นายสิทธิพร บุรณนัฏ ผู้จัดการสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ จำกัด เล่าสถานการณ์ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เนื้อวัวว่า ปัจจุบันการบริโภคเนื้อวัวของประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ตลาด ได้แก่ตลาดพรีเมี่ยม ตลาดโมเดิร์นเทรด และตลาดเขียง โดยส่วนที่เป็นปัญหาใส่สารเร่งเนื้อแดง ส่วนมากเกิดจากตลาดเขียงที่จำหน่ายในตลาดสด โดยกรมปศุสัตว์ตรวจพบสารเร่งเนื้อแดงตั้งแต่การเลี้ยงในฟาร์ม เนื่องจากผู้ผลิตไม่ต้องการให้เนื้อวัวมีไขมัน ซึ่งผู้บริโภคที่ซื้อไปรับประทานจะดูสภาพเนื้อวัวที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงนี้ได้ยาก
“สารเร่งเนื้อแดงเป็นสารที่ผิดกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ได้ออกตรวจตราเป็นพิเศษ จับกุมผู้กระทำผิดอยู่บ่อยครั้ง ส่วนตัวคิดว่าจะลงโทษฟาร์มอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้ความรู้และสร้างความรับผิดชอบกับเจ้าของเขียงที่นำมาจำหน่ายด้วย รวมถึงให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีระบบตลาดสอบสินค้าที่รวดเร็ว”
สำหรับสมาชิกของสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ เป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้ผลิตกว่า 100 ราย มุ่งจำหน่ายเนื้อในตลาดพรีเมี่ยมหรือเนื้อวัวราคาสูงที่มีไขมันแทรกอยู่ ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงไม่มีการใส่สารเร่งเนื้อแดงอย่างแน่นอน ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของสหกรณ์ฯ ขายให้ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านปิ้งย่างที่มีชื่อเสียง เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม: ประสบการณ์สุขภาพ : เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทั้งๆที่ชอบกินผัก
ใครบ้างเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ได้แก่ ผู้ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง อาหารฟาสต์ฟู้ด เนื้อแดง เนื้อแปรรูป หรืออาหารปิ้งย่างจนไหม้เกรียม และกินอาหารที่มีเส้นใยไฟเบอร์พวกผัก ผลไม้น้อย ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ออกกำลังน้อย ผู้มีประวัติหรือคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งลำไส้หรือเคยมีติ่งเนื้อในลำไส้ชนิด Adenomatous polyps และผู้มีปัญหาระบบขับถ่าย เช่น ลำไส้อักเสบ ท้องผูกเรื้อรัง ภาวะลำไส้แปรปรวน เป็นต้น
ทั้งนี้ มักพบโรคในผู้สูงอายุวัย 50-70 ปี ส่วนกลุ่มอายุน้อยกว่า 50 ปีที่มีประวัติครอบครัวเป็น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ อาจมีโอกาสเกิดโรคสูงขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนหนึ่งป้องกันได้หากหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และตรวจคัดกรองตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก จะทำให้การรักษาได้ผลดีและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติรณรงค์ให้ความรู้และแนวทางป้องกัน ควบคู่กับโครงการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงให้ผู้มีอายุ 50-70 ปี เข้ารับการตรวจเลือดแฝงในอุจจาระที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
“ประเทศไทยมีแนวโน้มอุบัติการณ์ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปคล้ายชาวตะวันตก หากไม่มีนโยบายคัดกรอง โรคมะเร็งลําไส้ใหญ่ อย่างจริงจัง จํานวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ภายในระยะเวลา 10 ปี มาอยู่ที่ราว 20,000 ราย ซึ่งย่อมส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นตามไปด้วย”วิธีเลือกกิน ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ผศ.ดร.ชนิพรรณ บุตรยี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาศาสตร์ทางอาหารและโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ภาวะโภชนาการที่มีความเสี่ยงต่อ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ ผู้ที่กินผักผลไม้น้อย ชอบกินเนื้อหมู เนื้อวัว และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปเป็นประจำ เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน แหนม กุนเชียง หรือท้องผูกเป็นประจำ
ดังนั้น ข้อแนะนำสำหรับประชาชนคือ ไม่ควรรับประทานเนื้อแดงเกิน 500 กรัม หรือครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ และควรสลับกับเนื้อไก่ เนื้อปลา หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์แปรรูปบ่อยๆ ขณะเดียวกันควรเพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ เพราะใยอาหารจะช่วยเร่งการขับถ่ายทำให้ของเสียไม่ตกค้างในลำไส้และเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีที่เจริญในลำไส้ใหญ่ ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ได้ นอกจากนั้น ควรมีการควบคุมปริมาณการใช้วัตถุเจือปนในอาหารแปรรูป เช่น สารไนไตรท์ สารไนเตรท ให้เป็นตามกำหนดในประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างจริงจัง
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่, เนื้อเเดง
Slices of beef steak on meat fork on white background
นายสิทธิพร บุรณนัฏ ผู้จัดการสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ จำกัด เล่าสถานการณ์ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เนื้อวัวว่า ปัจจุบันการบริโภคเนื้อวัวของประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ตลาด ได้แก่ตลาดพรีเมี่ยม ตลาดโมเดิร์นเทรด และตลาดเขียง โดยส่วนที่เป็นปัญหาใส่สารเร่งเนื้อแดง ส่วนมากเกิดจากตลาดเขียงที่จำหน่ายในตลาดสด โดยกรมปศุสัตว์ตรวจพบสารเร่งเนื้อแดงตั้งแต่การเลี้ยงในฟาร์ม เนื่องจากผู้ผลิตไม่ต้องการให้เนื้อวัวมีไขมัน ซึ่งผู้บริโภคที่ซื้อไปรับประทานจะดูสภาพเนื้อวัวที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงนี้ได้ยาก
“สารเร่งเนื้อแดงเป็นสารที่ผิดกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ได้ออกตรวจตราเป็นพิเศษ จับกุมผู้กระทำผิดอยู่บ่อยครั้ง ส่วนตัวคิดว่าจะลงโทษฟาร์มอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้ความรู้และสร้างความรับผิดชอบกับเจ้าของเขียงที่นำมาจำหน่ายด้วย รวมถึงให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีระบบตลาดสอบสินค้าที่รวดเร็ว”