รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนามกล่าวว่ารัฐบาลตั้งเป้าการเติบโตของจีดีพีไว้ที่อย่างน้อย 10% ในปี 2569 โดยระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศมีความยืดหยุ่นแม้จะมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก
ผู้นำเวียดนามคาดการณ์ว่าการเติบโตในปีนี้จะอยู่ที่ 8% และเสริมว่ารัฐบาลจะยังคงยึดมั่นในเป้าหมายการเติบโตที่สูงกว่า 8%
นายกฯ จีงแสดงความเห็นดังกล่าวในการประชุมสภาที่จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 11 ธ.ค. และจะมีการลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งสำคัญของรัฐบาลและรัฐก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่พรรค ที่จะกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายหลักของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า
นายกฯ จีง กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อจะต่ำกว่า 4% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ 4.5%-5.0%
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ จีดีพีขยายตัว 7.85% ต่อปี ขณะที่ธนาคารโลกคาดการณ์การเติบโตที่ 6.6% ในปีนี้ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศประมาณการไว้ที่ 6.5%
“เศรษฐกิจของเวียดนามได้รับการพิสูจน์แล้วว่าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต้านทานแรงสั่นสะเทือนจากภายนอก และยังคงเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก” นายกฯ จีง กล่าวต่อรัฐสภา
ผู้นำเวียดนามยังกล่าวอีกว่ามูลค่าการค้าสินค้าของเวียดนามคาดว่าจะสูงถึง 900,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2568 แม้จะมีภาษีนำเข้า 20% ที่ทำให้การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรองเท้าและสิ่งทอ
อย่างไรก็ตาม เวียดนามกำลังเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ รวมถึงแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ความผันผวนของทองคำและตลาดอสังหาริมทรัพย์ มลพิษทางอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และอาชญากรรมไซเบอร์
“การพัฒนายังคงพึ่งพาแรงงานค่าแรงต่ำและทรัพยากรอย่างมาก ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล” นายกฯ จีง ระบุ
เขาย้ำถึงความตั้งใจของเวียดนามที่จะลงนามข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ในปีหน้ากับประเทศในตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และแอฟริกา เพื่อกระจายตลาดส่งออก
เวียดนามตั้งเป้าที่จะเริ่มการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และเปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในปีหน้า.