รอยเตอร์ - การส่งออกของเวียดนามในเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 14.5% จากปีก่อนหน้า ที่ 43,390 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของรัฐบาลที่เผยแพร่วานนี้ (6) นับเป็นตัวเลขการค้าครั้งแรกตั้งแต่อัตราภาษีนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐฯ ในอัตรา 20% มีผลบังคับใช้
สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุในรายงานว่า การนำเข้าในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 17.7% จากปีก่อนหน้าที่ 39,670 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เวียดนามมีดุลการค้าเกินดุล 3,720 ล้านดอลลาร์ในเดือนดังกล่าว
สหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้า 20% ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. ขณะที่การขนส่งสินค้าจากประเทศที่สามผ่านเวียดนามต้องเสียภาษีนำเข้า 40%
สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ศูนย์กลางการผลิตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้มีมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ รวม 99,100 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดือนม.ค. ถึงเดือนส.ค.
การค้าระหว่างเวียดนามและจีนมีมูลค่า 117,900 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเวียดนามพึ่งพาจีนอย่างมากในด้านวัสดุอุปกรณ์สำหรับการผลิตในภาคอุตสาหกรรม
นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนาม กล่าวว่าความตึงเครียดทางการค้าโลก ประกอบด้วยความขัดแย้งทางทหารและภูมิรัฐศาสตร์ กำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน
“การเติบโตของการบริโภคภายในประเทศ การส่งออก และการลงทุนภาครัฐมีสัญญาณของการชะลอตัว” ผู้นำเวียดนามกล่าวในการประชุมคณะรัฐมนตรีในกรุงฮานอย พร้อมเตือนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นกับเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยน
รายงานระบุว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนส.ค. ขยายตัวขึ้น 8.9% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10.6% ส่วนราคาผู้บริโภคในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 3.24% จากปีก่อนหน้า
เวียดนามตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ไว้ที่ 8.3%-8.5% โดยมีเป้าหมายเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 4.5%-5.0%
“เป้าหมายการเติบโตของปีนี้นับเป็นเป้าหมายที่ยาก แต่เราต้องบรรลุเป้าหมายนั้น ไม่ว่าจะยากเพียงใดก็ตาม” นายกฯ จีง กล่าว
สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกของปี การส่งออกขยายตัว 14.8% จากปีก่อนหน้า ที่มูลค่า 305,960 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้าเพิ่มขึ้น 17.9% ที่ 291,970 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การค้าเกินดุลที่ 13,990 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาดังกล่าว สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุ.