นับตั้งแต่ญี่ปุ่นประกาศ “ฟรีวีซ่า” ให้นักท่องเที่ยวไทย คนไทยหลั่งไหลไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นกว่า 3เท่าตัว รัฐบาลญี่ปุ่นใช้มาตรการวีซ่าสำหรับประเทศต่างๆ แตกต่างกัน และมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการคัดเลือกคนที่มีคุณภาพเข้าประเทศ รวมทั้งช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ
ในอดีตญี่ปุ่นถือเป็นประเทศหนึ่งที่ขอวีซ่ายาก คนที่คิดจะมาเที่ยวญี่ปุ่นต้องมีเงินค้ำประกันในบัญชีธนาคารเป็นหลักแสน และยังต้องลุ้นระทึกว่าจะได้รับอนุมัติให้เข้าญี่ปุ่นได้หรือไม่?
หากแต่ไม่ถึง 2ปีที่รัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวไทยได้พิสูจน์ว่าประสบผลสำเร็จอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวไทยเดินทางที่มาเยือนแดนอาทิตย์อุทัยถึงปีละเกือบ 8แสนคน มากที่สุดในชาติเซียน และมากเป็น 6 รองจากจีน,เกาหลีใต้,ไต้หวัน,ฮ่องกง และสหรัฐฯ
รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเงื่อนไขวีซ่าแตกต่างกันสำหรับประชาชนแต่ละชาติ แต่ที่น่าสนใจที่สุด คือ นักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากชาวจีนเป็นนักท่องเที่ยวอันดับที่ 1 ทั้งในแง่จำนวนและยอดเงินที่จับจ่ายใช้สอย หากแต่ความแตกต่างหลากหลายของชาวจีนก็ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นมีมาตรการคัดเลือกนักท่องเที่ยวที่ดูผิวเผินอาจแปลกพิลึก แต่ความจริงแล้วได้ผ่านการวางแผนอย่างเหนือชั้น
ยื่นวีซ่า ขอดูปริญญาบัตร จบ ม.ดังไม่มีตังก์ก็เที่ยวได้
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นประกาศมาตรการผ่อนคลายวีซ่าล่าสุดสำหรับชาวจีน โดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ 75 แห่งที่ควบคุมโดยกระทรวงศึกษาธิการจีน สามารถมาเที่ยวญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องมีเงินค้ำประกันในธนาคาร มาตรการใหม่นี้ยังครอบคลุมถึงผู้ที่จบการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรี โท เอก จากมหาวิทยาลัยดังในจีนภายใน 3 ปีด้วย ส่วนนักวิชาการและอาจารย์ชาวจีนสามารถเดินทางมาญี่ปุ่นได้ไม่จำกัดครั้งภายในระยะเวลา 10ปี
“ยื่นวีซ่า ขอดูปริญญาบัตร” อาจดูเป็นเรื่องแปลก แต่เบื้องหลังคือรัฐบาลทุกประเทศต้องการรายได้จากนักท่องเที่ยว แต่ก็ต้องควบคุมคนเข้าเมืองไม่ให้ลักลอบอยู่อย่างผิดกฎหมาย หรือสร้างปัญหาต่างๆ หรือก็คือต้องการเฉพาะคนที่มีคุณภาพเข้าประเทศ
“นักท่องเที่ยวคุณภาพ” ที่ผ่านมาวัดด้วยการมีเงินในธนาคาร หรือมีหน้าที่การเงินดี ในอดีตชาวจีนที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่นจึงต้องมีเงินในธนาคารเกือบครึ่งล้านบาท หรือทำงานบริษัทต่างชาติหรือรัฐวิสาหกิจจีน และต้องใช้เอกสารยื่นเวลาหนาเป็นปึก
หลังจากจีนพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรุดหน้า รัฐบาลญี่ปุ่นรู้ดีว่าชาวจีนมีหลายระดับและมีจำนวนไม่น้อยที่ก่อพฤติกรรมไร้มารยาท หรือสร้างความลำบากใจให้กับประเทศเจ้าบ้านที่ไปเที่ยว แต่หากคัดเลือกกลุ่มชาวจีนที่ “มีศักยภาพจริง” ก็จะกอบโกยรายได้อย่างงาม
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงพยายามหา “เกณฑ์วัด” ใหม่ๆ ในการคัดเลือกนักท่องเที่ยว ไม่ใช่เพียงรายได้หรือการงาน แต่รวมทั้งศักยภาพส่วนบุคคลด้วย การเปิดทางให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนมาเที่ยวญี่ปุ่นได้สะดวกนั้น ก็เพราะเห็นว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ได้รับการศึกษาที่ดี ไม่มีแนวโน้มก่ออาชญากรรม และโอกาสน้อยที่จะหนีวีซ่าให้เสื่อมเสียอนาคตของตัวเอง
เผยเกณฑ์คัดเลือก “คนคุณภาพ” มาเที่ยวญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเคยใช้เกณฑ์หลายอย่างคัดเลือกวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน เริ่มจากเงินฝากธนาคาร, หน้าที่การงาน ต่อมาได้ใช้ระบบทะเบียนราษฎร์ของจีน โดยเปิดทางให้ชาวจีนที่อาศัยในเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว มาเที่ยวญี่ปุ่นได้ง่าย
เงื่อนไขต่อมา เช่น หากมาญี่ปุ่นเป็นกรุ๊ปทัวร์ก็จะง่ายกว่า แต่ทุกวันนี้ชาวจีนก็สามารถมาเที่ยวแบบอิสระที่ญี่ปุ่นได้ นอกจากนี้ชาวจีนที่เคยมีประวัติเดินทางมาญี่ปุ่นแล้ว หากจะมาเที่ยวอีกก็จะง่ายที่จะได้รับวีซ่า
รัฐบาลญี่ปุ่นยังใช้เงื่อนไขวีซ่าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเฉพาะพื้นที่ เช่นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ หรือเขตพิเศษต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ผ่อนปรนให้ชาวจีนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นโดยผ่านเกาะโอกินาวะ หรือพื้นที่แผ่นดินไหวได้รับวีซ่าอย่างง่ายดาย
ล่าสุด ชาวจีนที่เดินทางมากับเรือสำราญที่เทียบท่า ณ ญี่ปุ่น ยังได้รับ “ฟรีวีซ่า” ด้วย เพราะชาวจีนเหล่านี้ต้องมาและกลับไปพร้อมเรือ จึงแทบไม่มีโอกาสหลบหนีเลย
มาตรการวีซ่าของญี่ปุ่นไม่เพียงสามารถคัดกรองนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้าประเทศเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาพื้นที่ได้อย่างเฉพาะเจาะจงด้วย ไม่ได้เปิดกว้างเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้น ประเทศไทยซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนมากเป็นอันดับ 1 เช่นกัน และก็พบปัญหาจากการเปิดรับแบบไม่จำกัดจึงควรศึกษามาตรการวีซ่าของญี่ปุ่น แทนที่จะพร่ำบ่นแบบ “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง”.