จังหวัดไอชิ กับเมืองนาโงยา ของญี่ปุ่น ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพร่วมกันในการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ปี 2026 ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่หลังเมืองนาโงยา ถูกโหวตว่าเป็นเมืองใหญ่ที่ไม่น่าไปเที่ยวมากที่สุด
เมืองนาโงยา (นาโกยา) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดไอชิทางภาคกลางของญี่ปุ่น ได้ประกาศเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกัน เพื่อจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา การเสนอตัวนี้ได้ผ่านการรับรองโดยคณะกรรมการโอลิมปิกญี่ปุ่นหรือ JOC ในเดือนกันยายนนี้ จากนั้น JOC ก็ได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย หรือ OCA
ในการประชุมสมัชชาใหญ่ OCA ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดานัง ของเวียดนาม ที่ประชุมได้ให้การรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์เรื่องการร่วมกันเป็นเจ้าภาพในวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายนนี้ เนื่องจากไม่มีเมืองเสนอตัวเป็นคู่แข่งขอเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาแห่งเอเชีย
จังหวัดไอชิ กับเมืองนาโงยา มีแผนจะจัดการแข่งขันกีฬา 36 ประเภท โดยการแข่งขันส่วนใหญ่นั้นจัดขึ้นภายในจังหวัดไอชิ โดยนับเป็นครั้งที่ 3 ที่การแข่งขันเอเชียนเกมส์มีขึ้นที่ญี่ปุ่น และเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี นับตั้งแต่ที่ได้จัดขึ้นที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อปี 1994
เหตุผลที่จังหวัดไอชิ กับเมืองนาโงยา เสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกัน เนื่องจากนาโงยาเป็นเมืองศูนย์กลางของจังหวัดไอชิอยู่แล้ว แต่มีงบประมาณแยกจากกัน โดยในแผนการที่เสนอต่อสภาโอลิมปิกแห่งเอเชียนั้น งบประมาณ 30% จะมาจากสปอนเซอร์ผู้สนับสนุน ส่วนที่เหลือจังหวัดไอชิ กับเมืองนาโงยา จะรับผิดชอบร่วมกันในสัดส่วน 70 : 30
เมืองนาโงยา หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า นาโกยา กำลังเร่งสร้างความนิยมและจุดขายในการท่องเที่ยว หลังผลการสำรวจความนิยมด้านการท่องเที่ยวของ 8 เมืองใหญ่ในญี่ปุ่น พบว่า “นาโงยา” เป็นเมืองที่ชาวญี่ปุ่นคิดว่าไม่น่าไปเที่ยว เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจ
อ่านข่าวประกอบ : ผลโพลเผย เมืองไหนในญี่ปุ่นที่ “ไม่อยากไปเที่ยว” มากที่สุด ?
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนไทยแล้ว นาโงยา มีความน่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะวัดนิตไตจิ หรือ วัดไทย - ญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 และยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ตั้งอยู่ภายในวัดแห่งนี้ด้วย
วัดนิตไตจินี้ ยังเป็นวัดเดียวในประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ขึ้นกับศาสนาพุทธนิกายใด ๆ เลย แต่เป็นศูนย์รวมของพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นทั้ง 19 นิกาย โดยจะผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลปีละ 1 นิกาย