จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสโตนีบรูค (Stony Brook University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารประสาทวิทยา (Journal of Neuroscience)
เผยว่า สมองก็มีฟังก์ชันกำจัดขยะด้วยตัวเอง ผ่านระบบที่หมอตั้งชื่อว่า กลิมพาติก (Glymphatic System) ซึ่งทำงานคล้ายกับระบบต่อมน้ำเหลืองของร่างกาย โดยทุกคนให้ความสำคัญกับการค้นพบนี้ เพราะว่าขยะในสมอง เช่น อัลมีลอยด์ บีตา (Amyloid Beta) และโปรตีนเทา (Tau Proteins) เป็นตัวจุดชนวนโรคอัลไซเมอร์ และโรคระบบประสาทอื่นๆ
นอนตะแคง
โดยระบบกลิมพาติก จะทำงานดีที่สุดขณะหลับ
นักวิจัยจึงทำการทดลอง ผ่านการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อสำรวจเส้นทางของระบบนี้ในหนูทดลอง ขณะ นอนตะแคงข้าง นอนหงาย และนอนคว่ำ โดยเจ้าของงานวิจัย แพทย์หญิง ดร. เฮเลน เบนเวนิสเต อาจารย์มหาวิทยาลัย สรุปว่า หนูตัวที่นอนตะแคงข้าง สามารถกำจัดแอมีลอยด์ บีตาได้ดีกว่าถึงร้อยละ 25 และยืนยันว่า ขยะสมองเหล่านี้ไม่ได้มีต้นกำเนิดในสมองโดยตรง
ดร. เฮเลนอธิบายว่า
การนอนตะแคงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองไขสันหลัง ท่านี้จึงทำให้สมองกำจัดขยะได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันโรคระบบประสาท นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน นายแพทย์ ดร. คริสโตเฟอร์ วินเทอร์ ยังเสริมว่า ท่านอนตะแคงถือเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพที่สุด เพราะยังช่วยลดปัญหาการนอนกรน และดีต่อผู้ที่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับอีกด้วย
http://www.goodlifeupdate.com/16491/healthy-body/research-side-sleep1234/