โรคภูมิแพ้(hypersensitivity)โรคที่เกิดจาการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารเกิดภูมิแพ้ เช่นอาหาร ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ซึ่งจะทำให้เกิดการตอบสนองอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาการที่พบได้เช่นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก มีน้ำมูก จาม ไอ หอบหืด หรือผื่นคันตามตัว คันตา คันจมูก
ข้อควรทำ4 ข้อ คือ หลีกเลี่ยง กำจัด รักษา ป้องกัน
หลีกเลี่ยงสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น หลีกเลี่ยง อาหารที่ก่อให้เกิดการแพ้ ควันบุหรี่ หรือช่วงเวลาที่มีการฟุ้งกระจายของละอองเกสรดอกไม้
กำจัดสารก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น ผ้าปูที่นอนก็ควรนำไปซักน้ำอุ่นทุกอาทิตย์
การรักษา ในทางของการแพทย์แผนปัจจุบัน จะพิจารณาให้ยาแก้แพ้ (antihistamine) หรือยากลุ่ม สเตียรอยด์ได้ ในรูปแบบของการกิน ทาผิว หรือพ่นจมูกได้
ซึ่งในมุมของแพทย์แผนจีนโรคภูมิแพ้เกิดได้จากสาเหตุ ลมเย็น หรือความชื้นทำให้อวัยวะภายในเสียสมดุลได้แก่ ปอด ม้าม ไต การรักษาของทางแพทย์แผนจีน สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
1.การฝังเข็มซึ่งจุดที่เลือกใช้ได้แก่ จุดYin Xiang (LI 20) ซึ่งเป็นจุดบริเวณปีกจมูก ใช้รักษาโรคที่เกี่ยวกับภูมิแพ้ จุดLie que (LU 7)ซึ่งเป็นจุดบริเวณข้อมือ ที่อยู่บนเส้นลมปราณปอดช่วยทำให้ปอดทำงานได้ดีมากขึ้นขับเสมหะได้ดีขึ้น
2.การใช้ยา ก็ต้องใช้ยาที่ช่วยขับลมหรือเสมหะออกมา หรือบำรุงปอด ม้าม เพื่อให้อวัยวะภายในทำงานได้ดีมากขึ้น เช่น fang fen เป็นสมุนไพรที่ช่วยขับลม
fang fen
หรือ chen pi หรือเปลือกส้มแมนดาริน สรรพคุณ ทำให้ลมปราณหมุนเวียนได้ดีขึ้น ไล่ความชื้น หรือเสมหะออก
วิธีป้องกัน
• หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ควันรถยนต์ ควันบุหรี่ ควันธูป กลิ่นน้ำหอมแรง ๆ สารเคมีต่าง ๆ เพื่อไม่ให้อาการภูมิแพ้กำเริบ
• ดูแลความสะอาดภายในบ้าน โดยเฉพาะห้องนอน ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการกักเก็บฝุ่น
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง จะให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และทำให้อาการโรคภูมิแพ้ค่อยๆ ดีขึ้นด้วย
• ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ โปรตีน ผัก และผลไม้ ก็จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้ ถือเป็นการดูแลสุขภาพเบื้องต้น
• พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีการซ่อมแซม ฟื้นฟู และปรับสมดุล ในช่วงเวลานอนพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นไม่ควรเข้านอนดึกจนเกินไป