รู้หรือไม่!? การดื่มกาแฟแล้วพักงีบช่วยกระตุ้นสมองตื่นตัว พร้อมลุยงาน
พอมาถึงช่วงบ่าย บางคนก็ยังอยากดื่มกาแฟอีกสักแก้วเพื่อแก้ง่วง สำหรับคนที่ยัง Work from Home หรือนักศึกษาที่ยังมีเรียน online ทั้งวัน สามารถจัดเวลาสั้นๆ งีบหลับในระหว่างวันได้เลย เพราะมีงานวิจัยที่บอกว่า การดื่มกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีน 100-200 มิลลิกรัม ก่อนที่จะงีบ 30 นาที หรือที่เรียกว่า Caffeine-nap สามารถเพิ่มความตื่นตัวระหว่างวันได้ดี เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มคนที่ดื่มกาแฟไร้คาเฟอีน (Decaffeinated coffee) และงีบหลับด้วยกลุ่มที่ทานคาเฟอีน จะรู้สึกเหนื่อยล้าลดลง และโฟกัสกับงานได้มากขึ้น หลังจากที่งีบไปเป็นเวลาสั้นๆ 30 - 45 นาที ในช่วงเบรกหรือพักกลางวันนั่นเอง
กาแฟนอกจากมีบทบาทเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดที่ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น ตื่นตัวพร้อมทำกิจกรรมต่างๆ ช่วยลดความเครียด ส่งผลดีต่อความจำและช่วยให้มีแรงในการออกกำลังกายแล้ว กาแฟยังเหมือนเป็นตัวกลางตัวเชื่อมคนที่รักกาแฟ ครอบครัว เพื่อน คนที่ทำงาน เข้าด้วยกันให้ได้มีเวลาได้รวมกลุ่มพูดคุยร่วมกัน กาแฟจึงอาจอยู่ในหลายช่วงเวลาในชีวิตประจำวันของใครหลาย ๆ คน
ดื่มกาแฟตอนไหน ทำงานได้เต็มที่ ดีต่อสุขภาพ
5 ข้อแนะนำในการดื่มกาแฟที่ช่วยให้ทำงานได้เต็มที่และดีต่อสุขภาพ
1.กาแฟแก้วแรกของวัน
แนะนำให้ดื่มหลังจากตื่นนอนไปแล้ว 2-4 ชั่วโมง หรือประมาณช่วงเวลา 9 โมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัวลดต่ำลง
2. กาแฟแก้วสุดท้ายของวัน
ควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน เพื่อให้ร่างกายได้เคลียร์คาเฟอีนออกจากร่างกายจนหมด ไม่ให้กระทบต่อคุณภาพในการนอนหลับ
3. ปริมาณคาเฟอีนที่ดีต่อสุขภาพ
แนะนำปริมาณคาเฟอีนเริ่มต้นที่ 40 mg หรือเพียงแค่ 1 แก้วก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับสารง่วงได้ ช่วยให้ลดความง่วงหรืออ่อนเพลียไปได้ แต่ก็ ไม่ควรรับประทานคาเฟอีนเกิน 400 มิลลิกรัม ต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 4 แก้วต่อวัน
4. จับคู่เพิ่มประโยชน์ ให้กาแฟแก้วโปรด
● มื้อเช้าที่เร่งรีบ
สามารถเลือกทานแซนด์วิช ไข่ต้มหรือซาลาเปา คู่กับกล้วยหอมสักลูกในร้านสะดวกซื้อได้ง่ายๆ แต่ได้ทั้งโปรตีนและใยอาหารจะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้นไปจนถึงเวลาพักเที่ยง เมื่อทานจับคู่กับกาแฟและเพลงที่ชอบ กลิ่นของกาแฟและเพลงก็ช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย และช่วยให้สามารถโฟกัสงานได้งานอย่างต่อเนื่อง
● มื้อว่าง ที่ง่วงและหิวระหว่างวัน
ดื่มกาแฟสัก 1 แก้ว เช่นกาแฟดำหรือกาแฟที่หวานน้อยพลังงานต่ำ คู่กับขนมหวาน ช็อกโกแลตหรือไอศกรีม แต่ควรเลือกขนมที่มีพลังงานไม่เกิน 150 - 200 kcal ยิ่งทำให้รู้สึกว่าขนมอร่อยขึ้นไปอีก เพราะกาแฟทำให้รับรสหวานได้ดียิ่งขึ้น และรับรสขมได้น้อยลง แถมคาเฟอีนในกาแฟยังช่วยให้ลดง่วง และตื่นตัวมากขึ้นด้วย
5. กาแฟที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
กาแฟมีหลากหลายรูปแบบ มีรสชาติรวมทั้งมีความเข้มของคาเฟอีนที่ต่างกัน มาดูว่าวิธีเลือกดื่มกาแฟให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คอกาแฟสายต่างๆ จะมีอะไรบ้าง
● สายชงดื่มเอง
สามารถเลือกชงร้อนได้หลากหลายสูตร เช่น เนสกาแฟเบลนด์ แอนด์ บรู กาแฟซอง 3 in 1, เนสกาแฟเรดคัพ กาแฟคั่วบดละเอียด หรือเนสกาแฟโกล์ด ซึ่งเลือกชงปรับความเข้มมากน้อยของปริมาณคาเฟอีนได้ตามชอบ แต่ก็ไม่ควรมากกว่าที่แนะนำคือ 400 มิลลิกรัมต่อวัน
● สายเดินทาง เน้นสะดวก
หยิบกินได้ง่าย กาแฟกระป๋องถือว่าทางเลือกที่ดีเพราะพร้อมดื่ม ไม่ต้องชงเอง ซึ่งมีทางเลือกหลายรสชาติทั้งกาแฟดำและกาแฟนมเช่น เนสกาแฟเอสเปรสโซ โรสต์, แบล็คไอซ์, ลาเต้, เนสกาแฟ ทริปเปิล แบล็ค
● สายกาแฟเย็น สดชื่น
สามารถเลือกกาแฟซองที่ละลายง่ายในน้ำเย็น หรือสูตรไม่มีน้ำตาลก็ได้ เหมาะอย่างยิ่งกับอากาศร้อนแบบบ้านเรา
การเลือกเครื่องดื่มโดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน จำเป็นต้องเลือกดื่มให้เหมาะสมกับตนเองตามข้อมูลที่เรานำเสนอในข้างต้น เพราะแม้ว่าคาเฟอีนจะให้คุณประโยชน์มากมาย แต่การบริโภคคาเฟอีนหรืออะไรก็ตามที่มากเกินไปจนพอดี อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องเลือกและปรับการดื่มให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์หรือความต้องการของเรานั่นเอง