ความดันโลหิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของร่างกาย หากความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ อย่างไรก็ตาม หลายคนมักไม่ทราบว่าตนเองมีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิต เนื่องจากอาการเตือนอาจไม่ชัดเจน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ อาการเตือนความดันสูง และความดันโลหิตต่ำ เพื่อให้คุณสามารถเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
อาการเตือนเสี่ยงความดันสูง – ความดันต่ำ
หากวัดความดันโลหิตแล้วพบว่าสูงจนเกินไปหรือต่ำมาก แสดงว่าอาจมีความเสี่ยงภาวะความดันสูงหรือความดันต่ำ
โรคความดันโลหิตสูง ภัยเงียบต่อหลอดเลือดและหัวใจ
หากมีค่าความดันซิสโตลี (ค่าความดันตัวบน) มากกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท (mm/Hg) หรือ ค่าความดันไดแอสโตลี (ค่าความดันตัวล่าง) มากกว่าหรือเท่ากับ 90 (mm/Hg) โดยวัดในขณะที่ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะพัก นั่นหมายถึงคุณกำลังมีอาการของโรคความดันโลหิตสูง
ปวดท้ายทอย ตึงที่ต้นคอ
เวียนศีรษะ
ปวดศีรษะตุบๆ ปวดศีรษะเฉียบพลัน
ใจสั่น ชีพจรเต้นไม่เป็นจังหวะ
นอนไม่หลับ
มือเท้าชา ตาพร่ามัว
มีภาวะอัมพาต หรือเสียชีวิตฉับพลัน
อาการเตือนความดันสูง
ภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นอยู่นาน และไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดการทำลายของอวัยวะสำคัญต่างๆ ในร่างกายได้ เช่น หัวใจ สมอง ไต หลอดเลือด และตา เป็นต้น เพราะความดันโลหิตที่สูงที่เป็นอยู่นาน จะทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัวขึ้น และรูเล็กลง ทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ลดลง ส่งผลให้อวัยวะเหล่านี้ทำงานได้ไม่เป็นปกติ และหากทำลายรุนแรงมากพอ อาจทำให้เสียชีวิตได้
อาการเตือนความดันสูง
สังเกตอาการความดันต่ำ ต้องระวัง
อาการเตือนความดันต่ำ
ความดันโลหิตต่ำ คือ ภาวะที่มีความดันโลหิตต่ำกว่า 90/60 (mm/Hg) ในผู้ใหญ่ และในผู้สูงอายุมีค่าความดันต่ำกว่า 100/70 (mm/Hg) มักจะพบในผู้ที่มีสุขภาพร่างกายอ่อนแอ ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตต่ำ
วิงเวียน หน้ามืด เป็นลม
คลื่นไส้ อาเจียน
ตาลาย ตาพร่า
มือเท้าเย็น ผิวซีด
อ่อนเพลีย ไม่กระปรี้กระเปร่า
ระบบย่อยอาหารไม่ดี
หัวใจเต้นเร็วไม่สม่ำเสมอ
เวียนศีรษะในท่ายืน
กระหายน้ำ ตัวแห้ง ปัสสาวะน้อย
หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก
ชัก หมดสติ
ความดันโลหิตต่ำ ใครว่าไม่อันตราย! ความดันต่ำ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางอย่าง โลหิตจาง หัวใจทำงานผิดปกติ ปัญหาต่อมไร้ท่อ อาการแพ้อย่างรุนแรง
อายุเท่านี้ เสี่ยงโรคอะไรบ้าง? หากพบว่ามีอาการผิดปกติข้างต้นเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย และทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที