กล่าวกันว่ามังสวิรัตินั้นมีผู้ถือปฏิบัติมาเป็นเวลาช้านาน และกลายเป็นแนวปฏิบัติทางศาสนาสำหรับหลายศาสนาในตะวันออกกลางมาหลายพันปีแล้ว เช่น ศาสนาเซน ศาสนาฮินดูบางนิกาย ศาสนาโซโรแอสเตอร์ ศาสนาพุทธ และศาสนาอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วการกินอาหารมังสวิรัติแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
มังสวิรัติชนิดเคร่งครัด (strict vegetarian) เป็นมังสวิรัติที่กินอาหารจากพืชอย่างเดียว ไม่มีอาหารพวกเนื้อสัตว์ ไข่ นม หรือผลิตภัณฑ์ของไข่และนมเป็นส่วนประกอบของอาหารเลย
มังสวิรัติชนิดที่ดื่มนม (Lacto-vegetarian) อาหารมังสวิรัติประเภทนี้มีนมและผลิตภัณฑ์ของนมนอกเหนือจากอาหารพืช แต่ไม่มีเนื้อสัตว์และไข่เป็นส่วนประกอบของอาหารเลย
มังสวิรัติที่ดื่มนมและกินไข่ (Lacto-ovo-vegetarian) อาหารมังสวิรัติประเภทนี้มีไข่ นม และผลิตภัณฑ์ของนม นอกเหนือจากอาหารพืช แต่ไม่มีเนื้อสัตว์เลย
สำหรับอาหารหลักของนักมังสวิรัติไม่ว่าจะอยู่กลุ่มใดก็ตาม ก็สามารถแบ่งได้เป็น 4 หมู่ ดังนี้
โปรตีน ได้จากถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดทุกชนิด เห็ดข้าวกล้อง งา เมล็ดในของพืช โปรตีนเกษตร (เนื้อเทียม) ในผักบางชนิดก็มีโปรตีนแต่น้อยมาก ซึ่งอาหารโปรตีนนี้จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ทำให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย
คาร์โบไฮเดรต ได้จากอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล เช่น ข้าวกล้อง มัน เผือก น้ำตาลสีรำ และของหวานต่างๆ อาหารพวกจะให้พลังงานและความร้อน ทำให้เกิดพลังงาน ถ้ารู้สึกว่าอ่อนเพลีย ให้กินผลไม้ น้ำผึ้ง และน้ำอ้อย จะทำให้รู้สึกสดชื่นทันที
ไขมัน ได้จากน้ำมันพืช นม เนย และเมล็ดผลไม้ ถั่ว งา อาหารพวกนี้จะให้พลังงานและความร้อนเช่นเดียวกับหมู่ที่ 2
วิตามินและเกลือแร่ ได้จากผักสด ผลไม้ ถั่ว งา ข้าว ซึ่งแต่ละชนิดจะมีไม่เหมือนกัน จึงควรกินให้ครบทุกชนิดหมุนเวียนกันไป อาหารพวกนี้จะช่วยทำให้การสังเคราะห์สารเคมีต่างๆ ในร่างกายและการทำงานของอวัยวะต่างๆ สมบูรณ์
ที่สำคัญอีกอย่าง ก็คือ ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว นอกจะทำให้เซลล์สดชื่นแล้ว ยังช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย
ถึงตรงนี้ถ้ามองเฉพาะในเรื่องของอาหาร ระหว่างอาหารเจและอาหารมังสวิรัติ (เคร่งครัด) ดูจะที่ต่างอยู่ประการเดียวเท่านั้น คือ อาหารมังสวิรัติไม่ได้ระบุว่า ห้ามกิน (เสพ) พืช 5 ชนิด อันได้แก่ หัวหอม หลักเกียว กระเทียม กุยช่าย และใบยาสูบ เช่นคนที่กินอาหารเจ