ลายเป็นข้อมูลที่เห็นแล้วต้องตาโตจริง ๆ เลยว่าไหมคะ ใครจะเชื่อล่ะว่า แค่กลิ่นผลไม้ที่เราดมเข้าไป จะช่วยเปลี่ยนข้อมูลในสมอง โน้มน้าวให้เราตัดสินใจเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากินได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องฝืนใจ หรือใช้ความพยายามมากเท่าเมื่อก่อน และแม้ว่าจะมีอาหารอันโอชะ (ซึ่งมักจะเป็นอาหารที่ทำให้อ้วน !) วางล่อตาล่อปากอยู่ตรงหน้า ผลวิจัยที่เว็บไซต์ Daily Mail เขานำมาเผยแพร่ ก็บอกว่า เราจะเมินหน้าหนี แล้วเลือกอาหารเพื่อสุขภาพมากินแทนหน้าตาเฉยเลยล่ะ
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเบอร์กันดี ประเทศฝรั่งเศส ให้ข้อมูลว่า จากการทดลอง ผู้ทดลองที่ดมกลิ่นผลไม้ก่อนเลือกอาหาร จะพลิกแพลงความอยากอาหารจากตอนก่อนได้ดมกลิ่นผลไม้โดยไม่รู้ตัว สอดคล้องกับผลวิจัยอีกงานหนึ่งที่คัดเลือกอาสาสมัครกว่า 115 คน คละหญิง-ชาย อายุระหว่าง 18-50 ปี โดยจับแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้นั่งอยู่ในห้องที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นลูกแพร์สด ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งถูกแยกให้นั่งอยู่ในห้องปกติ ไม่มีกลิ่นใด ๆ รบกวน
หลังจากนั้น 15 นาที ผู้ทดลองทั้งสองกลุ่มจะได้เลือกอาหารแบบบุฟเฟต์ โดยดูจากเมนูที่ทีมนักวิจัยเตรียมไว้ให้ ซึ่งในเมนูนั้นจะมีอาหารให้เลือก 3 คอร์สด้วยกัน คอร์สแรกเป็นอาหารประเภทผัก และผลไม้เป็นส่วนใหญ่ นอกนั้นเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และขนมหวาน ซึ่งไม่มีผัก และผลไม้ปะปนอยู่เลย
ผลการวิจัยก็ปรากฏว่า กลุ่มผู้ทดลองที่ได้ดมกลิ่นลูกแพร์ มีแนวโน้มเลือกอาหารคอร์สแรก (ผัก และผลไม้) มากกว่าอาหารคอร์สอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ทดลองที่ไม่ได้ดมกลิ่นลูกแพร์ กลับมีแนวโน้มเลือกรับประทานขนมหวาน (บราวนี่ช็อกโกแลต ราดน้ำเชื่อมผลไม้) มากกว่า
วิธีลดความอ้วน
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็อธิบายถึงการทดสองไว้ด้วยว่า กลิ่นสดชื่นของผลไม้ จะช่วยลดความอยากอาหาร และกำราบปัจจัยกระตุ้นให้อยากกินของหวานได้ประมาณหนึ่ง เนื่องจากกลิ่นผลไม้จะไปสะกิดให้สมองรู้จักแยกแยะอาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารที่ไม่มีประโยชน์อย่างชัดเจนมากขึ้น ผลักดันให้เรารู้สึกระมัดระวังในการกินมากขึ้นไปด้วยนั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ผลการวิจัยยังพิสูจน์มาอีกด้วยนะคะ ว่ากลิ่นผลไม้เกือบทุกชนิด จะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เพราะกลิ่นหอมหวานของผลไม้ สามารถลดความหิวที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แถมยังส่งผลกระทบไปถึงสมอง ให้ร่างกายเกิดความรู้สึกอยากกินผลไม้ขึ้นมาจริง ๆ ซะอย่างนั้นเลยด้วย
แบบนี้ก่อนทานอาหาร คงต้องหากลิ่นผลไม้มาดมซะหน่อยแล้วล่ะมั้ง ดูซิว่าจะช่วยลดความอยากอาหารของเราได้ขนาดไหน