มัลเบอร์รี มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Morus alba L. จัดอยู่ในวงศ์ Moraceae เป็นผลไม้ที่ได้มาจากต้นมัลเบอร์รี หรือ ต้นหม่อน มีต้นกำเนิดในแถบเทือกเขาหิมาลัย ประเทศจีนตอนใต้ ต่อมาปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
ในประเทศไทยมัลเบอร์รีเป็นที่นิยมในการเพาะปลูกและรับประทาน เนื่องจากเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์หลายอย่าง ทั้งรับประทานเป็นผลไม้ ทำเป็นยาสมุนไพร และใบของมัลเบอร์รีก็สามารถนำมาเลี้ยงหม่อนไหมได้อีกด้วย
สารอาหารในมัลเบอร์รี 100 กรัม
พลังงาน 43 กิโลแคลอรี
น้ำ 88%
โปรตีน 1.4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 9.8 กรัม
น้ำตาล 8.1 กรัม
ใยอาหาร 1.7 กรัม
ไขมัน 0.4 กรัม
วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ประโยชน์ของมัลเบอร์รี
มีวิตามินเค 1 และแคลเซียมสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
มีธาตุเหล็กปริมาณสูง ช่วยการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานดีขึ้นอีกด้วย
มีโพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
มีใยอาหารสูง ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และใยอาหารยังช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงและปกป้องผิวหนัง ช่วยบำรุงสมองและป้องกันภาวะสมองเสื่อม ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
มีสารกลุ่ม Flavonoid ที่สำคัญต่อการทำงานของหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดตีบ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น เพราะมีสารประกอบ DNJ (1-deoxynojirimcin) ที่ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ในการย่อยน้ำตาล จึงช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร
ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนได้มีการใช้ผลมัลเบอร์รี ในการช่วยบำรุงกำลัง บำรุงประสาท บำรุงหัวใจ ลดการอักเสบ
รับประทานมัลเบอร์รีอย่างไรให้ได้ประโยชน์
มัลเบอร์รีสด รับประทานก่อนมื้ออาหาร หรือขณะท้องว่าง เพราะร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ไปใช้ได้ดีที่สุด โดยอาจรับประทานร่วมกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ให้ได้อย่างน้อย 500 กรัมต่อวัน
ข้อควรระวังในการทาน Mulberry
ผู้ที่ใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด: มัลเบอร์รี่มีสารที่อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำเกินไปในผู้ที่กำลังใช้ยาลดระดับน้ำตาล เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยารักษาโรคนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค
อาการแพ้: ผู้ที่มีประวัติแพ้ผลไม้ชนิดอื่นหรือสารสกัดจากพืชอาจมีความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้จากการบริโภคมัลเบอร์รี่ ควรระวังอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก หรืออาการบวม
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต: มัลเบอร์รี่อาจมีปริมาณโพแทสเซียมสูง การบริโภคในปริมาณมากอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไต เนื่องจากไตอาจไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินออกจากร่างกายได้ ทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมสูงในเลือด (Hyperkalemia)
การทานร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด: มัลเบอร์รี่อาจมีผลทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและอาจมีฤทธิ์ในการต้านการแข็งตัวของเลือด หากรับประทานร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin) ควรระวังการเกิดภาวะเลือดออกมากผิดปกติ
การทานในปริมาณมาก: การบริโภคมัลเบอร์รี่ในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสียหรือปวดท้อง เนื่องจากมัลเบอร์รี่มีไฟเบอร์สูง