ทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงซี่งใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีส้มและแดงสะพรั่ง เป็นช่วงที่งดงามสำหรับการท่องเที่ยวไม่แพ้ช่วงดอกซากุระบาน โดยมีสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีหลายแห่งที่มีความงดงามในแบบเฉพาะตัวที่เหมือนใคร
หากพูดถึงสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจำนวนมากมักเลือกไปที่ “เกียวโต” เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะมีใบไม้เปลี่ยนสีไล่เรียงตั้งแต่สีเหลือง, สีส้ม จนถึงสีแดงสดและสีน้ำตาลแล้ว ในเวลาค่ำคืนยังมีการประดับไฟอย่างงดงามอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจำนวนมากทำให้เกียวโตคลาคล่ำจนบางครั้งเห็นแต่ผู้คนเบียดเสียด มากกว่าจะได้ชมความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งความจริงแล้วทั่วแดนอาทิตย์อุทัยยังมีสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกหลายแห่งที่มีความงดงามไม่เหมือนใคร เป็นต้นว่า
ภูเขาไดเซตสุ ฮอกไกโด
ฮอกไกโดเป็นพื้นที่ที่ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วที่สุดในญี่ปุ่น โดยเริ่มตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนกันยายนไปจนถึงช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะได้ชมใบไม้สีน้ำตาลและสีทองที่ใกล้จะร่วงหล่น ภูเขาไดเซตสุมีป่าที่อุดมสมบูรณ์,น้ำตกและแม่น้ำที่ใสราวกระจก และยังเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวสามารถพักที่เมืองโซอุนเคียวที่อยู่ใกล้กับภูเขา ซึ่งมีเรียวกังและออนเซนมากมาย และสามารถใช้รถกระเช้าเพื่อขึ้นไปชมบริเวณยอดเขาได้โดยสะดวก หรือจะเลือกปีนเขาในเส้นทาง “อาซาฮี-ดาเกะ” ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลังอยู่ และมีความสูงราว 1260เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
วิธีเดินทาง: มีรถโดยสารจากสถานีรถไฟฮาซาฮีคาวะ และคามิคาวะ ไปยังออนเซนที่เมืองโซอุนเคียว
สวนริคุกิเอน กรุงโตเกียว
บริเวณใกล้กรุงโตเกียวมีสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีมากมาย ทั้งเมืองคามาคุระ,โอเซะ และฮาโกเน หากแต่สวนริคุกิเอนที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของญี่ปุ่น ก็มีใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามโดยไม่ต้องเดินทางไปไกล
สวนริคุกิเอนมีสระน้ำอยู่ใจกลาง รายล้อมด้วยต้นไม้ที่ถูกจัดแบบสวนในยุคเอโดะ ซึ่งจำลองย่อส่วนทิวทัศน์สวยงาม 88 สถานที่ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีห้องดื่มชาที่สามารถจิบชาพร้อมชมใบไม้สีสวยงดไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปสวนริคุกิเอนจะมีการประดับในเวลากลางคืน และให้เที่ยวชมได้จนถึงเวลา 21.00 น.
วิธีเดินทาง: เดินเท้า 10นาทีจากสถานีโคมาโกเมะ ของเส้นทางรถไฟJR ยามาโนเตะ
เกาะมิยาจิมะ ฮิโรชิมะ
สถานที่ตั้งของประตูศาลเจ้าสีแดง ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็น 1ใน 3 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวของญี่ปุ่น โดยนอกจากศาลเจ้ากลางทะเลอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว เกาะมิยาจิมะยังมีภูเขามิเซนซึ่งมีใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงาม นักท่องเที่ยวจะได้ชมใบไม้สีแดงสดตัดกับท้องทะเลสีคราม ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากสถานที่อื่น บนเกาะมิยาจิมะยังมีวัดและศาลเจ้าจำนวนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาทั้งวันเที่ยวชมได้อย่างสำราญใจ
วิธีเดินทาง: จากตัวเมืองฮิโรชิม่า โดยสารรถรางสายที่2 หรือรถไฟเจอาร์มายังสถานีมิยาจิมะกุชิ ซึ่งมีเรือเฟอร์รี่ข้ามมายังเกาะมิยาจิมะ.
ภูเขาชูโอ จังหวัดนากาโน
ยอดเขาที่สูงที่สุดในเกาะฮอนชู เกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จนได้สมญานามว่าเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น เป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมแห่งหนึ่ง
ภูเขาชูโอเป็นภูเขาที่นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยสามารถเที่ยวชมความงามได้อย่างสะดวกที่สุด เพราะสามารถนั่งรถกระเช้าที่จะนำไปสู่ยอดเขาที่มีความสูง 2612 เมตรภายในเวลาเพียง 8 นาที นักท่องเที่ยวจะได้ชมใบไม้ที่มีทั้งสีส้ม, สีแดงสดไปจนถึงสีทองบนผืนป่ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และหากอากาศเป็นใจก็จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย
วิธีเดินทาง: มีรถบัสจำนวนมากจากสถานีรถไฟโคมากาเน
อาราชิยามะ นครเกียวโต
ป่าไผ่อันขึ้นชื่อและมีนักท่องเที่ยวมาเยือนตลอดทั้งปีไม่ขาดสาย แต่ในฤดูใบไม้ผลิอาราชิยามะมีความดงามแปลกตาอีกแบบจากใบไม้สีแดงตัดกับใบไม้สีเขียว
นักท่องเที่ยวยังสามารถล่องเรือเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี หรือจะเลือกปีนขึ้นไปชมทิวทัศน์บนภูเขาคาเมะยามะก็ได้เช่นกัน บนภูเขาจะสามารถชมทิวทัศน์ของนครเกียวโต เมืองหลวงเก่าของแดนอาทิตย์อุทัยได้ในมุมสูง และระหว่างทางยังอาจมีฝูงลิงคอยสร้างสีสันอีกด้วย
วิธีเดินทาง: จากตัวเมืองเกียวโต นั่งรถไฟเจอาร์ไปยังสถานีซากา-อาราชิยามะ หรือนั่งระเมล์สาย 28 ลงที่ป้ายอาราชิยามะ-เทนริวจิ