xs
xsm
sm
md
lg

โรคร้ายที่มากับสงกรานต์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


1. โรคอาหารเป็นพิษ โรคท้องร่วง โรคอหิวาตกโรค
ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่อากาศร้อน เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ทำให้อาหารบูดเสียได้ง่าย โดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนผสมของกะทิ หรือนม รวมถึงการทานอาหาร หรือน้ำที่ไม่สะอาด ก็อาจทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ โรคท้องร่วง และอหิวาตกโรคได้ทั้งสิ้น ซึ่งโรคเหล่านี้มักมีอาการที่คล้ายกันคือ ถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน หากมีภาวะขาดน้ำรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะช็อค หมดสติ และเสียชีวิตได้

2. โรคไข้หวัด และปอดอักเสบ
การเล่นน้ำสงกรานต์ทำให้ร่างกายเปียกชื้นเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเล่นน้ำติดต่อกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ทำให้อุณหภูมิของร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากร้อนจัดเพราะอากาศ มาเป็นเย็นจัดเพราะน้ำที่สาดเล่น โดย อาการเบื้องต้นเมื่อ เป็นหวัด คือ คัดจมูก น้ำมูกไหล คัดจมูกหายใจไม่ออก คัดจมูก จาม ตัวร้อน น้ำมูกไหลลงคอ หากรู้สึกมีไข้หรือไม่สบาย ควรหยุดเล่นน้ำทันที เพราะจะทำให้อาการรุนแรงยิ่งขึ้น จนอาจเป็นไข้หวัดใหญ่หรือปอดบวมได้

3.โรคตาแดง
มีสาเหตุจากน้ำที่นำมาสาดเล่นไม่สะอาด มีเชื้อโรคปะปน เช่น น้ำในคลอง หรือน้ำบาดาล หากน้ำกระเด็นเข้าตาหรือมือที่ไม่สะอาด แล้วเอามือไปขยี้ตา ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อ และอักเสบบวมแดงขึ้นมาได้ มีอาการเบื้องต้นคือ เคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล ปวดตา เห็นเส้นเลือดในตาชัดเจน

4.โรคผิวหนัง
มักเกิดขึ้นในหน้าร้อน เพราะรักษาความสะอาดของผิวหนังไม่ดีพอ และติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากน้ำที่นำมาเล่นไม่สะอาดก็จะเกิดโรคได้ง่ายยิ่งขึ้น ควรรักษาความสะอาดร่างกายอยู่เสมอ ใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนาหรือคับจนเกินไป และระบายอากาศได้ดี โดยโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นได้ ได้แก่ กลาก เกลื้อน ผดร้อน ตุ่มใส ตุ่มแดง ตุ่มหนอง ผื่นวงแดง ผื่นจุดสีขาว คันตามจุดอับชื้น หรือเป็นผื่นคัน

5.โรคลมแดด หรือฮีตสโตรก (Heat Stroke)
โรคที่หลายคนมองข้าม เพราะเข้าใจว่าไม่มีความร้ายแรงอะไร แต่ความจริงแล้ว ฮีทสโตรก สามารถคร่าชีวิตของคุณได้โดยไม่รู้ตัว ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด คือการเป็นลมจากอากาศร้อน อุณหภูมิของร่างกายจะพุ่งขึ้นสูงจัด เนื่องจากร่างกายระบายปรับตัวได้ไม่ทัน เกิดได้แม้กับคนที่ร่างกายแข็งแรง มีอาการเบื้องต้นคือ ร่างกายร้อนจัดแต่ไม่มีเหงื่อออก กระหายน้ำมาก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ ช็อก หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

6. หูอักเสบ
เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักเกิดภายหลังการแคะหู หรือเล่นสาดน้ำแล้วมีน้ำเข้าหู จึงพยายามเช็ดหู มักจะมีอาการปวดหู หูอื้อ มีน้ำเหลืองเยิ้มคล้ายหูแฉะ อาจเป็นรุนแรงได้ในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็ง หรือผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน

7. บิดที่ตับ ปอด และสมอง
เป็นภัยอันตรายจากปรสิตในน้ำที่ใช่สาดเล่นสงกรานต์ เมื่ออยู่ในน้ำ เชื้อปรสิตเอนทะมีบา (Entamoeba) จะอยู่ในระยะซีสต์ และออกจากออกจากซีสต์เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ก่อนจะเจริญเติบโต จนทำให้เกิดแผลที่ลําไส้ใหญ่ ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นมูกปนเลือดเก่า มีกลิ่นเหม็นเน่า เชื้อเอนทะมีบาอาจก่อโรคนอกลําไส้ได้ โดยจะทําให้เกิดบิดที่ตับ ปอด และสมอง

8. โรคไวรัสตับอักเสบเอ
โรคไวรัสตับอักเสบเอ เป็นอีกโรคหนึ่งที่จากกับเชื้อโรคในน้ำสงกรานต์ มักเป็นการอักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน โดยมีอาการที่พบบ่อย คือ อาการคล้ายโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ เป็นหวัดปวดหัว มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเนื้อตัว เบื่ออาหาร คัดจมูกมาก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และท้องเสีย หลังจากนั้นจะมีอาการดีซ่าน อุจจาระอาจมีสีซีดจากขาดสารสีเหลือง อาจคลำพบ ตับ ม้ามโต หรือมีต่อมน้ำเหลืองด้านหลังลำคอโต คลำได้เจ็บเล็กน้อย

9. โรคสมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
อีกหนึ่งอันตรายจากปรสิตในน้ำสงกรานต์ โดย นีเกลอเรีย เป็นอะมีบาที่พบในแหล่งน้ำจืด รวมถึงน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ป่วยมักได้รับเชื้อโดยบังเอิญจากการสําลักน้ำทางจมูก เชื้อจะเข้าสู่โพรงจมูกแล้วผ่านเข้าสู่สมอง ทําให้เกิดโรคสมอง และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาการเบื้องต้นคือ มีไข้ คัดจมูกบ่อย ไม่รับกลิ่น ปวดศีรษะมาก คอแข็ง หลังแข็ง คลื่นไส้ อาเจียน ซึม ชัก และหมดสติ มักเสียชีวิตหลังจากเริ่มปรากฏอาการภายใน 7 วัน

10. โรคฉี่หนู
โรคฉี่หนูเป็นโรคที่ระบาดจากสัตว์มาสู่คน มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่าเลปโตสไปรา ที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ เช่น หนู วัว ควาย สุนัข แมว โดยคนสามารถรับเชื้อฉี่หนูนี้ได้ผ่านทางบาดแผล หรือผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานานๆ รวมถึงเยื่อเมือกอย่างตาและปากด้วย อาการของโรคฉี่หนูที่สังเกตได้ง่ายคือ ปวดศีรษะ มีไข้ เบื่ออาหาร ปาดเกร็งที่ขา อาจลุกลามไปถึงเยื่อบุตา และสมองอักเสบได้


กำลังโหลดความคิดเห็น