xs
xsm
sm
md
lg

แม่ทัพกุ้ง ลงพื้นที่ศูนย์อพยพสุรินทร์ ชี้การต่อสู้ครั้งนี้เพื่อศักดิ์ศรีประเทศไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 หรือที่ประชาชนรู้จักในนาม “แม่ทัพกุ้ง” ลงพื้นที่ศูนย์อพยพในอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อช่วงสายวันที่ 13 ธันวาคม 2568 เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น ชาวบ้านจำนวนมากเข้าทักทาย ขอถ่ายภาพ และบางส่วนถึงขั้นโผเข้ากอดเพื่อแสดงความขอบคุณและให้กำลังใจอดีตแม่ทัพภาคที่ 2
.
พลโทบุญสิน กล่าวกับชาวบ้านตอนหนึ่งว่า การปฏิบัติการทางทหารในขณะนี้เป็น ศึกทวงคืนแผ่นดิน ที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของประเทศไทย ย้ำว่าหากไม่ลุกขึ้นต่อสู้ เหตุการณ์ในอดีตอาจหวนกลับมาอีกครั้ง การที่ประชาชนต้องมาอยู่ในศูนย์อพยพอาจเต็มไปด้วยความลำบาก แต่เป็นความเสียสละเพื่อให้ลูกหลานทหารได้ทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดิน ถือเป็นการทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ พร้อมขอให้ทุกคนอย่าท้อแท้ เพราะเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ทุกคนจะได้กลับบ้านอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
.
อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำด้วยว่า ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของทหาร นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารบกได้มอบหมายให้ตนดูแลความเรียบร้อยของประชาชนที่อยู่หลังแนวปะทะ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ครอบครัวของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้า พร้อมยืนยันว่าทหารทุกนายทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้เป็นการไปรุกรานหรือยึดครองดินแดนของผู้อื่น แต่เป็นการปกป้องและผลักดันผู้ที่ล้ำเข้ามาออกไปจากแผ่นดินไทย
.
สำหรับกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าถูกรุกราน แต่ยังคงมีการโจมตีและยิงถล่มเข้ามาในฝั่งไทยอย่างต่อเนื่องนั้น พลโทบุญสิน ระบุว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่จะดำเนินการตามกรอบและสถานการณ์ ส่วนตนลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อให้กำลังใจประชาชน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีสามี ลูกหลาน ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแนวปะทะ เพื่อย้ำว่ากำลังพลเหล่านั้นกำลังหทำน้าที่อย่างดีที่สุด
.
พลโทบุญสิน ยอมรับว่ารู้สึกภูมิใจและดีใจ หลังได้รับรายงานว่าปฏิบัติการทางทหารสามารถยึดพื้นที่ซึ่งเป็นของประเทศไทยกลับคืนมาได้หลายจุด พร้อมเชื่อว่าความรู้สึกดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในหมู่ทหารเท่านั้น แต่ประชาชนทั่วประเทศและคนในพื้นที่ก็รับรู้ถึงความสำคัญของความคืบหน้านี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับเสียงเรียกร้องให้เร่งยึดคืนพื้นที่ให้ครบทั้งหมดนั้น อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ขอความเข้าใจว่า บางพื้นที่มีความซับซ้อนและต้องใช้ความระมัดระวังสูง ทุกการตัดสินใจต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและชีวิตของกำลังพล ไม่ควรกดดันว่าศึกจะยุติลงเมื่อใด แต่ควรให้ทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างรอบคอบ
.
เมื่อถูกถามถึงถ้อยคำที่กล่าวว่า “หากไม่สู้ก็จะเป็นขี้ข้า” พลโทบุญสิน ชี้แจงว่า เป็นการพูดเชิงเปรียบเทียบ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าหากวันนี้ไม่ยืนหยัดต่อสู้ ปัญหาเดิมๆ อาจย้อนกลับมาอีกครั้ง สิ่งที่ทำในวันนี้จึงเป็นการป้องกันไม่ให้ประชาชนต้องอพยพซ้ำซากในอนาคต
.
ภายหลังการพบปะชาวบ้าน พลโทบุญสิน ยังได้เดินเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และเด็กเล็กภายในศูนย์อพยพ มีช่วงหนึ่งที่คุณยายรายหนึ่งนำผ้าขาวม้าที่พกติดตัวมาคล้องให้เป็นการให้กำลังใจและรับขวัญ ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนถึงกับหลั่งน้ำตา ระบายความรู้สึกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงมีเด็กเล็กเข้ามาขอถ่ายภาพด้วย ท่ามกลางบรรยากาศที่สะท้อนทั้งความอ่อนไหวและความหวัง
.
ก่อนเดินทางกลับ พลโทบุญสิน ย้ำทิ้งท้าย ขอให้ประชาชนและทหารสู้ไปด้วยกัน แม้เส้นทางข้างหน้าอาจยาวนาน แต่ขอเพียงให้สถานการณ์ยุติลงอย่างสมบูรณ์ และจบลงด้วยศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชนทุกคน


กำลังโหลดความคิดเห็น