xs
xsm
sm
md
lg

กะหล่ำปลี กินแล้วผิวสวยใส หน้าไม่เหี่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กะหล่ำปลี เป็นผักชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มีแคลอรี่ต่ำเหมาะสมหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ทั้งยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยในเรื่องของผิว ริ้วรอยก่อนวันอันควร ปรับปรุงการทำงานของสมอง การย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังถูกนำมาใช้เป็นยา เช่น รักษาอาการปวดท้อง กรดในกระเพาะส่วนเกิน แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงใช้รักษาโรคหอบหืดและแพ้ท้อง ป้องกันโรคกระดูกพรุน สำหรับผู้หญิงที่ให้นมบุตรบางครั้งก็อาจใช้ใบกะหล่ำปลีและสารสกัดจากใบกะหล่ำปลีกับเต้านม เพื่อบรรเทาอาการบวมและปวดด้วย

คุณค่าโภชนาการของกะหล่ำปลี
ในกะหล่ำปี 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

พลังงาน 22 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 3.3 กรัม
ไขมัน 0.1 กรัม
ไฟเบอร์ 2.8 กรัม
วิตามินซี 33.3 มิลลิกรัมประโยชน์ของกะหล่ำปลี
กะหล่ำปลี อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้

การขาดวิตามินซี
การขาดวิตามินซีนำไปสู่การเกิดโรคลักปิดลักเปิด (Scurvy) อาการที่เหงือกเป็นรูพรุน และมีเลือดออกพร้อมกับมุมปากแตก นอกจากนี้ ระบบภูมิคุ้มกันก็ยังอ่อนแอลงอีกด้วย ทำให้มีโอกาสในการติดเชื้อและเป็นหวัด ทั้งยังอาจมีอาการซึมเศร้าและมีริ้วรอยก่อนวัยอันควรอีกด้วย

เป็นที่น่าประหลาดใจว่า กะหล่ำปลีเป็นแหล่งที่ดีที่สุดของวิตามินซี สารอาหารที่เป็นตัวต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุด ผู้ที่บริโภควิตามินซีมากพอ ร่างกายอาจต่อสู้กับอนุมูลอิสระได้ ผลที่ตามมาก็คือ มีเซลล์ที่เสียหาย และสัญญาณของริ้วรอยก่อนวัยอันควรน้อยลง นอกจากนั้น วิตามินซีอาจช่วยเยียวยาการสึกหรอ หรือริ้วรอยเล็ก ๆ บนร่างกายให้ดีขึ้นได้

นอกจากนี้ ยังช่วยในกระบวนการฟื้นฟู ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และวิตามินซียังอาจเป็นตัวช่วยทำให้ระบบประสาททำงานอย่างปกติ พร้อมกับช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของระบบประสาท

กากอาหาร
การขาดแคลนกากอาหารทำให้เกิดอาการท้องผูก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงขึ้นในภายหลัง ทั้งการเบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย ปวดหัว แผลในกระเพราะอาหาร หรือแม้แต่มะเร็งในระบบทางเดินอาหาร การขาดแคลนกากอาหารนั้นยังส่งผลลบต่อผิว ทั้งยังอาจทำให้เกิดผิวหนังอักเสบเรื้อรัง (Eczema) หรือสัญญาณของริ้วรอยก่อนวัยอันควร

ปัญหานี้อาจแก้ได้ด้วยการรับประทานกากอาหารให้เพียงพอ เนื่องจาก กะหล่ำปลีมีใยอาหารในปริมาณมาก ช่วยให้ร่างกายสามารถกักเก็บน้ำ คงระดับมวลของกากอาหาร ทำให้สามารถผ่านลำไส้ไปอย่างง่ายดาย ทำให้ไม่ต้องเจอกับปัญหาท้องผูก และปัญหาระบบทางเดินอาหาร

การขาดกำมะถัน
กำมะถันอาจช่วยในเรื่องของอาการติดเชื้อที่ดี การขาดกำมะถันสามารถนำไปสู่การติดเชื้อจุลินทรีย์ (Microbial Infections) และทำให้การรักษาบาดแผลใช้เวลานานขึ้น กะหล่ำปลีเป็นแหล่งที่ดีของกำมะถัน การบริโภคกะหล่ำปลีอาจช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่แผล ทั้งความถี่และความรุนแรงได้

อุดมด้วยไอโอดีนและวิตามินอี
กะหล่ำปลีเต็มไปด้วยไอโอดีน ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ระบบประสาทและสมองแข็งแรง ทั้งยังช่วยให้ต่อมในระบบต่อมไร้ท่อทำงานได้อย่างถูกต้อง ไอโอดีนความมีความเกี่ยวข้องกับการรักษาความผิดปกติของระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ ยังมีวิตามินอีในกะหล่ำปลี ซึ่งช่วยในการรักษาผิว ดวงตา และเส้นผมให้สุขภาพดี ยิ่งไปกว่านั้น กะหล่ำปลียังเต็มไปด้วยแร่ธาตุ อย่างแคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม กะหล่ำปลียังอาจใช้รักษาเส้นเลือดโป่ง แผลที่ขา ทางเดินอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้นได้เช่นกัน

ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ อาจเพิ่มกะหล่ำปลีเข้าในในมื้ออาหาร แล้วสังเกตดูการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพที่ดีขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือ การรับประทานกะหล่ำปลีดิบๆ เพราะเมื่อทำให้สุกแล้ว สารอาหารหลายอย่างจะสูญเสียไป หลงเหลือแต่สารที่ยากต่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย แต่อย่างไรก็ตาม ควรล้างกะหล่ำปลีให้สะอาด และควรระวังสารปนเปื้อนที่มากับกะหล่ำปลีด้วย เพื่อสุขอนามัยและการรับประทานกะหล่ำปลีอย่างปลอดภัย
กำลังโหลดความคิดเห็น