เจลล้างมือผสมแอลกอฮออล์ สามารถพกพาได้ สะดวก ง่ายต่อการใช้งาน และประหยัดเวลา
- จากการวิจัยพบว่า ความเสี่ยงจากโรคทางเดินอาหาร และ การติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ ลดลง ระหว่างการใช้เจลล้างมือฯอย่างประจำ
- ผลิตภัณฑ์เจลล้างมือฯส่วนมากในท้องตลาดมักจะมีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันการแห้งกร้านของผิวหนัง และก่ออาการระคายเคืองค่อนข้างต่ำอย่างไรก็ดีในผู้ที่มีปัญหาผิวมือแห้งมาก อาจใช้สารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวมือเช่น Hand Cream ประเภทต่างๆเพิ่มเติมได้
สิ่งที่ควรทราบในการเลือกใช้ ”เจลล้างมือผสมแอลกอฮอลล์”
- ผลิตภัณฑ์เจลล้างมือในหลายยี่ห้อ มักระบุส่วนผสมหลักคือethyl alcohol, ethanol or isopropyl alcohol ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่า ปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในระหว่าง 60%ถึง95% โดยน้ำหนักหรือไม่ ( ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มักนิยมใช้ที่ปริมาณความเข้มข้น 70%) หากต่ำกว่า 60% มักจะไม่ได้ผลในการฆ่าเชื้อเท่าที่ควร
- ทั้งนี้ แอลกอฮอล์ไม่สามารถขจัดคราบเปื้อน คราบสกปรก รอยโลหิต และเศษดิน ควรจะล้างให้สะอาดเสียก่อน การใช้เจลแอลกอฮอล์จึงจะมีประสิทธิภาพ ในกรณีนี้ ควรชำระล้างคราบต่างด้วยสบู่และน้ำเสียก่อน
- เจลล้างมือผสมแอลกอฮอลล์เป็นสารที่ระเหยง่าย และติดไฟได้ (highly flammable) ดังนั้นการใช้เจลล้างมืออย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการติดไฟทำได้โดย ขณะใช้ควรอยู่ห่างจากเปลวไฟ แหล่งให้ความร้อนหรือ สะเก็ดไฟ เช่น ไม่ใช้ขณะเล่นรอบกองไฟ ขณะทำอาหาร หรือขณะสูบบุหรี่นอกจากนี้ควรใช้ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการสะสมของไอระเหยซึ่งติดไฟง่าย และควรถูมือให้แอลกอฮอล์ระเหยไปจนหมดก่อนที่จะทำกิจกรรมอื่นต่อไป
- ควรเก็บรักษาในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส เก็บให้ห่างจากเปลวไฟ แหล่งให้ความร้อนหรือสะเก็ดไฟ ไม่วางไว้ในที่ที่แดดส่องถึง บริเวณที่เก็บไม่ควรมีการสูบบุหรี่และอากาศถ่ายเทสะดวก
แม้ว่า เจลล้างมือผสมแอลกอฮอล์ จะไม่สามารถใช้แทน การชำระล้างด้วยสบู่และน้ำ ได้ในทุกกรณี แต่ก็ถือเป็นทางเลือกในการทำความสะอาดมือที่ให้ความสะดวก ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับในกิจวัตร หรือกิจกรรมต่างๆ ได้ในอันที่จะช่วยป้องกันเชื้อโรคบางจำพวกและลดโอกาสในการเจ็บป่วย และเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดีในทุกฤดูกาล