พวกเราคงจะได้ยินคำแนะนำให้กินถั่วเปลือกแข็ง (nut / นัท)
วันละ 1 ฝ่ามือเล็กๆ
หรือน้อยกว่า 1 ฝ่ามือหน่อย เพื่อสุขภาพ
การปรุงถั่วลิสงมากเกินไป เช่น
ร้อนเกิน หรือนานเกิน ฯลฯ อาจมีส่วนทำให้สารต้านอนุมูลอิสระในถั่วลดลงได้
ถั่วลิสงต้ม อย่าคิดว่าไม่สำคัญ หรือกินเล่น ๆ แต่ความจริงแล้วเป็นอาหารที่ให้ประโยชน์มาก
ถั่วลิสงต้ม มีสาร isoflavones ซึ่งสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ
- ป้องกันโรคมะเร็ง
- โรคเบาหวาน
- โรคหัวใจ
วารสาร the Journal of Agricultural and Food Chemistry
รายงานผลการวิจัย ปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) พบว่า
ถั่วลิสงต้ม มีสาร isoflavones มากกว่าถั่วลิสงดิบ ถึง 4 เท่า
มากกว่าถั่วลิสงอบ และมากกว่าแยมถั่วลิสง หรือ Peanut butter ด้วยนะครับ
ถั่วลิสงเป็นแหล่งสารเรสเวอราทรอล (resveratrol)
ซึ่งเป็นหนึ่งในสารพฤกษเคมี (สารคุณค่าพืชผัก) ที่พบในองุ่นและไวน์
ซึ่งอาจทำให้คนฝรั่งเศสอายุยืน
และมีโรค เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน ฯลฯ น้อยลง
Resveratrol ต้านโรคผื่นคัน
ลดน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และ โรคหัวใจ
ในเมล็ดถั่วลิลงต้มมีสาร Resveratrol มากเป็นที่สอง รองจากที่มีในผิวขององุ่นแดงเลยทีเดียว
และแน่นอนว่า ถั่วลิสงต้มอุดมไปด้วยโปรตีน และ เส้นใยที่เป็นประโยชน์มาก ต่อร่างกายมนุษย์
นอกจากนี้ ถั่วลิสงต้ม ยังมีวิตามิน และ เกลือแร่อีกหลายอย่าง เช่น
- วิตามินบีคอมเพล็ก (niacin, thiamine, folate and pantothenic acid)
- วิตามินอี
และ แร่ธาตุ หลายอย่าง เช่น
- แคลเซี่ยม (ช่วยกระดูก)
- แมกนีเซียม
- ฟอสฟอรัส
- โปแตสเซียม
- โซเดียม
ถั่วลิสงต้ม ไม่มีคอเลสเตอรอล
และ มีไขมันที่มีประโยชน์ (monounsaturated และ polyunsaturated)
เรื่องถั่วต้มนี่.... น่าสนใจมากครับ
มีอีกหลายเหตุผลที่คนเราน่าจะกินถั่วต้มเป็นอาหารเสริม
(1). ถั่วมีหลายสี เช่น สีแดง สีเขียว สีเหลือง(ถั่วเหลือง) ฯลฯ
การกินถั่ววันละ 3-4 ชนิดช่วยให้ได้สีครบ 3 สีสัญญาณจราจร หรือ 5 สีต้านมะเร็งได้ทุกวัน
(2). ถั่วมีเส้นใยชนิดละลายน้ำ ช่วยดูดซับน้ำดี อาจทำให้โคเลสเตอรอลชนิดเลวต่ำลง
(3). เส้นใยชนิดละลายน้ำ ช่วยดูดซับน้ำตาล ทำให้น้ำตาลในเลือดหลังอาหารขึ้นช้า-ลงช้า
อิ่มนาน ชะลอความเสื่อมจากอายุ
(4). เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ใช้ช่วยลดการกินเนื้อ ทำให้สุขภาพดีขึ้นได้มากมาย...
น่าจะลองทำถั่วลิสงต้มกินเอง
ซึ่งควรเลือกเมล็ดที่ลอยน้ำ(มักจะเสีย) หรือเมล็ดที่มีรอยเน่าเสียทิ้งไป
และไม่ควรกินติดต่อกันทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารหลากหลายชนิด และไม่ซ้ำซากจนเกินไป
ข้อควรระวังสำหรับถั่วลิสง คือ "น้อยไว้ละดี"
ไม่ควรกินเกินครั้งละ 1 ฝ่ามือน้อยๆ (ไม่รวมนิ้วมือ) เคี้ยวช้าๆ เพื่อให้เกิดความรู้สึก "อิ่ม"
ถ้าต้องการนำไปใช้ลดความอ้วน... ให้เดินหลังกินถั่วลิสง 10-20 นาทีทุกครั้ง จึงจะได้ผลดี
ข้อดีเป็นพิเศษของถั่วลิสง ได้แก่
- มีเส้นใย(ไฟเบอร์)
- โปรตีน สารพฤกษเคมี(สารคุณค่าพืชผัก)
- สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) สูง
- มีไขมันชนิดเลว หรือไขมันอิ่มตัวต่ำ
- มีไขมันชนิดดีมาก หรือไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว (monounsaturated fatty acids / MUFA) สูง
ไขมันชนิดนี้ช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และมีแนวโน้มจะช่วยเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
คุณสมบัตินี้จะด้อยลงไปมาก ถ้านำไปทอด เนื่องจากน้ำมันชนิดดีจะซึมออกมา และน้ำมันที่ใช้ทอดจะซึมเข้าไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
http://www.oknation.net/
http://www.thongjoon.com/ ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
หนึ่งเดียว หลุดพ้น
Elder
Re: ถั่วลิสงต้ม อาหารต้านอนุมูลอิสระ : ประโยชน์ของถั่วลิสง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2013 02:07 PM »
ประโยชน์ของถั่วลิสง
เมื่อพูดถึงถั่วลิสงคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักใช่ไหมค่ะ แล้วคุณรู้ไหมว่าประโยชน์ของถั่วลิสงนั้นมีมากมายแถม ประโยชน์ของถั่วลิสง ก็ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วยนะ ว่าแล้วเราคงต้องหันมารับประทานถั่วลิสงกันเยอะ ๆ ซะแล้ว เพราะประโยชน์ของถั่วลิสง มีมากมายจริง ๆ เลย แถมกินเพลินสนุกปากกันไปเลย ว่าแล้วอย่ารอช้าเรามาดู ประโยชน์ของ
ถั่วลิสง และสรรพคุณกันเลยค่ะ
สรรพคุณ / ประโยชน์ของถั่วลิสง
- ก้านและใบ ใช้สดและแห้งถ้าสดใช้ประมาณ 40 กรัม ถ้าใช้แห้งประมาณ 30 กรัม นำมาต้มกินน้ำหรือใช้ภายนอกตำพอกรักษาแผลหกล้มกระทบกระแทกหรือแผลที่มีหนองเรื้อรังใช้กินเป็นยาลดความดันโลหิตสูง นอกจากนี้แล้วในก้านและใบยังมีสาร 1-pentene-3-ol, l-hexanol, linalool, -terpinol และ geraniol
- เมล็ด ใช้แห้งประมาณ 60-100 กรัม นำมาบดชงหรือต้มกินจะมีรสชุ่มหล่อลื่นปอดรักษาอาการไอแห้ง ๆ บำรุงกำลัง บำรุงน้ำนมในสตรีหลังคลอดที่มีน้ำนมน้อย สมานกระเพาะอาหารและในเมล็ดนั้นจะมีน้ำมันประมาณ 40-50% สารประกอบพวกที่มีไนโตนเจน เซลลูโลส แห้ง เถ้า และพวกวิตามินต่าง ๆ สารไนโตรเจนนอกจากจะเป็นโปรตีนแล้วยังมีพวกกรดอมิโน อัลคาลอยด์ และวิตามินได้แก่วิตามินบีหนึ่ง
- น้ำมันจากเมล็ด ใช้ประมาณ 30-60 มล. นำมาผสมกินจะมีรสชุ่ม เป็นยาระบาย หล่อลื่นลำไส้ ถ้าใช้ภายนอกให้ใช้ทาถูนวด นอกจากนี้แล้วน้ำมันในเมล็ดยังประกอบด้วยกรดไขมันและกลีเซอไรด์
- อื่น ๆ ถั่วลิสงเป็นพรรณไม้ที่ให้น้ำมันมากและเมล็ดยังใช้ทำเป็นขนมและผสมในลูกกวาด ช็อกโกแลต ใส่แกงต้มจืด นอกจากนี้ยังทำเป็นเนยเทียมก็ได้ ส่วนกากของเมล็ดนั้นบีบน้ำมันให้เป็นกรดอมิโนอาจินีน (arginine) และกรดกลูตามิค (glutamic acid) แล้วยังใช้เป็นอาหารสัตว์ทำปุ๋ยหรือเป็นยาฆ่าแมลง และน้ำมันจากเมล็ดนี้ยังใช้ถูทารักษาอาการปวดตามข้อและปวดตามกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังใช้เป็นตัวทำละลายของยาฉีดที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อบางชนิดหรือใช้ทำยาเตรียมพวก Iiniments ทำปลาสเตอร์ ทำสบู่ใช้เช่นเดียวกับน้ำมันโอลีฟและยังใช้เป็นพวกน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องจักรเมล็ดถั่วลิสงและน้ำมันใช้เป็นอาหาร
ตำรับยา
1. สำหรับสตรีหลังคลอดบุตรใหม่ มีน้ำนมน้อย ใช้เมล็ดประมาณ 100 กรัม และขาหมูขาหน้าเอามาต้มกิน
2. อาการไอแห้ง ๆ เรื้อรัง และเด็กที่ชอบไอกรน ให้ใช้เมล็ดถั่วต้มใส่น้ำตาลกรวดหรือเกลือกิน
3. ขาเป็นเหน็บชาบ่อย ๆ ให้ใช้เมล็ดสดและต้องมีเยื่อหุ้มเมล็ดอยู่ประมาณ 100 กรัมและถั่วแดง ประมาณ 100 กรัม เปลือกผลของพุทราจีนประมาณ 100 กรัม ใช้ต้มกินหลาย ๆ ครั้ง
ข้อมูลทางคลีนิค
1. รักษาโรคตับอักเสบเป็นดีซ่านอย่างเฉียบพลัน
2. รักษาเยื้อตาอักเสบอย่างเฉียบพลันชนิดที่ติดต่อได้
3. ใช้ฉีดเป็นยาสลบ
4. รักษาอาการนอนละเมอผิดปรกติ
5. รักษาพยาธิไส้เดือนที่อุดตันในลำไส้
6. รักษาโรคบิดแบคทีเรียอย่างเฉียบพลัน
ข้อมูลทางเภสัชวิทยา
1. น้ำมันถั่วลิสง กับการเกิดอาการโรคหลอดเลือดแข็งตัว (Arteriosclerosis)
2. น้ำมันถั่วลิสงที่ใช้เป็นยาฉีดจะมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคบางชนิดได้เล็กน้อย
3. ฤทธิ์อื่น ๆ ในเมล็ดถั่วลิสงจะมีสารที่ทำให้เป็นเม็ดเลือดแดงของคนที่ผานเอนไซม์นิวรามิเดส (Neuramidase) มาก่อนจะจับตัวกัน (Vegetable agglutinin) จัดเป็นสารที่ต่อต้านสารพ (Anti-P agglutinin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว
4. ห้ามโลหิต รักษาอาการโลหิตออกง่ายในโรคฮีโมฟิลเลีย (Haemophilia)