สำหรับบทความนี้ ยังคงได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.ฉัตรภา หัตถโกศล อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาไขความลับประโยชน์ของน้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติในนมและมอลต์ ให้คุณแม่ได้รู้กัน “ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าความหวานไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไปนะคะ หากคุณแม่ให้ลูกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะความหวานที่ได้จากน้ำตาลธรรมชาติอย่างเช่น น้ำตาลแลคโตส (Lactose) ในน้ำนม ไม่ว่าจะเป็นนมแม่ นมวัว นมแกะ นมแพะ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนม ซึ่งจะมีน้ำตาลแลคโตสอยู่ประมาณ 5% เมื่อเด็ก ๆ ดื่มนม น้ำตาลแลคโตสที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกย่อยที่บริเวณลำไส้เล็กโดยเอนไซม์แลคเตสจากลำไส้เอง ได้เป็นกลูโคสและกาแลคโตส เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานต่อไป”
“สำหรับ น้ำตาลแลคโตส มีประโยชน์ในการช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น สังกะสี ทองแดง โดยเฉพาะในช่วงวัยทารกและเด็กเล็ก น้ำตาลแลคโตสยังเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์ในลำไส้ (โพรไบโอติก) ที่ทำงานร่วมกับพรีไบโอติก เพื่อทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้นอีกด้วย”
นอกจากนมที่มีน้ำตาลแลคโตสแล้ว ยังมีเครื่องดื่มอีกหนึ่งประเภท คือ เครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ ที่มี น้ำตาลมอลโตส จากมอลต์ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการงอกของเมล็ดธัญพืช เช่น ข้าวบาร์เล่ย์ และเป็นน้ำตาลที่สามารถละลายน้ำได้ดี โดยมีรสชาติที่หวานน้อยกว่า ทำให้ช่วยลดพฤติกรรมการติดรสชาติหวานลง และทำให้ได้รับสารอาหารอื่น ๆ ที่มาจากมอลต์อีกด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว น้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่พบในนมและมอลต์นี้ จึงนับเป็นอีกทางเลือกในการใช้ความหวานจากธรรมชาติเสริมสร้างพลังงาน ในระดับความหวานที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ การเลือกผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีความหวานจากน้ำตาลธรรมชาติจึงนับเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะสามารถเสริมสร้างสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก ๆ ได้อย่างยั่งยืน ให้เด็ก ๆ เติบโตขึ้นแบบเด็ก ‘อ่อนหวาน’ แต่ยังคงได้รับพลังงานและสารอาหารที่เพียงพอต่อการทำกิจกรรมระหว่างวัน เช่นการเรียนหนังสือ ออกกำลังกาย เล่นกีฬา และเล่นกับเพื่อน ๆ