15 ธันวาคม 2568 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงในการคัดกรองบุคคลต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย โดยเฉพาะผู้ใช้สิทธิฟรีวีซ่า หลังมีความกังวลจากนักวิชาการและนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงว่า อาจมีชาวต่างชาติบางกลุ่มแฝงตัวเข้ามาในลักษณะนักรบรับจ้างหรือบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ในช่วงที่สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชายังคงเปราะบาง
.
พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และโฆษก สตม. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลต่างชาติ นับตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนอย่างรุนแรง แม้การเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศยังคงดำเนินการตามปกติ แต่มีความจำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสใช้สิทธิฟรีวีซ่าเข้ามาก่อเหตุหรือสนับสนุนการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงทั้งภายในประเทศและพื้นที่แนวรบ
.
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา สตม.ได้เรียกประชุมผู้บังคับบัญชาและหัวหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองสนามบินหลัก 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ เพื่อกำหนดมาตรการคัดกรองเชิงรุก โดยมุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติ 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มบุคคลจากบางประเทศในยุโรปตะวันออกและเอเชียตอนบน ซึ่งมีข้อมูลด้านความมั่นคงว่าอาจมีประวัติเกี่ยวข้องกับการเป็นนักรบรับจ้าง และกลุ่มชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้าไทยด้วยสิทธิฟรีวีซ่าในช่วงที่ทั้งสองประเทศมีสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรง ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์ที่ผิดวิสัยของการท่องเที่ยวทั่วไป
.
สำหรับชาวต่างชาติที่มีธุรกิจหรือภารกิจถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย ทางการขอให้ดำเนินการยื่นขอวีซ่าผ่านสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ เพื่อให้ผ่านกระบวนการคัดกรองจากต้นทางอย่างรัดกุมก่อนเดินทางเข้าไทย ขณะเดียวกัน สตม.ได้ปฏิเสธการอนุญาตให้เข้าประเทศไปแล้วรวม 185 ราย นับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมจนถึงวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา
.
โฆษก สตม. ระบุเพิ่มเติมว่า หน่วยงานจะประสานข้อมูลกับฝ่ายข่าวความมั่นคงอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต้องสงสัย หากมีข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ชัดเจน จะช่วยให้การคัดกรองเป็นไปอย่างตรงจุด โดยไม่กระทบต่อชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมโดยสุจริต ซึ่งในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ มีนักเดินทางเข้าออกประเทศเฉลี่ยวันละ 75,000–80,000 คน และเจ้าหน้าที่มีเวลาตรวจหนังสือเดินทางต่อรายไม่เกิน 45 วินาที
.
ทั้งนี้ การเพิ่มความเข้มงวดด้านความมั่นคงอาจทำให้เกิดความหนาแน่นบริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทาง โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินหนาแน่น อย่างไรก็ตาม สตม.ได้จัดกำลังพลครบทุกช่องตรวจ ยืนยันว่าระยะเวลารอคิวจะไม่เกิน 40 นาที จากเดิมที่เฉลี่ยไม่เกิน 20 นาที และย้ำว่ามาตรการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้าออกของประชาชนชาวไทยแต่อย่างใด