ฟังจากปากสาวสวย แฟนฝรั่งกับแฟนญี่ปุ่นต่างกันตรงไหน?

ผู้หญิงทุกคนล้วนมีเสน่ห์เฉพาะตัว หากแต่วัฒนธรรมที่แตกต่างทำให้มุมมองต่อความรัก รวมทั้งและพฤติกรรมต่อคนรักของสาวฝรั่งตะวันตกกับสาวญี่ปุ่นแตกต่างกัน 2 สาวสวยตัวแทนจาก 2 ฝากฝั่งของโลกได้บอกเล่าความต่างของการมีแฟนสาวฝรั่งกับแฟนสาวญี่ปุ่น

เว็บไซต์ Stopkiddinstudio ซึ่งผลิตโดยชุมชนชาวต่างชาติที่อาศัยในไต้หวัน ได้นำสาวสวยชาวอเมริกันและสาวญี่ปุ่นมาจับเข่าคุยแลกเปลี่ยนทัศนะเรื่องความรัก โดยสาวอเมริกันบอกว่า หากเธอต้องใจชาวหนุ่มคนใดแล้ว ก็จะไม่ลังเลที่จะเป็นฝ่ายเริ่มจีบ หรือแม้กระทั่งจูบชายหนุ่มในยามที่ออกเดทกัน

หากแต่สาวญี่ปุ่น ระบุว่าพวกเธอจะรอให้ฝ่ายชายเป็นคนบอกรักก่อน ส่วนเรื่องจูบแรกนั้นสาวญี่ปุ่นหวังจะเป็น “คนที่ถูกจูบ” มากกว่า

สาวฝรั่งไม่ลังเลที่จะบอก “ไอเลิฟยู” หากแต่สาวญี่ปุ่นแทบจะไม่บอก แม้แต่คำว่า “คิดถึง”

การออกเดทก็เป็นอีกเรื่องที่แตกต่างกันอย่างมาก โดยหนุ่มสาวฝรั่งเมื่อออกเดท ฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายมักแบ่งกันออกค่าใช้จ่าย ส่วนชายหนุ่มที่ออกเดทกับสาวญี่ปุนนั้นจะต้องเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

คู่รักชาวตะวันตกจะวางแผนการออกเดทด้วยกันว่าจะไปทานข้าวหรือเที่ยวที่ไหน? แต่ส่วนมากฝ่ายหญิงจะเป็นคนเลือก นอกจากนี้สาวฝรั่งจะไม่ค่อยใส่ใจมากว่าจะต้องแต่งตัวจนสวยเลิศ แตกต่างจากสาวญี่ปุ่นที่คาดหวังให้แฟนหนุ่มเป็นคนตัดสินใจเรื่องแผนการออกเดท ส่วนตัวเธอเองก็จะแต่งตัวและแต่งหน้าอย่างสวยงามที่สุด

สาวฝรั่งค่อนข้างคาดหวังให้แฟนหนุ่มมีหุ่นดี จึงชอบชายหนุ่มที่เป็น “สปอร์ตแมน” แต่สาวญี่ปุ่นไม่คิดว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญมากมาย

เมื่อแฟนหนุ่มทำเรื่องไม่ถูกใจหรือทำผิด สาวฝรั่งจะเอ่ยปากบอกทันที ขณะที่สาวญี่ปุ่นกลับเป็นฝ่ายที่ขอโทษ ถึงแม้ว่าตัวเองไม่ได้ทำความผิดอะไร เพราะต้องการรักษาหน้าของแฟนหนุ่ม

ส่วนเรื่องงานบ้าน สาวญี่ปุ่นจะเป็นคนทำงานบ้านทั้งหมดตั้งแต่ทำกับข้าวจนถึงล้างจาน หากแต่สาวญี่ปุ่นสมัยใหม่ต่าง “คาดหวัง” ให้แฟนหนุ่มช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้าน

สาวฝรั่งยังแยกแฟนกับกลุ่มเพื่อนออกจากกันอย่างชัดเจน แต่สาวญี่ปุ่นสามารถแนะนำแฟนหนุ่มให้รู้จักกับกลุ่มเพื่อนของเธอได้ และออกจะภูมิใจหากมีแฟนที่เพียบพร้อม หากแต่สาวญี่ปุ่นบางคนก็กลัวว่าจะทำให้แฟนหนุ่มรู้สึกเคอะเขินเช่นเดียวกัน

หัวข้อสนทนาสุดท้าย คือ สาวฝรั่งจะเปิดกว้างกับการมีแฟนชาวต่างชาติ แต่สาวญี่ปุ่นจำนวนน้อยมากที่มีแฟนชาวต่างชาติ เพราะกังวลเรื่องความแตกต่างทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรม

ถึงแม้ว่าความรักจะไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ และมีคู่รักจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามกำแพงความแตกต่างทางวัฒนธรรม หากแต่การเข้าใจพื้นฐานของแต่ละวัฒนธรรมจะช่วยเสริมสร้างความรักให้แนบแน่นยิ่งขึ้น.