xs
xsm
sm
md
lg

โรคหลอดเลือดสมอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้ โรคนี้เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อันเนื่องมาจากเส้นเลือดในสมองตีบ อุดตันหรือเส้นเลือดแตก ซึ่งส่งผลให้สมองบางส่วนขาดออกซิเจนและได้รับความเสียหาย ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้เซลล์สมองค่อย ๆ ตายลง หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการ แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด (FAST) ให้สงสัยว่าเป็นอาการโรคหลอดเลือดสมอง อย่าวางใจ รีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพราะสมองรอไม่ได้!!! ศูนย์สมองและระบบประสาท รพ.นครธน ยกระดับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองครบวงจร เพื่อชีวิตของผู้ป่วย

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและสารอาหาร ทำให้เนื้อสมองบางส่วนเสียหายหรือหยุดทำงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยโรคหลอดเลือดสมอง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

โรคเส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน หรือ Ischemic Stroke คือ ภาวะเกิดจากลิ่มเลือดหรือคราบไขมันไปอุดตันหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด
โรคหลอดเลือดสมองแตก หรือ hemorrhagic stroke คือ ภาวะเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกไปในเนื้อสมองหรือล้อมรอบสมอง ส่งผลให้เกิดแรงดันในสมองและเนื้อสมองถูกทำลาย

โรคหลอดเลือดสมอง มีกี่ประเภทง
โรคหลอดเลือดสมอง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

โรคเส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน หรือ Ischemic Stroke คือ ภาวะเกิดจากลิ่มเลือดหรือคราบไขมันไปอุดตันหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด
โรคหลอดเลือดสมองแตก หรือ hemorrhagic stroke คือ ภาวะเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกไปในเนื้อสมองหรือล้อมรอบสมอง ส่งผลให้เกิดแรงดันในสมองและเนื้อสมองถูกทำลาย
> กลับสารบัญ

สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมอง ทำให้สมองขาดเลือดและออกซิเจน ส่งผลให้เซลล์สมองเสียหายและเกิดอาการต่าง ๆ ตามมา โดยสาเหตุหลัก ๆ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่

เส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 80% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง แล้วเส้นเลือดในสมองตีบเกิดจากอะไร โดยมีสาเหตุดังนี้
ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว เกิดจากการสะสมของไขมันและตะกอนต่าง ๆ ที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
ลิ่มเลือดอุดตัน (Thrombosis) เกิดจากลิ่มเลือดที่ก่อตัวในหลอดเลือดสมองเอง หรือจากบริเวณอื่นของร่างกายหลุดลอยมาอุดตันหลอดเลือดสมอง
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial Fibrillation) ทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจ และอาจหลุดไปอุดตันหลอดเลือดสมองได้
หลอดเลือดสมองแตก (hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ 20% แล้วเส้นเลือดในสมองแตกเกิดจากอะไร โดยมีสาเหตุดังนี้
ความดันโลหิตสูง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลอดเลือดในสมองเปราะบางและแตกได้ง่าย
หลอดเลือดสมองโป่งพอง (Aneurysm) ผนังหลอดเลือดอ่อนแอและโป่งพอง หากแตกออกจะทำให้มีเลือดออกในสมอง
ความผิดปกติของหลอดเลือดสมองแต่กำเนิด (Arteriovenous Malformation - AVM) หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำเชื่อมต่อกันผิดปกติ ทำให้หลอดเลือดเปราะบางและเสี่ยงต่อการแตก
สาเหตุอื่น ๆ ที่อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองได้เช่นกัน อาทิ
การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะก็อาจทำให้หลอดเลือดในสมองแตก
ความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการควบคุม
ความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดโป่งพอง (aneurysm) หรือความผิดปกติของหลอดเลือดแต่กำเนิด (arteriovenous malformation - AVM)

ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดจะลดลง แข็งตัวง่าย และจะเสี่ยงมากหลังอายุ 55 ปี
เพศชายมีความเสี่ยงสูงกว่าเพศหญิง พบความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุรา
ประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง พันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่คล้ายคลึงกันในครอบครัว จึงทำให้โอกาสเกิดโรคเพิ่มขึ้นกว่าคนทั่วไป
เชื้อชาติ (บางเชื้อชาติมีความเสี่ยงสูงกว่า) บางกลุ่ม เช่น เอเชียและคนผิวดำ เสี่ยงสูงกว่า
ความดันโลหิตสูง ปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1 ทำให้หลอดเลือดอ่อนแอ แตกง่าย
โรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลที่สูงเป็นเวลานานทำลายหลอดเลือด ทำให้เกิดการตีบและอุดตันง่ายขึ้น
ไขมันในเลือดสูง ทำให้เกิดคราบไขมันสะสมในผนังหลอดเลือด เกิดหลอดเลือดแข็งและตีบตัน นำไปสู่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันสมองได้
โรคหัวใจ (เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ) ทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจ ซึ่งอาจหลุดลอยไปอุดตันหลอดเลือดสมองได้
การสูบบุหรี่ ทำให้หลอดเลือดตีบเร็ว เลือดหนืด และเพิ่มความดัน
การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
โรคอ้วน เกี่ยวข้องกับความดัน เบาหวาน และไขมันสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคหลอดเลือดสมอง
การขาดการออกกำลังกาย เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายอย่างที่นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง
ภาวะเครียด ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่เพิ่มความดันและทำให้หัวใจทำงานหนัก
การใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือฮอร์โมนบำบัด การใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือฮอร์โมนบำบัด อาจทำให้เลือดแข็งตัวง่ายขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่สูบบุหรี่หรืออายุมากกว่า 35 ปี

ปรึกษาแพทย์ออนไลน์
โรคหลอดเลือดสมอง มีอาการอย่างไร
โรคหลอดเลือดสมอง ที่มีเส้นเลือดในสมองตีบ แตก หรืออุดตัน สามารถสังเกตอาการได้ตามหลักอาการสโตรก B.E.F.A.S.T ดังนี้

B = Balance ร่างกายเกิดการทรงตัวผิดปกติ ทรงตัวไม่ได้ มีอาการเดินเซและวิงเวียนศีรษะบ่อย
E= Eye ตามัวและมองไม่เห็นเฉียบพลัน ลานสายตาผิดปกติ
F = Face ใบหน้ามีอาการหน้าชา ปากเบี้ยว มุมปากตก กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก
A = Arm แขน ขา อ่อนแรง เดินเซ ทรงตัวลำบาก อย่างเฉียบพลัน มักจะเป็นซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
S = Speech การพูด มีลักษณะพูดไม่ออก ลิ้นแข็ง หรือ พูดไม่ชัดอย่างทันทีทันใด
T = Time เวลาที่เริ่มมีอาการ คือ รู้ว่าเริ่มมีอาการผิดปกติ หรือนับจากเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการปกติเป็นครั้งสุดท้าย และรีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อการตรวจวินิจฉัย และรักษา ให้ทันภายใน 4.5 ชม.
> กลับสารบัญ

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดสมอง
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหลอดเลือดสมอง เป็นผลที่ตามมาจากการที่สมองบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้โดยภาวะแทรกซ้อนสามารถแบ่งได้เป็นหลายด้าน ดังนี้

ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท
อัมพฤกษ์–อัมพาตแขน ขา หรือใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรงหรือเคลื่อนไหวไม่ได้
สูญเสียการพูดหรือเข้าใจภาษา มักเกิดเมื่อสมองซีกซ้ายได้รับผลกระทบ
สูญเสียการทรงตัวหรือการประสานงาน ทำให้เดินลำบาก หกล้มบ่อย
ชัก โดยเฉพาะหลัง Stroke ชนิดเลือดออกในสมอง
ภาวะสมองเสื่อมหรือสับสน หรืออาจเกิดอัลไซเมอร์ตามมาได้ จากความเสียหายของสมองบริเวณที่ควบคุมความจำและการคิด
ภาวะแทรกซ้อนทางกายภาพอื่น ๆ
แผลกดทับ จากการนอนติดเตียงนานโดยไม่ขยับตัว
กลืนลำบาก เสี่ยงสำลักอาหารและติดเชื้อในปอด
ติดเชื้อทางเดินหายใจหรือทางเดินปัสสาวะ พบบ่อยจากการใส่สายสวนหรือการกลืนลำบาก
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (DVT) โดยเฉพาะขา จากการเคลื่อนไหวน้อย
ปัญหาทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูกหรือภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้
ภาวะแทรกซ้อนทางจิตใจ
ภาวะซึมเศร้าหลัง Stroke พบบ่อยและอาจทำให้การฟื้นตัวช้าลง
ความวิตกกังวล หรือ ภาวะเครียดเรื้อรัง
การสูญเสียความมั่นใจและการเข้าสังคม

การตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุโรคหลอดเลือดสมอง
การตรวจร่างกายเบื้องต้น การซักประวัติอาการของผู้ป่วย เช่น ชา แขนอ่อนแรง พูดไม่ชัด หน้าเบี้ยว ฯลฯ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด ตรวจการแข็งตัวของเลือด (กรณีสงสัยมีเลือดออก) ตรวจการทำงานของไตและตับ
การตรวจทางภาพถ่ายรังสี เช่น การทำ CT Scan ใช้ดูว่ามีเลือดออกในสมองหรือไม่ สามารถแยกชนิดของ Stroke ได้เบื้องต้น หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI brain) แสดงภาพของสมองได้ชัดเจน เหมาะสำหรับวินิจฉัยระยะเริ่มต้นของโรคหลอดเลือดสมองตีบ

การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง

การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง
การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) จะขึ้นอยู่กับ ชนิดของโรค ว่าเป็นแบบ โรคหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน หรือหลอดเลือดสมองแตก โดยเป้าหมายหลักคือการช่วยชีวิต ลดความเสียหายของสมอง และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก

1. โรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) สามารถรักษาได้ 2 วิธี ได้แก่

การรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) จะใช้ในกรณีผู้ป่วยมาพบแพทย์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 4.5 ชั่วโมงนับจากมีอาการ และพิจารณาความเหมาะสมของร่างกายผู้ป่วยแล้ว โดยแพทย์จะทำการฉีดยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ เพื่อละลายลิ่มเลือดที่ปิดกั้นหลอดเลือดอยู่ออกเพื่อช่วยให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองอีกครั้ง
การใส่สายสวนลากลิ่มเลือด (Clot Retrieval) กรณีเส้นเลือดที่ตีบหรืออุดตันเป็นเส้นเลือดใหญ่ โดยการใส่สายสวนเข้าทางหลอดเลือดแดงใหญ่พร้อมขดลวดที่ขาหนีบไปจนถึงจุดที่เกิดการอุดตัน แล้วดึงเอาลิ่มเลือดที่อุดตันออกจากหลอดเลือดสมอง เพื่อเปิดรูของหลอดเลือด โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ด้วยเครื่องไบเพลน ดีเอสเอ Biplane DSA ซึ่งเป็นนวัตกรรมการที่ช่วยให้แพทย์สามารถทำหัตถการได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัยต่อผู้ป่วย โดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาได้ทันท่วงที และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
2. โรคหลอดเลือดสมองแตก (hemorrhagic stroke) จะต้องการควบคุมปริมาณเลือดที่ออกด้วยการรักษาระดับความดันโลหิต โดยให้ยาลดความดันโลหิต เพื่อป้องกันการแตกซ้ำ พร้อมทั้งหาสาเหตุของเส้นเลือดในสมองแตก กรณีที่เลือดออกมาก แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัด เพื่อป้องกันความเสียหายต่อสมอง โดยการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเลือดที่ออกภายในสมองและขนาดของก้อนเลือด

> กลับสารบัญ

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง จะไม่เหมือนเนื้องอกในสมอง หรือ ไมเกรน ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย รองจากโรคมะเร็ง นอกจากการตรวจสุขภาพเป็นประจำแล้ว การดูแลสุขอนามัยของตนเองก็สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เส้นเลือดในสมองตีบ แตกหรืออุดตันได้ เช่น

รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีเส้นใยมาก
ลดอาหารรสเค็ม อาหารคอเลสเตอรอลสูง อาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง
ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์
กรณีมีความดันโลหิตสูง ควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นระยะและรับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
หยุดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำเสมอ
> กลับสารบัญ

โรคหลอดเลือดสมอง รู้เร็ว ป้องกันได้ รักษาทัน
ศูนย์สมองและระบบประสาท รพ.นครธน ยกระดับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองครบวงจร เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย ตั้งแต่การตรวจคัดกรองค้นหาสาเหตุ ตลอดจนการรักษาอาการต่าง ๆ ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลที่หอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Unit) โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านสมองและระบบประสาท แพทย์เฉพาะทางรังสีร่วมรักษา และศัลยแพทย์ ที่มีความชำนาญการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง พร้อมดูแลและรักษาผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายผู้ป่วย ตั้งแต่การฝึกกลืน การทำกายภาพบำบัด ร่วมกับการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (TMS) และการฝึกกล้ามเนื้อมือด้วยหุ่นยนต์ฝึกมือ Hand Robotic ควบคู่กับการกระตุ้นสมองด้วยกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน TDCS เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น