“ยิ้มให้กล้องแทนตอกบัตรเวลาเข้า-เลิกงาน” นี่คือกฎระเบียบใหม่ของร้านอาหารแห่งหนี่งที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อประเมินความเครียดของพนักงาน ป้องกันพนักงานทำงานเหนื่อยเกินไป
ระบบวัดความเครียดจากใบหน้าคิดค้นขึ้นโดยบริษัทนีโอ แคเรีย ในญี่ปุ่น และมีบริษัทต่างๆกว่า 1,000 แห่งนำระบบนี้ไปใช้ ระบบนี้จะใช้ภาพถ่ายใบหน้าของพนักงาน เพื่อประเมินความเครียดและความกระตือรือล้นในการทำงาน
ระบบนี้ได้บันทึกภาพใบหน้ากว่า 20,000 ภาพเพื่อเปรียบเทียบอารมณ์ความรู้สึกที่สะท้อนออกมาผ่านทางใบหน้าและสายตาของคนเรา โดยคนที่เหน็ดเหนื่อยหรือเครียดหางตาและริมฝีปากจะตกคล้อยลง คนๆเดียวกันหากมีสีหน้าต่างกันก็จะมีผลประเมินแตกต่างกันอย่างมาก
เป้าหมายการประเมินก็เพื่อให้หัวหน้างานสามารถรับรู้ความเครียดของพนักงาน เพื่อป้องกันการทำงานหนักจนมีผลต่อสุขภาพ หรือลาออกเพราะงานหนัก บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งมีปัญหาพนักงาน “ทำงานจนตาย” ขณะที่ลูกจ้างส่วนใหญ่มักไม่พูดถึงปัญหาความเครียดสะสมจากการทำงาน ทำให้หัวหน้างานก็ไม่รับรู้
ร้านอาหารแห่งหนึ่งใช้นำระบบนี้มาใช้ โดยให้พนักงานถ่ายรูปตัวเองแทนการลงเวลาเข้า-เลิกงานแบบเดิมที่ใช้การตอกบัตรหรือเขียนเวลา
ผู้จัดการร้านบอกว่า ระบบนี้ช่วยเพิ่มความกระตือรือล้นในการทำงาน และช่วยให้บริษัทบริหารจัดการเวลาทำงาน รวมทั้งประเมินประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ดีมาก
ผู้จัดการร้านยังพบว่า หลังจากใช้ระบบประเมินความเครียดนี้ ความสัมพันธ์กับพนักงานดีขึ้น การสื่อสารระหว่างกันก็สะดวกขึ้น เหมือนกับรู้ “ความในใจ” ที่พนักงานไม่กล้าพูดออกมา
บริษัทผู้คิดค้นระบบวัดความเครียดนี้ ต้องการให้ผู้บริหารบริษัทต่างๆเข้าใจพนักงานมากขึ้น ความเอาใจใส่นี้จะช่วยให้พนักงานรู้สึกผูกพันกับองค์กร นอกจากนี้หากพนักงานอารมณ์แจ่มใส ลูกค้าก็จะได้รับบริการที่ดีขึ้นด้วย
ทุกวันนี้ บริษัทต่างๆล้วนใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลักในการทำงาน ทำให้การสื่อสารระหว่างกันน้อยลงอย่างมาก เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้บริษัทเข้าใจพนักงานดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อรูปแบบการทำงาน และความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานด้วยกัน.