวอีกสองคนเอาไว้ “มาคุยต่อที่ห้องผมก่อนเถอะคุณ” ว่าแล้วก็ฉุดเพื่อนร่วมหอทั้งสองเข้ามาในห้องส่วนตัวจนได้ เอ็นโดคึกอยู่คนเดียว เรียกหาหญิงรับใช้ให้เอาน้ำชาเอาอะไรต่อมิอะไรวุ่นไปหมดโดยไม่เกรงใจว่าดึกดื่นออกปานนั้น เอาเรื่องที่คุยโวโอ้อวดเอาไว้ที่คาเฟ่มาพูดต่อซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่หยุดปาก ซะบุโรเริ่มชังน้ำหน้าเอ็นโดมาตั้งแต่คืนนั้นเมื่อเห็นเอ็นโดพูดพลางเลียริมฝีปากแดงจัดด้วยเลือดฝาดแผล็บ ๆ ขณะพูดโอ้อวดเรื่องผู้หญิง
“ผมจะบอกอะไรให้ ครั้งหนึ่งผู้หญิงคนนั้นกับผมถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายด้วยกันทีเดียว ตอนนั้นผมยังเป็นนักเรียน คุณก็รู้นี่ว่าผมเรียนหมอมียาอยู่ใกล้มือออกอย่างนั้น ก็เลยหยิบมอร์ฟีนมาเตรียมไว้พอกินแล้วตายพร้อมกันทั้งสองคน เราพากันไปถึงชิโอฮะระเลยละคุณ” เอ็นโดว่าพลางลุกขึ้นเดินเซ ๆ ไปที่ตู้เก็บที่นอน เลื่อนประตูตู้เปิดออกแล้วมุดเข้าไปค้นหาอะไรกุกกักจากหีบใส่สัมภาระหนึ่งในหลายหีบที่เก็บอยู่ในนั้น จนในที่สุดก็ได้ขวดแก้วสีชาใบเล็กจิ๋วขนาดปลายนิ้วก้อยติดมือออกมา ยื่นให้คนฟังดู ที่ก้นขวดมีผงอะไรสักอย่างสะท้อนแสงระยิบระยับอยู่นิดหนึ่ง
“นี่ไง แค่นี้เองก็พอทำให้คนสองคนตายสนิท แต่คุณอย่าไปบอกใครเด็ดขาดเลยนะ”
ว่าแล้วเอ็นโดก็เล่าเรื่องของตัวเองต่อไปอีกยาวเหยียดราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด แต่สิ่งที่หวนกลับมากระทบใจซะบุโรอย่างแรงโดยไม่คาดฝัน ณ วินาทีนี้ที่ใต้หลังคาก็คือ “ยาพิษ” ที่นายเอ็นโดพูดถึงในค่ำคืนนั้นนั่นเอง
“ฆ่าคนตายโดยเอายาพิษหยอดลงไปจากรูตาไม้ที่เพดาน มันช่างเป็นแผนสังหารแสนวิเศษอะไรปานนั้น”
และแล้วจิตใจของซะบุโรเพริดไปกับความคิดพิสดารของตนเองอย่างชนิดกู่ไม่กลับ ความจริงแผนสังหารของเขานี้คนปกติอย่างเรา ๆ ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าเป็นเรื่องลม ๆ แล้ง ๆ เอามาก ๆ นอกจากจะมีทางเป็นไปได้น้อยเหลือเกินแล้ว ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องใช้กลเม็ดพลิกแพลงยากเย็นขนาดนั้น เพราะยังมีวิธีฆ่าอื่น ๆ อีกถมไป แต่ชายผู้มีจินตนาการเพ้อฝันเรื่องอาชญากรรมเกิดขีดปกติคนนี้ไม่มีเวลาที่จะหยุดคิดไตร่ตรองอะไรอีกแล้ว สมองของเขาได้แต่โลดแล่นไปข้างหน้าคิดหาเหตุหาผลเข้าข้างตัวเองไปเสียทุกอย่างมารองรับแผนสังหารของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
ขั้นแรกสุดคือต้องขโมยยาพิษมาให้ได้เสียก่อนซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องยาก แค่เข้าไปหาเอ็นโดที่ห้องแล้วชวนคุยจนติดลมบน ระหว่างนั้นก็คอยจังหวะที่นายนั่นลุกไปเข้าห้องน้ำหรือลุกไปไหน เข้าไปหยิบขวดแก้วสีชาใบเล็กจิ๋วจากหีบใส่สัมภาระที่เขาจำได้ดีเอามาก็เป็นอันว่าเรียบร้อย นายเอ็นโดนั่นคงไม่คอยตรวจตราหีบใส่ของอย่างละเอียดถึงก้นหีบอยู่เสมอแน่ อย่างน้อยก็จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรหายไปในสองสามวันนี้ แต่ถึงจะรู้ว่าหายไปก็คงไม่กล้าเอะอะเพราะการมียาพิษอยู่ในครอบครองนั้นผิดกฎหมายอยู่แล้ว ถ้าทำได้แนบเนียนดีเขาก็จะไม่มีทางรู้ว่าใครขโมยไป
แทนที่จะใช้วิธีนั้น แอบเข้าไปทางช่องเพดานไม่ง่ายกว่าหรือ ไม่...ไม่ นั่นมันเสี่ยงอันตรายเกินไป อย่างที่บอกคือเจ้าของห้องจะกลับมาเมื่อไรไม่รู้ ทั้งยังต้องกังวลว่าจะมีใครมองผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามาเห็นอีก ที่สำคัญที่สุดคือฝ้าเพดานห้องของนายเอ็นโดไม่เปิดเป็นช่อง มีฝาปิดทับไว้ด้วยก้อนหินแบบที่ห้องของเขาเสียด้วย อย่างนี้มิต้องเสี่ยงถึงขนาดเลาะฝ้าที่ตรึงไว้ด้วยตาปูลอบลงไปในห้องนายนั่นอย่างนั้นหรือ ลำบากไปหน่อยหรือเปล่า
เอาละ ขั้นต่อไปเอายาพิษมาละลายน้ำแล้วหยอดลงไปในปากของนายเอ็นโดที่นอนอ้าปากตลอดเวลาเพราะเป็นโรคจมูก ก็จบ ห่วงอยู่อย่างเดียวคือนายเอ็นโดจะกลืนยาพิษเข้าไปเรียบร้อยไหมเท่านั้น อ๋อ...เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ทำไมน่ะหรือ...ก็เพราะจะใช้ยาแค่นิดเดียวผสมน้ำให้เข้มข้นพอให้ได้ไม่กี่หยดแล้วหยอดลงไปในปากเหยื่อที่อ้ารับอยู่ตอนกำลังหลับสนิท อย่างนั้นยาก็จะถูกกลืนเข้าไปโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงจะรู้ตัวก็ไม่มีเวลาพอที่จะสำรอกมันออกมาแน่ ซะบุโรเองรู้ดีว่ามอร์ฟีนเป็นยาขมมากแต่ก็จะใช้แค่นิดเดียวหรือถ้าผสมน้ำตาลลงไปสักนิดก็ยิ่งไม่ต้องกังวลหากเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาโดยไม่คาดคิด ถึงนายเอ็นโดจะเกิดสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นมาเขาก็ไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังถูกวางยาด้วยวิธีนี้ ใครจะคิดว่ามียาพิษหยดลงมาจากเพดาน
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ยามีสรรพคุณแค่ไหน ปริมาณที่ใช้มากไปหรือน้อยไปไหมสำหรับคนที่มีโครงสร้างร่างกายอย่างนายเอ็นโด หากน้อยเกินไปอาจทำให้แค่ดิ้นรนทรมานไม่ถึงตายก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก แต่ในส่วนตัวของซะบุโรนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะเป็นอันตรายใด ๆ เพราะเมื่อเสร็จกิจก็จะอุดรูตาไม้ที่เพดานไว้ตามเดิม พื้นที่ใต้หลังคาก็ยังไม่มีฝุ่นจับหนาจึงจะไม่มีร่องรอยใด ๆ เหลือทิ้งไว้ ทั้งถุงมือยังช่วยป้องกันลายนิ้วมือด้วย สมมติว่าเกิดมีใครรู้ว่ายาพิษหยดลงมาจากเพดานแต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ว่าเป็นใครเป็นคนทำ โดยเฉพาะเขานั้นไม่มีทางตกเป็นผู้ต้องสงสัยเลยเพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าเขากับนายเอ็นโดเพิ่งรู้จักกันและไม่เคยมีเรื่องบาดหมางชิงชังกันมาก่อน แต่ไม่จำเป็นต้องสมมติเลยเถิดไปขนาดนั้นก็ได้ เพราะก่อนอื่นเขาจะต้องสืบให้ได้ก่อนว่ายาพิษเข้าไปในปากนายเอ็นโดตอนกำลังหลับสนิทได้อย่างไร นั่นแหละใครเล่าจะรู้
ทั้งหมดนั้นคือเหตุผลดี ๆ เข้าข้างตัวเองที่ซะบุโรสรรหามาสนับสนุนแผนสังหารของตนระหว่างอยู่ใต้หลังคาและเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว แต่น่าประหลาดที่เจ้าหนุ่มจิตป่วยคนนี้ไม่รู้ตัวแม้แต่นิดเดียวก่อนที่จะลงมือก่อการว่า แผนสังหารที่เขาอาจทำสำเร็จลุล่วงตามขั้นตอนไปด้วยดีดังใจนั้น มีข้อผิดพลาดอย่างฉกาจฉกรรจ์แฝงอยู่ ข้อผิดพลาดที่คิดว่าผู้อ่านคงจับได้แล้ว
ตอนที่ 5
หลังจากนั้นสี่ห้าวันซะบุโรซึ่งเฝ้าคอยโอกาสเข้าไปในห้องของนายเอ็นโดก็ได้จังหวะเหมาะ แน่นอนว่าระหว่างช่วงเวลานั้นเขาได้คิดทบทวนแผนสังหารอย่างรอบคอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมั่นใจว่าไม่มีจุดไหนที่เป็นการเสี่ยงอันตราย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเสริมขั้นตอนใหม่ ๆ ที่มีรายละเอียดแยบยลลงไปอีก อย่างเช่น วิธีกำจัดขวดใส่ยาพิษ
ซะบุโรตกลงใจว่าพอสังหารนายเอ็นโดเสร็จเขาจะทิ้งขวดยาพิษลงไปทางรูตาไม้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับเขาถึงสองต่อ อย่างแรกคือตัดภาระที่จะต้องซุกซ่อนขวดยาพิษซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดของคดี และอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อมีขวดยาพิษตกอยู่ข้างศพใคร ๆ ก็ต้องคิดว่านายเอ็นโดฆ่าตัวตาย เรื่องนี้เพื่อนชาวหอที่เคยเข้าไปในห้องนายเอ็นโดและฟังเขาเพ้อเจ้อเรื่องรักรันทดของเขา จะเป็นพยานได้เป็นอย่างดีว่าขวดยาเล็กจิ๋วนั้นเป็นของส่วนตัวของผู้ตาย นอกจากนั้นซะบุโรยังได้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งจากการที่นายเอ็นโดเป็นคนละเอียดรอบคอบในการปิดประตูดูแลความเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วก่อนเข้านอนทุกคืน เขาใส่สลักกลอนทั้งประตูและหน้าต่างอย่างแน่นหนาชนิดที่คนภายนอกไม่มีทางเข้ามาในห้องได้เด็ดขาด
วันนั้น ซะบุโรต้องใช้ความอดทนอย่างเหลือที่จะกล่าวในการเผชิญหน้าและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่เป็นเวลานานกับนายเอ็นโดซึ่งแค่เห็นหน้าเขาก็รู้สึกคลื่นไส้เป็นกำลัง หลายครั้งที่เขาต้องพยายามระงับปากระงับคำอย่างสุดกำลังไม่ให้หลุดคำขู่คุกคามเอาชีวิตออกมาซึ่ง ๆ หน้าตามใจประสงค์ร้ายที่กดดันอยู่ภายใน “อีกไม่นานหรอก กูจะฆ่ามึงด้วยวิธีที่ไม่เหลือหลักฐานไว้ให้จับกูได้สักอย่างเดียว มึงจะได้พูดจ้อย ๆ ไม่รู้จักหยุดเหมือนพวกนังผู้หญิงแบบนี้ไปได้อีกไม่นานหรอก ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่ พูดให้พอเถอะมึง” ซะบุโรทวนคำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ในใจขณะนิ่งมองริมฝีปากกว้างใหญ่ที่ขยับขึ้นลงอย่างไม่รู้จักหยุด จิตใจของเขาลิงโลดจนสุดทนเมื่อคิดว่าชายคนนี้จะกลายเป็นศพตัวเขียวขึ้นอืดในอีกไม่ช้า
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น นายเอ็นโดลุกขึันไปห้องน้ำจริงอย่างที่คิด ตอนนั้นเวลาราวสี่ทุ่มแล้ว ซะบุโรมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ตรวจดูภายนอกหน้าต่างกระจกอย่างถี่ถ้วน ก่อนเลื่อนประตูเปิดตู้เก็บที่นอนอย่างว่องไวโดยไม่ให้เกิดเสียง แล้วฉวยขวดยาพิษขวดนั้นออกมาจากหีบเก็บสัมภาระได้โดยง่าย เพราะจำที่เก็บของมันได้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาในห้องนี้ครั้งก่อน ถึงกระนั้นใจก็ยังเต้นรัวราวตีกลอง เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาชุ่มรักแร้เลยทีเดียว พูดกันตามจริงแล้วการขโมยขวดยาพิษเป็นงานเสี่ยงอันตรายที่สุดในแผนสังหารชุดนี้ เป็นงานที่ต้องทำอย่างฉับพลันทันทีเพราะไม่รู้ว่านายเอ็นโดจะกลับออกมาจากห้องน้ำเมื่อไร ทั้งยังมั่นใจไม่ได้เต็มที่ด้วยว่าจะไม่มีใครลอบมองอยู่ แต่ซะบุโรคิดเอาไว้แล้วว่าจะเฝ้าระวังดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดว่ามีใครเห็นเขาหยิบขวดยาออกมาหรือไม่ หรือถึงไม่มีใครเห็นแต่พบภายหลังว่าขวดยาของนายเอ็นโดหายไป ซึ่งก็คงรู้ได้ในเวลาไม่นาน เพราะเขามีช่องรูใต้หลังคาเป็นอาวุธสอดแนมชั้นเลิศ และเมื่อเห็นท่าไม่ดีเขาก็แค่ระงับการเดินแผนสังหารเสียเท่านั้นเอง การขโมยยาพิษไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงอะไรสักหน่อย
ผลสุดท้ายปรากฏว่าซะบุโรได้ขวดยามาครอบครองทันเวลาโดยไม่มีใครเห็น ครู่หนึ่งต่อมาเมื่อนายเอ็นโดออกมาจากห้องน้ำเขาก็ตัดบทการสนทนาลากลับ ทันทีที่เข้ามาในห้องซะบุโรปราดไปปิดม่านหน้าต่างจนสนิทไม่ให้มีช่องที่ใครจะลอบมองเข้ามาได้ ตรวจดูสลักกลอนประตูให้แน่ใจว่าปิดเรียบร้อยแล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบขวดแก้วสีชาเล็กจิ๋วน่าเอ็นดูออกมาวางเพ่งพิศ ทั้ง ๆ ที่ใจยังไม่หายเต้นดี
MORPHINUM HYDROCHLORICUM (o. x g.)
ที่ขวดมีป้ายเล็ก ๆ ติดไว้ คงเป็นลายมือของนายเอ็นโด ซะบุโรรู้จักมอร์ฟีนมาบ้างจากหนังสือพิษวิทยาที่เคยอ่านแต่เพิ่งเคยเห็นของจริงเป็นครั้งแรก เขาหยิบขวดยาขึ้นส่องกับดวงไฟเห็นผงสีขาวประมาณครึ่งช้อนชาสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับสวยงามอยู่ในนั้น ซะบุโรอดประหลาดใจไม่ได้ว่าสิ่งนี้น่ะหรือที่มีฤทธิ์ขนาดคร่าชีวิตมนุษย์ได้
สำหรับปริมาณยาที่จะใช้นั้น ซะบุโรไม่มีเครื่องชั่งที่มีความละเอียดสูงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อคำพูดของนายเอ็นโด ซึ่งเขาคิดว่าไม่น่าจะเป็นการพูดออกมาชุ่ย ๆ แม้ตอนนั้นจะกำลังเมา อีกทั้งเขายังรู้ว่าตัวเลขบนป้ายแสดงปริมาณยาที่พอสำหรับฆ่าคน 2 คนตายสนิท จึงไม่น่ามีอะไรผิดพลาด
ซะบุโรเริ่มผสมยาพิษด้วยความตั้งอกตั้งใจด้วยท่าทีประณีตบรรจงราวกับเภสัชกรมืออาชีพ เขาวางขวดยาไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบน้ำตาล และน้ำบริสุทธิ์มาวางเรียงไว้ใกล้ ๆ กัน ดึกแล้วความเงียบสงัดครอบคลุมไปทั่วบริเวณ ชาวหอน่าจะเข้านอนกันแล้วทุกคน ซะบุโรเอาก้านไม้ขีดจุ่มน้ำบริสุทธิ์หยดลงไปในขวดทีละหยด ๆ ด้วยความระมัดระวังเต็มที่ เสียงหายใจเข้าออกแรง ๆ ของเขาดังน่ากลัวอย่างประหลาดราวกับเสียงถอนหายใจของปีศาจ ช่างเป็นบรรยากาศที่เติมเต็มความพอใจให้แก่จิตวิปราสของซะบุโรได้อย่างเปี่ยมล้นอะไรเช่นนี้ ภาพมายาที่ผุดขึ้นมาลาง ๆ และค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเบื้องหน้าเขาคือแม่มดน่าเกลียดน่ากลัวในนิทานโบราณ กำลังแสยะยิ้มขณะจ้องตาโปนถลนลงไปในหม้อยาพิษใบใหญ่ที่กำลังเดือดปุด ๆ อยู่ในถ้ำลึกที่มืดมิด