"การกินเจทำให้ได้รับโปรตีนจากพืช ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากสัตว์ เพราะโปรตีนจากพืชมีกรดอะมิโนใกล้เคียงกับสัตว์ อย่างกรดอะมิโน เมทไทโอนิน (methionine) กับไลซีน (lysine) ซึ่งกรดอะมิโนชนิดนี้มีอยู่ในข้าวกล้อง ถ้ากินควบคู่กับอาหารเจทำให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน ที่สำคัญโปรตีนจากพืชไม่มีคอเรสเตอรอล เหมือนกับเนื้อสัตว์ แต่มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย" อาจารย์สง่า แจกแจง"การกินเจทำให้ได้รับโปรตีนจากพืช ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากสัตว์ เพราะโปรตีนจากพืชมีกรดอะมิโนใกล้เคียงกับสัตว์ อย่างกรดอะมิโน เมทไทโอนิน (methionine) กับไลซีน (lysine) ซึ่งกรดอะมิโนชนิดนี้มีอยู่ในข้าวกล้อง ถ้ากินควบคู่กับอาหารเจทำให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน ที่สำคัญโปรตีนจากพืชไม่มีคอเรสเตอรอล เหมือนกับเนื้อสัตว์ แต่มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย" อาจารย์สง่า แจกแจง
ทั้งนี้ หลายคนอาจมองว่าเจสามารถกินได้ทุกเพศทุกวัย แต่ควรกินอย่างไรให้เหมาะสมกับวัยนั้น อาจารย์สง่าแนะนำว่า การกินเจให้สมวัย เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี เป็นวัยที่ไม่เหมาะสมต่อการกินเจ เพราะโอกาสที่เด็กจะขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมีมาก เนื่องจากเด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต สมองและร่างกายต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ เด็ก ๆ ไม่สามารถปรับตัวได้เหมือนกับผู้ใหญ่ หรืออาจให้กินได้แต่ต้องไม่เคร่งครัด ต้องให้กินนมและไข่ด้วย
สำหรับเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไปจนถึงวัยเรียน สามารถกินได้ แต่ต้องไม่เคร่งครัด และต้องมั่นใจว่าเด็กได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ กินนมและไข่ได้ ส่วนเด็กอายุ 14 ปีขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่และผู้สูงอายุสามารถกินได้ตามปกติ แต่สำหรับผู้สูงอายุควรเน้นอาหารเจที่ย่อยง่าย
เทศกาลกินเจในปีนี้ น่าจะเป็นการสร้างมิติใหม่ของการกินเจ เพื่อปลูกฝังให้คนรุ่นใหม่หันมากินเจอย่างฉลาด มีสติ และเกิดจากความศรัทธาและความตั้งใจอย่างแท้จริง มิใช่เพียงทำตามกระแสเท่านั้น