โรคหัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Measles ซึ่งเป็น RNA ไวรัส โดยเชื้อจะมีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อหัดจะมีระยะฟักตัวของโรคจนเกิดอาการ (ระยะก่อนออกผื่น) 8-12 วัน เฉลี่ยจากวันที่สัมผัสจนถึงมีผื่นเกิดขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์
อาการของโรคหัด
มักมีไข้สูง มีน้ำมูก ไอ ตาแดง พบจุดสีเทาขาวบริเวณกระพุ้งแก้มตรงข้ามกับฟันกรามซี่ใน โดยจะขึ้นในช่วง 2-3 วัน ที่เป็นโรค หลังจากนั้นจะหายไป นอกจากนี้จะมีผื่นเป็นปื้นสีแดงซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคหัดขึ้น หลังจากเป็นไข้แล้ว 3-4 วัน โดยผื่นจะขึ้นจากบริเวณไรผม มาที่หน้า ลำตัว แขน และลงมาที่ขา
การวินิจฉัยโรคหัด
เบื้องต้นแพทย์จะทำการเจาะเลือด เพื่อตรวจดูภูมิคุ้มกันต่อโรคหัด ซึ่งสามารถตรวจดูได้ว่า เป็นการติดเชื้อไวรัสในปัจจุบัน หรือเป็นการติดเชื้อไวรัสในอดีตที่เคยมีภูมิคุ้มกันแล้ว แต่ทั้งนี้เราไม่สามารถแยกได้ว่าภูมิคุ้มกันที่มีนั้นเกิดจากการติดเชื้อในอดีตหรือการฉีดวัคซีน
โรคหัดอาจส่งผลให้มีภาวะแทรกซ้อน เช่น สมองอักเสบ ปอดอักเสบ เยื่อแก้วหูอักเส ซึ่งอาจเป็นอันตรายอาจส่งผลต่อชีวิตได้
การรักษาโรคหัด
การรักษาโรคหัดมักจะรักษาตามอาการ หากมีไข้จะเช็ดตัวและให้ยาลดไข้ ให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ และต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัด ไม่ควรออกไปตามสถานที่สาธารณะหลังจากผื่นเริ่มปรากฏเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น โดยทั่วไปผู้ป่วยเป็นหัดจะแพร่เชื้อได้นาน จนถึง 4 วัน หลังผื่นขึ้น
การป้องกันโรคหัด
การป้องกันโรคหัดสามารถทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนตามช่วงอายุที่กำหนด