โดยภาวะปัสสาวะรดที่นอนในเด็กแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. ภาวะปัสสาวะรดที่นอนแบบปฐมภูมิ (Primary Enuresis) คือมีปัสสาวะรดที่นอนตั้งแต่เล็ก และไม่เคยมีช่วงที่ไม่มีอาการเลย
2. ภาวะปัสสาวะรดที่นอนแบบทุติยภูมิ (Secondary Enuresis) คือ ผู้ป่วยกลับมามีภาวะปัสสาวะรดที่นอนใหม่หลังจากที่เคยหายไปแล้วติดต่อกันนานเกิน 6 เดือน
โดยสาเหตุหลัก ๆ เราสามารถแบ่งง่าย ๆ ได้ 3 อันครับคือ
1) กระเพาะปัสสาวะที่ทำงานบีบตัวมากเกินกว่าปกติ เชื่อว่าเกิดจากการที่กระเพาะปัสสาวะในเด็กยังเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ รวมถึงการควบคุมการขับถ่ายที่ยังไม่ดี กลั้นไม่ได้นั่นแหละครับ
2) การผลิตน้ำปัสสาวะของไตที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติในช่วงเวลากลางคืน มักจะเกิดจากการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองที่ควบคุมปริมาณการสร้างน้ำปัสสาวะผิดปกติไป อันนี้ก็ตรงไปตรงมา เก็บไว้มันก็ล้น ไม่บอกมันยิ่งล้นครับ
3) ความผิดปกติของการนอนหลับ ซึ่งเด็กกลุ่มนี้มักจะหลับลึกมากกว่าปกติ ทำให้ไม่รู้สึกปวดปัสสาวะเมื่อน้ำปัสสาวะเต็มกระเพาะปัสสาวะหรือไม่รู้สึกตัวตื่นเมื่อปัสสาวะรดจนกางเกงเปียก
ส่วนการรักษา จริง ๆ ภาวะนี้สามารถหายได้เองโดยที่อาจจะไม่ต้องให้การรักษาอะไรเพิ่มเติมครับ เพียงแต่รอให้ระบบประสาทและระบบปัสสาวะทำงานอย่างสมบูรณ์ซึ่งโดยทั่วไปก็ประมาณ 5-6 ขวบขึ้น ดังนั้นการรักษาจึงแนะนำว่าควรเริ่มรักษาหลังเด็กอายุ 6 ปี โดยเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนเช่นลดน้ำก่อนนอน ปลุกมาฉี่ ชมเมื่อทำได้อะไรแบบนี้ครับ แต่ถ้าฝึกทุกอย่างแล้วยังไม่ค่อยดีขึ้นก็ค่อยพิจารณาใช้ยาครับโดยยาที่ใช้ส่วนใหญ่คือยาพวกลดการผลิตปัสสาวะในช่วงกลางคืน หรือพวกยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้นครับ
ก็เป็นสาระที่เอามาฝากกันบ่อย ๆ ตามประสาเพจวิชาการนะครับ ด้วยความหอหวังดีจากหมอสาลิกาครับ
ในภาพอาจจะมี ห้องนอน และสถานที่ในร่ม