จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเยือนญี่ปุ่นในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ค่าเงินเยนที่แพงขึ้นอย่างมาก ทำให้นักท่องเที่ยวลดการใช้จ่าย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถ “ซื้อแหลก” เหมือนที่ผ่านมา
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาญี่ปุ่นในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมิถุนายน ปีนี้ ว่า มีจำนวน 11.71 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 28.2% และคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะทำสถิตินักท่องเที่ยวสูงสุด 20 ล้านคน
นักท่องเที่ยวจากจีนยังครองสถิติมาเยือนญี่ปุ่นมากที่สุดถึง 3.07 ล้านคน ตามมาด้วย เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฮ่องกง และ สหรัฐฯ ส่วนนักท่องเที่ยวไทยมาเป็นอันดับที่ 6 เดินทางมาญี่ปุ่นถึง 480,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 14.7%
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลับลดลงราว 10% เนื่องจากค่าเงินเยนที่แพงขึ้น ปรากฏการณ์ “ซื้อระเบิดระเบ้อ” ของนักท่องเที่ยวจีนเริ่มผ่อนคลายลง ส่งผลต่อร้านค้าของญี่ปุ่นอย่างมาก
ร้านค้าปลอดภาษีหลายแห่ง ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มถามพนักงานขาย ว่า สินค้ามีราคาเท่าไหร่หากเทียบเป็นเงินหยวน ขณะที่นาฬิกาหรูหรา และกล้องถ่ายรูปราคาแพงเริ่มทำยอดขายน้อยลง แต่ของเล่น, เกม และเครื่องสำอาง ยังได้รับความนิยมอยู่
การใช้จ่ายที่ลดลงของนักท่องเที่ยวจีนไม่เพียงเกิดจากค่าเงินเยนแพงเท่านั้น แต่รัฐบาลจีนยังเพิ่มมาตรการเก็บภาษีสินค้าที่ชาวจีนซื้อจากต่างประเทศอีกด้วย ทำให้ชาวจีนเปลี่ยนจากการซื้อสินค้าหรูหราไปเป็นสินค้าในชีวิตประจำวันแทน
รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ด้วยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ นอกจากพื้นที่หลัก ๆ เช่น โตเกียว โอซากา และ เกียวโต รวมทั้งส่งเสริมให้ชาวญุโรปเดินทางมาญี่ปุ่นมาขึ้นเพิ่มความหลากหลายของนักท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวเดินทางมาญี่ปุ่น 40 ล้านคน ในปี 2020 ที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก และคาดหวังเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว 8 ล้านล้านเยน