xs
xsm
sm
md
lg

กินโยเกิร์ตตอนไหนดี กินตอนไหนถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เคยสงสัยไหมว่า กินโยเกิร์ตตอนไหนดี ทำไมหลายคนถึงนิยมกินโยเกิร์ตเป็นอาหารเช้า? หรือบางคนกลับเลือกกินโยเกิร์ตก่อนนอน? การเลือกเวลาในการกินโยเกิร์ตนั้นมีผลต่อร่างกายของเราอย่างไร? เราจะพาทุกคนไปเผยเคล็ดลับการเลือกโยเกิร์ตให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากอาหารสุขภาพชนิดนี้

โยเกิร์ต ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของหวาน แต่ยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การเลือกกินโยเกิร์ตในแต่ละช่วงเวลาจะส่งผลต่อร่างกายของเราแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น หรือช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าการกินโยเกิร์ตในแต่ละช่วงเวลาจะให้ประโยชน์กับร่างกายของคุณอย่างไรบ้าง

โยเกิร์ตคืออะไร อาหารยอดฮิตของสายเฮลท์ตี้โยเกิร์ตคืออะไร อาหารยอดฮิตของสายเฮลท์ตี้

โยเกิร์ต ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมที่ได้รับการหมักโดยแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ กระบวนการนี้ประกอบด้วยการเติมเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ประเภท Lactobacillus bulgaricus และ Streptococcus thermophilus ลงในนม แล้วปล่อยให้แบคทีเรียทำการหมักน้ำตาลแลคโตสในนมให้กลายเป็นกรดแลคติก ซึ่งทำให้เนื้อนมมีลักษณะข้นและมีรสเปรี้ยว กระบวนการนี้ยังช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและยืดอายุการเก็บรักษาของนม

ประเภทของโยเกิร์ตและจุดเด่นแต่ละประเภทโยเกิร์ตธรรมดา (Plain Yogurt)
ลักษณะ: ไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารปรุงแต่ง รสชาติจะเป็นธรรมชาติและค่อนข้างเปรี้ยว
จุดเด่น: มีปริมาณน้ำตาลต่ำที่สุด และเป็นโยเกิร์ตที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
โยเกิร์ตผลไม้ (Fruit Yogurt)
ลักษณะ: มีการเติมผลไม้ น้ำผลไม้ หรือน้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติ
จุดเด่น: รสชาติหวานอร่อย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรสเปรี้ยวของโยเกิร์ตธรรมดา แต่ควรระวังปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น
กรีกโยเกิร์ต (Greek Yogurt)
ลักษณะ: มีการกรองน้ำออกจากโยเกิร์ตธรรมดา ทำให้มีเนื้อสัมผัสที่ข้นและโปรตีนสูงกว่า
จุดเด่น: มีโปรตีนสูงและไขมันต่ำ ช่วยให้อิ่มนาน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสริมโปรตีนในอาหาร
โยเกิร์ตชนิดดื่ม (Drinkable Yogurt)
ลักษณะ: มีความเหลวมากกว่า สามารถดื่มได้สะดวก
จุดเด่น: พกพาง่าย เหมาะสำหรับการบริโภคระหว่างเดินทาง
โยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำและไม่มีไขมัน (Low-fat and Non-fat Yogurt)
ลักษณะ: มีการลดหรือกำจัดไขมันจากนมที่ใช้ทำโยเกิร์ต
จุดเด่น: มีปริมาณไขมันต่ำ ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดปริมาณแคลอรี
โยเกิร์ตชนิดที่มีแบคทีเรียเพิ่ม (Probiotic Yogurt)
ลักษณะ: มีการเติมแบคทีเรียที่มีประโยชน์ เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium เพิ่มลงไป
จุดเด่น: ช่วยเสริมสร้างระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน
โยเกิร์ตที่ทำจากนมพืช (Plant-based Yogurt)
ลักษณะ: ทำจากนมพืชเช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ หรือนมมะพร้าว
จุดเด่น: เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวหรือผู้ที่เลือกทานอาหารแบบวีแกน
ประโยชน์ของ โยเกิร์ต อาหารเพื่อสุขภาพที่ใครๆ ก็ทานได้
ประโยชน์โยเกิร์ต นั้นเรียกได้ว่ามีเยอะจนนับไม่ถ้วน เพราะโยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์นมหมักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย นอกจากรสชาติที่อร่อยและหลากหลายแล้ว โยเกิร์ตยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด ทำให้เป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

ข้อดี ประโยชน์ของโยเกิร์ต มีอะไรบ้าง
โยเกิร์ตเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์หลากหลาย ประโยชน์ของโยเกิร์ตสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายด้าน ดังนี้

ช่วยในการย่อยอาหาร โยเกิร์ตมีโปรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร โปรไบโอติกส์ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดปัญหาท้องอืด ท้องผูก และอาการทางเดินอาหารอื่น ๆ
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โปรไบโอติกส์ในโยเกิร์ตยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและการติดเชื้อได้ดีขึ้น
เสริมสร้างกระดูกและฟัน โยเกิร์ตเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการรักษาสุขภาพของกระดูกและฟัน การบริโภคโยเกิร์ตเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและปัญหาสุขภาพฟันได้
ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก โยเกิร์ตมีโปรตีนสูง ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความต้องการในการบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง นอกจากนี้ การเลือกโยเกิร์ตที่มีไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันยังช่วยลดปริมาณแคลอรีในอาหาร
บำรุงผิวพรรณ โยเกิร์ตมีวิตามินบี2 (ไรโบฟลาวิน) และวิตามินบี12 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบำรุงผิวพรรณให้สุขภาพดี ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสดใส
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง การบริโภคโยเกิร์ตเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจ และโรคมะเร็งบางชนิด
ช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ โปรตีนในโยเกิร์ตมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อ การบริโภคโยเกิร์ตหลังออกกำลังกายสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ให้พลังงาน โยเกิร์ตมีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่สามารถให้พลังงานอย่างยั่งยืน การบริโภคโยเกิร์ตเป็นอาหารเช้าหรือของว่างสามารถให้พลังงานที่ยาวนานตลอดวันไขข้อสงสัย โยเกิร์ตกินทุกวันได้ไหม? มีผลเสียหรือเปล่า
โยเกิร์ตเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ด้วยรสชาติที่อร่อยและหลากหลาย รวมถึงประโยชน์ต่อสุขภาพที่มากมาย ทำให้โยเกิร์ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารของหลายๆ คน แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่าการกินโยเกิร์ตทุกวันเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่? แน่นอนว่าการกินโยเกิร์ตทุกวันสามารถทำได้และมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลากหลายประการ อย่างไรก็ตาม การเลือกประเภทของโยเกิร์ตและการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการกินโยเกิร์ตทุกวัน
แม้ว่าโยเกิร์ตจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ เช่น

ปริมาณน้ำตาลสูง: โยเกิร์ตบางประเภท โดยเฉพาะโยเกิร์ตผลไม้หรือโยเกิร์ตที่มีรสชาติ อาจมีปริมาณน้ำตาลสูง การบริโภคโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลเพิ่มมากเกินไปสามารถนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนักและความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
แพ้นม: บางคนอาจแพ้นมวัวหรือมีอาการแพ้แลคโตส (lactose intolerance) การบริโภคโยเกิร์ตอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือไม่สบายท้อง
ปริมาณแคลอรี: การบริโภคโยเกิร์ตที่มีไขมันสูงหรือโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมเพิ่มเติมเช่น เมล็ดถั่ว ช็อกโกแลต หรือคาราเมล อาจทำให้ได้รับแคลอรีมากเกินไป
ประโยชน์ของการกินโยเกิร์ตทุกวัน
การกินโยเกิร์ตเป็นประจำสามารถนำมาซึ่งประโยชน์หลายประการต่อสุขภาพ ได้แก่

ปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร: โปรไบโอติกส์ในโยเกิร์ตช่วยส่งเสริมการทำงานของลำไส้ ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดปัญหาท้องอืดและท้องผูก
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: โปรไบโอติกส์ยังมีบทบาทในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและการติดเชื้อได้ดีขึ้น
เสริมสร้างกระดูกและฟัน: แคลเซียมและวิตามินดีในโยเกิร์ตช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
ช่วยควบคุมน้ำหนัก: โยเกิร์ตที่มีโปรตีนสูงช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น
บำรุงผิวพรรณ: วิตามินและแร่ธาตุในโยเกิร์ตมีบทบาทสำคัญในการบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี
ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ: โปรตีนในโยเกิร์ตช่วยในการฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะหลังการออกกำลังกาย
กินโยเกิร์ตเวลาไหนดีที่สุด แต่ละเวลามีข้อดีอย่างไร?
โยเกิร์ตเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่การทานโยเกิร์ตในแต่ละช่วงเวลาของวัน ก็จะให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันไป ลองมาดูกันว่าการทานโยเกิร์ตในแต่ละช่วงเวลา จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง

กินโยเกิร์ตตอนเช้า (6.00 – 7.00 น.)
เหมาะสำหรับ: กินโยเกิร์ตตอนเช้า เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงานในตอนเช้า
ประโยชน์:
ช่วยให้สดชื่น: โยเกิร์ตมีโปรตีนสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ทำให้มีพลังงานตลอดทั้งวัน
ระบบขับถ่ายดีขึ้น: การ กินโยเกิร์ตตอนเช้า ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ
ดูดซึมสารอาหารได้ดี: การทานโยเกิร์ตตอนท้องว่าง ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารจากโยเกิร์ตได้อย่างเต็มที่
ตอนกลางวัน (11.00 – 13.00 น.)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร
ประโยชน์:
ปรับสมดุลลำไส้: โปรไบโอติกในโยเกิร์ตช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
ลดอาการท้องอืด: โยเกิร์ตช่วยย่อยแลคโตสได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืด
เพิ่มพลังงานช่วงบ่าย: โปรตีนในโยเกิร์ตช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ช่วยให้มีพลังงานทำงานในช่วงบ่าย
ตอนเย็น (18.00 – 20.00 น.)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการพักผ่อน
ประโยชน์:
ช่วยให้นอนหลับสบาย: โยเกิร์ตมีทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยให้ร่างกายผลิตเซโรโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอน
ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ: โปรตีนในโยเกิร์ตช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่สึกหรอในระหว่างวัน โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกาย
ปรับสมดุลฮอร์โมน: โยเกิร์ตช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียด
ก่อนนอน (ประมาณ 30 นาทีก่อนนอน
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ
ประโยชน์:
ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น: ดังที่กล่าวมาแล้ว ทริปโตเฟนในโยเกิร์ตช่วยให้ร่างกายผลิตเซโรโทนิน ทำให้หลับสบายขึ้นโยเกิร์ตเหมาะกับใคร ใครบ้างที่ควรทานโยเกิร์ต?
โยเกิร์ต ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของหวานอร่อยๆ ทั่วไปอีกต่อไป แต่กลายเป็นอาหารสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หรือแม้แต่ช่วยบำรุงกระดูก โยเกิร์ตจึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ

แต่ใครบ้างที่ควรทานโยเกิร์ตเป็นพิเศษ? คำตอบคือเกือบทุกคนเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพระบบขับถ่าย ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่ต้องการบำรุงกระดูก จะ กินโยเกิร์ตตอนไหนดี ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลากหลายด้าน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย
โยเกิร์ตมีโปรไบโอติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ดีที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ลดอาการท้องผูก ท้องอืด

ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
โปรไบโอติกในโยเกิร์ตช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง ต้านทานโรคได้ดียิ่งขึ้น

ผู้สูงอายุ
โยเกิร์ตเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ช่วยบำรุงกระดูกและฟันป้องกันโรคกระดูกพรุน

ผู้ที่ออกกำลังกาย
โยเกิร์ตมีโปรตีนสูง ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย

ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
โยเกิร์ตทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยลดความอยากอาหาร

ผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวพรรณ
โปรไบโอติกในโยเกิร์ตช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียบนผิวหนัง ช่วยลดปัญหาสิวและอาการอักเสบ
กำลังโหลดความคิดเห็น